HDmall สรุปให้
ปิด
ปิด
- RT-PCR เก็บตัวอย่างโดยการ Swab หรือ แยงจมูก แล้วนำตัวอย่างไปตรวจในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่ได้มาตรฐานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยจะทราบผลภายใน 24-72 ชั่วโมง
- Rapid Antigen test เก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกด้านหลัง หรือช่องปากและลำคอ แล้วนำตัวอย่างตรวจในแถบทดสอบของชุดตรวจ สามารถทราบผลได้ภายใน 10 - 30 นาทีเท่านั้น โดยการอ่านแถบทดสอบ
- RT-PCR เป็นวิธีมาตรฐานสากล (Gold Standard) ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ประเทศต่างๆ ใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพราะมีความแม่นยำที่สุดในปัจจุบัน
- Rapid Antibody Test กันมาบ้าง ซึ่งเป็นการตรวจหาภูมิคุ้มกัน โดยการเก็บตัวอย่างจากการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว แล้วนำไปหยดในแถบทดสอบ วิธีนี้จะตรวจพบภูมิคุ้มกันได้ในระยะที่เชื้อไวรัสเริ่มมีปริมาณลดลงแล้ว มักอยู่ในช่วง 1 สัปดาห์หลังการติดเชื้อ หรือหลังจากหายป่วย
- เปรียบเทียบราคาล่าสุดและแพ็กเกจหาเชื้อโควิด-19 หรือแอดไลน์ @hdcoth
ตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นๆ ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวลกับสถานการณ์นี้อย่างมาก โดยเฉพาะประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ไม่แน่ใจว่า “ตนเองกำลังติดเชื้ออยู่หรือไม่” และควรต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบใดจึงจะ "ใช่" และ "เหมาะสม" กับตนเองที่สุด
ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม HDmall.co.th จะสรุปวิธีตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR และ Rapid Antigen Test ให้เข้าใจได้ง่ายดังนี้
ตรวจโควิด-19 มีกี่วิธี?
ปัจจุบันในประเทศไทยมีการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ที่ก่อให้เกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด -19 (COVID-19) 3 วิธี ได้แก่
- ตรวจด้วยวิธี RT-PCR เก็บตัวอย่างโดยการ Swab หรือ แยงจมูก แล้วนำตัวอย่างไปตรวจในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่ได้มาตรฐานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (Department of Medical Sciences)
- ตรวจด้วยวิธี Rapid Antigen test เก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกด้านหลัง หรือช่องปากและลำคอ แล้วนำตัวอย่างตรวจในแถบทดสอบของชุดตรวจ
- ตรวจด้วยวิธี Rapid Antibody test เก็บตัวอย่างจากการเจาะเลือดปลายนิ้วมือ หรือข้อพับ แล้วนำตัวอย่างตรวจในแถบทดสอบของชุดตรวจ
ทั้งนี้แต่ละวิธีก็มีรายละเอียดการตรวจ ระยะเวลาการทราบผล และระดับความแม่นยำของผลตรวจที่แตกต่างกันไป ดังจะกล่าวถึงรายละเอียดของแต่ละวิธีต่อไป
ตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR คืออะไร?
Real-time PCR (Real Time Polymerase Chain Reaction) หรือเรียกสั้นๆ ว่า “RT-PCR” คือ การตรวจตรวจจับกรดไรโบนิวคลีอิก (ribonucleic acid) หรือ อาร์เอ็นเอ (RNA) ของเชื้อไวรัสโคโรนาก่อโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นโมเลกุลลักษณะเดียวกับดีเอ็นเอ
