ตรวจความเสี่ยงข้อเข่าเสื่อม (Urine CTX II) ด้วยวิธีตรวจปัสสาวะ ที่ โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการ

โรคข้อเข่าเสื่อม คือภาวะที่กระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่าเกิดการสึกหรอ และเสื่อมลงอย่างช้าๆ ตามอายุและการใช้งาน

การตรวจข้อเข่าเสื่อม ดีอย่างไร?

• ผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นข้อเข่าเสื่อม ทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการ การตรวจคัดกรองจะทำให้ทราบลักษณะและสภาพของข้อเข่าในปัจจุบันว่ามีความสมบูรณ์ดีหรือไม่ หากมีอาการจะช่วยยืนยันว่าอาการที่เป็นเกิดจากความเสื่อมของข้อเข่าหรือไม่
• หลังจากตรวจ จะได้ทราบถึงข้อควรระวังหรือการปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม เพื่อชะลอให้ความเสื่อมตามธรรมชาติเกิดช้าลง
• หากพบว่ามีความผิดปกติ และจำเป็นต้องมีการรักษา จะได้ทำตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่โรคจะดำเนินไปถึงขั้นรุนแรงจนส่งผลต่อการเดินและการใช้ชีวิต

สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม
โดยปกติกระดูกอ่อนบริเวณข้อจะมีลักษณะเรียบลื่น เป็นมัน และมีน้ำเลี้ยงระหว่างข้อช่วยกระจายแรงและลดแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกับข้อต่อ ทำให้เคลื่อนไหวได้ราบลื่น
แต่กระดูกอ่อนของผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมจะบางลง และอาจแตกหรือมีลักษณะเปื่อยยุ่ย จากการกระแทกหรือเสียดสีกันเพราะน้ำเลี้ยงระหว่างข้อลดลงเมื่ออายุมากขึ้น จนทำให้เกิดอาการปวดเข่า เข่าบวม ข้อยึดติด จนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

อาการของโรคข้อเข่าเสื่อม
อาการเหล่านี้ มักเกิดขึ้นเรื้อรังและมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่รีบทำการรักษา

• รู้สึกเจ็บและฝืดที่ข้อเข่า โดยเฉพาะเวลาเคลื่อนไหวร่างกาย
• มีเสียงลั่นในข้อเวลาเคลื่อนไหว
• เมื่อกดที่เข่าจะรู้สึกเจ็บ และมีอาการเข่าอ่อนแรง
• ข้อเข่าขาดความยืดหยุ่น ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เต็มที่ หากไม่ได้ขยับนานๆ อาจเกิดอาการเข่ายึด เช่น เวลายืนค้างท่าเดิมเป็นเวลานาน จะขยับขาเดินลำบาก

การตรวจข้อเข่า มีวิธีอย่างไร?
โดยปกติวิธีตรวจเข่าสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของข้อเข่าในแต่ละรายแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประวัติรวมถึงความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ในแต่ละคน โดยจะเริ่มจากการซักประวัติ การตรวจอื่นๆ และการตรวจทางรังสีวิทยาเพื่อให้เห็นรูปร่างของข้อเข่าที่ผิดปกติ
การตรวจเข่าที่มักพบในโรงพยาบาลและคลินิกกายภาพบำบัด มีดังนี้

• การตรวจและทดสอบทางกายภาพ เช่น การตรวจช่วงการเคลื่อนไหว การตรวจกำลังกล้ามเนื้อ เป็นต้น
• การตรวจทางรังสีวิทยา เป็นการตรวจอย่างละเอียดเพื่อให้เห็นทั้งโครงสร้างของกระดูกข้อเข่า ทำให้เห็นความผิดปกติได้ชัดเจนขึ้น แบ่งเป็น 2 แบบคือ 

1. การถ่ายภาพด้วยรังสีเอกซเรย์ (X-ray) โดยทั่วไปการถ่ายภาพเอกซเรย์เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอให้เห็นลักษณะโครงสร้างของเข่าที่ผิดปกติแล้ว
2. การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging: MRI) การตรวจแบบนี้โดยปกติจะไม่จำเป็น แต่จะทำให้เห็นภาพที่ละเอียดขึ้น

การตรวจน้ำไขข้อทางห้องปฏิบัติการ (Arthrocentesis)
เป็นการดูดของเหลวในข้อเข่าออกมาวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ มักทำในผู้ที่มีข้อเข่าบวมมากและอาจติดเชื้อในข้อเข่าตามการวินิจฉัยของแพทย์ หรืออาการไม่ดีขึ้นหลังผ่านการรักษามาระยะหนึ่ง

โรงพยาบาลและคลินิกอื่นที่มีบริการ ตรวจ รักษา และผ่าเข่า ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่