ตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน 11 รายการ สำหรับผู้หญิง

การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน⠀เป็นสิ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นใจก่อนสร้างครอบครัว และนอกจากเป็นการตรวจเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมีลูกแล้ว ยังเป็นการตรวจเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนรัก เพื่อให้มั่นใจว่าคุณและคู่พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ รวมไปถึงการมีลูกอย่างปลอดภัย

การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน มีข้อดีอย่างไร?
-⠀เพิ่มความมั่นใจ⠀ว่าไม่อยู่ในระหว่างการติดเชื้อที่อาจแพร่ไปสู่คนรักได้ ซึ่งการตรวจโดยหลักๆ แล้ว ได้แก่ การตรวจเชื้อเอชไอวี เชื้อไวรัสตับอักเสบบี/ซี ซิฟิลิส และการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น หนองใน เริม หูดหงอนไก่ หูดข้าวสุก เป็นต้น
-⠀เป็นการตรวจความพร้อมที่จะมีบุตร⠀เช่น ตรวจร่างกายโดยแพทย์ ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ตรวจหมู่เลือด ตรวจโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ เป็นต้น หรือบางคู่อาจตรวจร่างกายเพิ่มเติมเพื่อดูว่าเข้าข่ายภาวะมีบุตรยากหรือไม่
-⠀ได้ตรวจความเสี่ยงของโรคบางโรคที่อาจถ่ายทอดทางพันธุกรรม⠀ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ หรือสุขภาพของลูกในอนาคตได้ เช่น โลหิตจาง หรือธาลัสซีเมีย เป็นต้น

ตรวจอะไรบ้าง?
โดยทั่วไป การตรวจก่อนแต่งงานจะประกอบไปด้วยการตรวจดังต่อไปนี้

การตรวจภาวะเจริญพันธุ์
โดยทั่วไปจะมีการตรวจร่างกายโดยแพทย์ เพื่อดูความพร้อมของร่างกายและระบบสืบพันธุ์ในการมีบุตร และอาจมีการตรวจเพิ่มเติมด้วยเครื่องมืออื่น เช่น เอกซเรย์ อัลตราซาวด์ ประกอบกันเพื่อช่วยให้การประเมินแม่นยำยิ่งขึ้น

การตรวจเลือด
นอกจากการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแล้ว จะมีการตรวจกรุ๊ปเลือดหรือหมู่เลือด ได้แก่ หมู่เลือด ABO และ หมู่เลือด Rh เพื่อดูความเข้ากันได้ระหว่างหมู่เลือดของหญิงและชาย การตรวจนี้จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับโรคเลือด หรือเกิดการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงของทารกในครรภ์จากความไม่เข้ากันของหมู่เลือด

การตรวจหาเชื้อหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบชนิดบี และซี เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ที่ส่งผลเสียในระยะยาว และสามารถติดต่อจากแม่สู่ทารกในครรภ์ จึงมีความจำเป็นต้องตรวจเชื้อเหล่านี้ หรือตรวจดูภูมิคุ้มกันก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์หรือเตรียมมีบุตร
นอกจากนี้เพื่อป้องกันการติดเชื้ออื่นๆ จึงมักมีการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่างร่วมด้วย เช่น ซิฟิลิส หนองใน หูดหงอนไก่ เป็นต้น

การตรวจโรคทางพันธุกรรมและโรคเรื้อรัง
การตรวจโรคเหล่านี้จะทำให้ทราบความเสี่ยงในการเกิดโรคที่ถ่ายทอดไปสู่ลูกได้ เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย เบาหวาน เป็นต้น