วิธีนี้เป็นวิธีมาตรฐานสากล (Gold Standard) ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ประเทศต่างๆ ใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เนื่องจากมีความแม่นยำสูงที่สุดในปัจุบัน
วิธีตรวจ RT-PCR
ผู้ตรวจจะเก็บตัวอย่างโดยการใช้คอตตอนบัด หรือไม้สวอบ (swab) สอดเข้าทางโพรงจมูกไปยังด้านหลังของโพรงจมูก หรือสอดเข้าทางลำคอ แล้ววนให้ทั่วประมาณ 4-5 รอบ เพื่อเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากเนื้อเยื่อหลังโพรงจมูก หรือเยื่อบุในลำคอให้ได้มากที่สุด สำหรับการตรวจหาเชื้อไวรัส
นอกจากนี้ยังสามารถนำเสมหะที่อยู่ในปอดมาตรวจหาเชื้อด้วยวิธีนี้ได้ด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเก็บตัวอย่างด้วยวิธีใดก็ตาม เมื่อได้ตัวอย่างมาแล้ว ผู้ตรวจจะจุ่มไม้สวอบลงในหลอดน้ำยา ปิดฝาให้สนิท แล้วจึงส่งให้ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์เพื่อตรวจหา RNA ที่มีปริมาณน้อยมากต่อไป
ข้อดีของ RT-PCR
- ให้ผลตรวจที่แม่นยำมากที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยสามารถตรวจจับเชื้อไวรัสในปริมาณน้อยๆ ได้ แม้จะเพิ่งได้รับเชื้อมาเพียง 3 วันก็ตาม รวมทั้งยังสามารถตรวจพบได้ทั้งเชื้อไวรัสเป็นและเชื้อไวรัสตายได้
- สามารถนำผลตรวจไปใช้ยืนยันการเข้าทำงาน หรือการเดินทางไปต่างจังหวัด และเดินทางไปต่างประเทศได้
ข้อด้อยของ RT-PCR
- ไม่สามารถตรวจและอ่านผลตรวจด้วยตนเองได้
- ใช้เวลารอผลตรวจนานเพราะต้องนำตัวอย่างที่เก็บมาไปตรวจในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่ได้มาตรฐาน โดยจะทราบผลภายใน 24-72 ชั่วโมง
- ราคาค่อนข้างสูง ประมาณ 2,500-4,500 บาทต่อครั้งต่อคน
RT-PCR เหมาะกับใคร
- เหมาะสำหรับการวินิจฉัยโรคในระยะเริ่มต้น ผู้แสดงอาการของโควิดแล้ว และสามารถใช้ตรวจติดตามผลการรักษาได้
- ผู้ที่ต้องการผลไปยืนยันในการเข้าทำงาน หรือผู้ที่ต้องการผลในการเดินทางไปต่างจังหวัด และเดินทางไปต่างประเทศได้
หากต้องการให้ผลตรวจ RT-PCR แม่นยำมากยิ่งขึ้นควรกักตนเอง 7-14 วัน หลังจากสัมผัสผู้ป่วย หรือเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงมา แต่หากมีอาการเจ็บป่วยให้รีบเข้ารับการตรวจทันที
Rapid Antigen Test คืออะไร?
Rapid Antigen Test หรือ ATK เป็นการตรวจชนิดหนึ่งของ Lateral Flow Test (LFT) ซึ่งเป็นการตรวจวินิจฉัยโรคด้วยอุปกรณ์ทดสอบอย่างง่ายและรวดเร็ว สามารถทำได้เองที่บ้าน และอ่านผลได้เองโดยไม่ต้องตรวจในห้องปฏิบัติการ
ด้วยการเก็บตัวอย่างเชื้อจากโพรงจมูก หรือลำคอ นำมาใส่ในอุปกรณ์ทดสอบ เพื่อตรวจหาองค์ประกอบของไวรัสซึ่งปรากฏอยู่ในร่างกาย แต่วิธีนี้จะสามารถตรวจพบเชื้อไวรัสได้ในระยะที่เชื้อในร่างกายมีปริมาณมากแล้ว
วิธีตรวจ Rapid Antigen Test
ผู้ตรวจจะเก็บตัวอย่างโดยการใช้คอตตอนบัด หรือไม้สวอบ (swab) สอดเข้าทางโพรงจมูกไปยังด้านหลังของโพรงจมูก หรือสอดเข้าทางลำคอ แล้ววนให้ทั่วประมาณ 4-5 รอบ เพื่อเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากเนื้อเยื่อหลังโพรงจมูก หรือเยื่อบุในคอให้ได้มากที่สุด สำหรับการตรวจหาเชื้อไวรัส
ไม่ว่าจะเก็บตัวอย่างด้วยวิธีใดก็ตาม เมื่อได้ตัวอย่างมาแล้ว ผู้ตรวจจะจุ่มไม้สวอบลงในหลอดที่มีน้ำยาสกัด หมุนและบีบอย่างน้อย 5 รอบ จากนั้นนำไม้สำลี หรือไม้สวอบออก แล้วปิดหลอดน้ำยาสกัดด้วยฝาที่ให้มา ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที
