โปรแกรมฟิลเลอร์อเมริกา Juvederm 1 ซีซี บริเวณขมับ 1 ครั้ง

• ระยะเวลารับบริการประมาณ 15-30 นาที
• โดยทั่วไปมักเห็นผลประมาณวันที่ 5 หลังรับบริการ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน
• บางรายอาจมีอาการบวมแดงจากรอยเข็มในบริเวณที่ฉีด แต่จะหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน
• หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวม แดง ร้อน คัน ผิวหนังเปลี่ยนแปลง ซีดหรือคล้ำมากกว่าปกติ ให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม
• ปริมาณฟิลเลอร์ที่ควรฉีดขึ้นอยู่กับความลึกของร่องที่ต้องการเติมเต็ม แต่ไม่ควรเติมฟิลเลอร์เกินครั้งละ 10 ซีซี เพราะอาจเกิดภาวะการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบนได้
• หากถ้าไม่ได้ฉีดฟิลเลอร์ต่อเนื่อง ผิวจะกลับคืนสภาพเดิม จึงควรเติมอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
• ผู้ที่เพิ่งเติมไขมันบนใบหน้า ให้เว้นระยะ 3 เดือน

การเตรียมตัวก่อนรับบริการ

• พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรอดนอน
• งดรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด 1 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค พอนสแตน วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย โสม St. John's wort น้ำมันกระเทียม เพราะมีผลต่อยาต้านการแข็งตัวของเลือด โดยหากรับประทานยาตามแพทย์สั่ง ควรปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ก่อนหยุดยา
• งดทายาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A) Retinols Retinoids Glycolic Acid หรือครีมในกลุ่ม Anti-Aging รวมถึงงดแว็กซ์ผิว ขัดผิว สครับผิว นวดหน้า โกนขน ดึงขน เลเซอร์ บริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ อย่างน้อย 3 วัน
• หากมีโรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ หรือมีประวัติแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ
• งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ รวมถึงกิจกรรมใดๆ ที่ส่งผลให้มีการสูบฉีดไหลเวียนของเลือดมากขึ้น เช่น การออกกำลังกาย ซาวน่า ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนฉีดฟิลเลอร์

การดูแลหลังรับบริการ

• ไม่ควรแตะ แกะ เกา กดนวด ในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์มา แม้จะมีอาการคัน
• หลีกเลี่ยงการเข้าเซาน่า หรือให้ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์สัมผัสความร้อนโดยตรง
• หากมีอาการปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ ปริมาณตามเอกสารกำกับยา
• หากต้องการทำหัตถการอย่างอื่น เช่น ทำ HIFU เลเซอร์ ฉีดฝ้า ฉีด Botulinum Toxin ควรเว้นระยะหลังฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 2 สัปดาห์
• หากผิวยังมีรอยช้ำ ให้ประคบเย็น และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะจะทำให้ยิ่งช้ำมากขึ้น