หยอดน้ำยาลงในตลับทดสอบตามจำนวนที่ชุดตรวจกำหนด รอผลประมาณ 15-30 นาที โดยห้ามอ่านผลก่อน หรือหลังเวลาที่กำหนดไว้
ข้อดีของ Rapid Antigen Test
- วิธีนี้ไม่ต้องใช้ห้องปฏิบัติการในการตรวจวิเคราะห์ สามารถประมวลผลได้จากแถบทดสอบหลังน้ำยาทำปฏิกิริยาเสร็จ สามารถทราบผลได้ภายใน 10 - 30 นาทีเท่านั้น โดยการอ่านแถบทดสอบ
- สามารถคัดกรองผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว และช่วยลดความแออัดในการรอตรวจได้ดี
- ราคาถูก ประมาณ 400 - 1,700 บาทต่อครั้งต่อคน ประชาชนจึงเข้าถึงได้ง่าย
- ช่วยคลายความวิตกกังวลของผู้เข้ารับการตรวจได้ระดับหนึ่ง
- ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์
ล่าสุด ประชาชนสามารถซื้อชุดตรวจ ATK มาตรวจด้วยตนเองได้แล้ว โดยปัจจุบันในประเทศไทยมีชุดตรวจ ATK ที่ได้รับการอนุญาตให้ผลิต หรือนำเข้าจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ปัจจุบันมีจำนวน 24 บริษัท (ข้อมูลวันที่ 19 กรกฎาคม 2564) กดที่นี่
แต่ขณะนี้มีชุดตรวจที่อนุญาตให้ซื้อได้ 5 ยี่ห้อด้วยกัน ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูรายการชุดตรวจที่ได้รับอนุญาตในเว็บไซด์ของ อย. ซึ่งจะมีลิงก์เพื่อนำเข้าสู่หน้าเว็บไซต์กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ จะมีชื่อรายละเอียดผู้นำเข้า ชื่อผู้ผลิต รูปของผลิตภัณฑ์ รวมถึง QR code่
ทั้งนี้ชุดตรวจ ATK ที่ผ่านการอนุมัติจะมีจุดสังเกตบนฉลากคือ “บุคคลทั่วไปสามารถใช้ได้” และสามารถตรวจสอบชุดตรวจที่ได้รับอนุญาตผ่านทางเว็บไซต์กองควบคุมเครื่องมือแพทย์
ข้อด้อยของ Rapid Antigen Test
- ผลตรวจที่ออกมามีโอกาสคลาดเคลื่อนสูง หากตรวจในระยะแรกที่ได้รับเชื้อซึ่งเชื้อยังมีปริมาณไม่มากพอ ก็อาจทราบไม่พบเชื้อ โดยทั่วไปการตรวจหาเชื้อหลังได้รับเชื้อภายใน 5-14 วัน ซึ่งเชื้อมีจำนวนมากแล้วจึงจะสามารถพบเชื้อได้และเป็นระยะที่ให้ผลแม่นยำที่สุด
- ในทางเดียวกันหากเพิ่งจะหายจากโรค การตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ก็อาจไม่แสดงผลเป็นบวก ไม่เพียงเท่านั้นความแม่นยำในการตรวจแบบ Rapid Antigen Test นี้ก็ยังขึ้นอยู่กับความเข้าใจในการใช้อุปกรณ์ของผู้ที่ทำการเก็บตัวอย่างด้วย
- ค่าผลตรวจออกมาเป็นบวกอาจไม่ได้หมายความว่า จะเป็นผู้ติดเชื้อ 100% จำเป็นต้องตรวจ RT-PCR อีกครั้งเพื่อยืนยันผล
- ส่วนผู้ที่ผลตรวจออกมาเป็นลบก็ไม่ได้หมายถึงว่า ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อแบบ 100% นั่นหมายถึงว่า ผู้เข้ารับการตรวจด้วยวิธีนี้ หลังตรวจจำเป็นต้องต้องกักตัวเอง เฝ้าดูอาการ หากมีอาการป่วยโควิดให้รีบไปตรวจยืนยันผล และแจ้งผู้ใกล้ชิดที่อาจมีความเสี่ยงทันที
- ไม่สามารถนำผลตรวจไปใช้ยืนยันการเข้าทำงาน หรือการเดินทางไปต่างจังหวัด และเดินทางไปต่างประเทศได้
Rapid Antigen Test เหมาะกับใคร
ผู้ต้องสงสัยจะติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการป่วย เพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้รู้ตัวและเข้าสู่กระบวนการกักตัว และป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
Rapid Antibody Test คืออะไร?
นอกจากการตรวจ RT-PCR และ Rapid Antigen Test แล้ว หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อ Rapid Antibody Test กันมาบ้าง ซึ่งเป็นการตรวจหาภูมิคุ้มกัน โดยการเก็บตัวอย่างจากการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว หรือข้อพับแขน แล้วนำไปหยดในแถบทดสอบ
วิธีนี้จะตรวจพบภูมิคุ้มกันได้ในระยะที่เชื้อไวรัสเริ่มมีปริมาณลดลงแล้ว มักอยู่ในช่วง 1 สัปดาห์ หลังการติดเชื้อ หรือหลังจากหายป่วยแล้ว
แม้จะอ่านผลด้วยแถบทดสอบเช่นเดียวกับ Rapid Antigen Test แต่มีความยุ่งยากในการแปลผลมากกว่า เนื่องจากระดับภูมิคุ้มกันมีสองชนิดซึ่งจะใช้การแปลผลต่างกัน จึงจำเป็นต้องแปลผลโดยบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขไม่แนะนำให้ใช้วิธี Rapid Antibody Test ในการคัดกรองเชื้อโควิด-19 เบื้องต้น เพราะปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนจำนวนมาก ภูมิคุ้มกันอาจเกิดจากการติดเชื้อ หรือวัคซีนก็ได้ ซึ่งไม่สามารถแยกได้
ตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบไหนที่ใช่ และเหมาะกับตัวเองมากที่สุด?
จะเห็นได้ว่า การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้งวิธี RT-PCR และ Rapid Antigen Test มีวิธีการตรวจ ข้อดี ข้อด้อย และความเหมาะสมกับกลุ่มคนที่แตกต่างกัน
ดังนั้นในสถานการณ์ที่ทรัพยากรสาธารณสุขในประเทศเริ่มเข้าสู่ “ภาวะจำกัด” อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจก็เข้าสู่ “ภาวะถดถอย” หากคุณไม่ได้มีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ต่างประเทศ หรือไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้เอกสารการตรวจในการเข้าทำงานใดๆ
แต่สงสัยว่า “ตนเองอาจมีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19”
แนะนำให้เริ่มจากการแยกตัวเองออกจากผู้อื่นเพื่อกักตัวก่อน จากนั้นจึงเริ่มด้วยการหาสถานที่ตรวจ Rapid Antigen Test หรือชุดตรวจที่ได้รับอนุญาตจาก อย. หากตรวจแล้ว ผลตรวจเป็นบวก จำเป็นต้องตรวจ RT-PCR อีกครั้งเพื่อยืนยันผล
และหากติดเชื้อโควิดจริงจะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาให้ทันท่วงที
แต่หากเริ่มมีอาการเจ็บป่วยคล้ายอาการโควิด -19 เช่น มีไข้สูง เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ท้องเสีย ผู้มีกลุ่มอาการเหล่านี้จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจ RT-PCR ทันที เพื่อยืนยันผลและหากผลเป็นบวกจะเข้าสู่กระบวนการรักษาให้ทันท่วงที
หากสนใจเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สามารถ เปรียบเทียบราคาล่าสุดและแพ็กเกจตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่นี่เลย หรือติดตามข่าวสารวัคซีนโควิดในไทยที่ไลน์ @hdcoth มีแอดมินใจดีคอยให้บริการข้อมูล สั่งซื้อแพ็กเกจ และจองคิวนัดหมายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าถึงตีหนึ่ง! แอดเลยไม่ต้องรอ
รวมบทความที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด
- วิธีการลงทะเบียนรับวัคซีนโควิดแอสตราเซเนกาผ่านหมอพร้อม โรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลเอกชน
- รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิดหมอพร้อม
- วัคซีนโควิด 19 ซิโนแวค (Sinovac)
- วัคซีนโควิด 19 ไฟเซอร์ (Pfizer)
- วัคซีนโควิด 19 แอสตราเซเนก้า (Astrazeneca)
- วัคซีนโควิด 19 โมเดอร์นา (Moderna)
- วัคซีนโควิด 19 สปุตนิก วี (Sputnik-v)
- วัคซีนโควิด 19 โนวาแวกซ์ (Novavax)
- วัคซีนโควิด 19 จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson&Johnson)
ที่มาของข้อมูล
ปิด
ปิด
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Rapid Test สำหรับตรวจโรคโควิด - 19 (https://oryor.com/%E0%B8%AD%E0%B8%A2/detail/media_printing/1804), 19 กรกฎาคม 2564.
- ศูนย์ข้อมูล COVID-19, สธ.แนะนำการใช้ Rapid Antigen Test (https://m.facebook.com/informationcovid19/photos/a.106142991004034/360448458906818/?type=3&source=48), 19 กรกฎาคม 2564.
- Hfocus team, ทำความเข้าใจ ชุดตรวจเร็ว Rapid Antigen Test คืออะไร อีกทางเลือกช่วยปชช.เข้าถึงการตรวจโควิด-19 (https://www.hfocus.org/content/2021/07/22174), 19 กรกฎาคม 2564.