การตรวจวิตามินช่วยให้รู้ว่าร่างกายกำลังมีระดับวิตามินตัวไหนมาก-น้อย เพื่อวางแผนดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น
รายละเอียด
รายละเอียด
รายละเอียดราคา ตรวจวิตามิน
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าตรวจวิตามิน 10 รายการที่ร่างกายต้องการ มีรายการตรวจดังนี้
- วิตามินเอ (Vitamin A Retinol)
- วิตามินอี (Vitamin E Gamma-Tocopherol)
- วิตามินอี (Vitamin E Alpha-Tocopherol)
- วิตามินซี (Vitamin C Ascorbic acid)
- ลูทีนและซีแซนทีน (Lutein, Zeaxanthin)
- เบต้า-คริพโตแซนทิน (Beta-Carotene)
- ไลโคปีน (Lycopene)
- อัลฟ่า แคโรทีน (Alpha-Carotene)
- เบต้า แคโรทีน (Beta-Carotene)
- โคเอนไซม์ คิวเท็น (Coenzyme Q10)
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ ตรวจวิตามิน
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 15 นาที
- รับผลการตรวจทางอีเมล ระยะเวลารอรับผลประมาณ 5-7 วัน
- ควรพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อขอคำแนะนำในการหยุดยาก่อนการตรวจ
- ผู้รับบริการสามารถนำผลการตรวจไปเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ในโรงพยาบาลได้
- ชาวต่างชาติสามารถเข้ารับบริการได้ โดยใช้พาสปอร์ตเพื่อยืนยันตัวตน
- แพ็กเกจนี้ไม่มีการปรึกษาแพทย์หรือตรวจร่างกาย เนื่องจาก N-Health เป็นห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ที่วิเคราะห์ผลโดยนักเทคนิคการแพทย์เท่านั้น ไม่มีแพทย์ประจำ และไม่สามารถออกใบรับรองแพทย์ได้
- กรณีซื้อผ่าน HDmall.co.th ในวันที่เข้ารับบริการลูกค้าจะได้ใบแจ้งหนี้ (Invoice) เท่านั้นไม่สามารถออกใบเสร็จได้
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- นอนหลับให้เพียงพอก่อนวันตรวจ
- ควรสวมเสื้อที่ถอดง่าย สะดวกต่อการเจาะเลือดที่ข้อพับแขน
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และคาเฟอีนอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนตรวจ
ก่อนตัดสินใจ
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ผู้ที่เหมาะกับบริการนี้
- ผู้ที่พบความผิดปกติทางร่างกายที่อาจเชื่อมโยงถึงสาเหตุของการขาดวิตามิน
- ผู้ที่รับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมเป็นประจำ
- ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยา (Pharmacological) เช่น การได้รับเคมีบำบัด การได้รับยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือผู้ที่ผ่านการผ่าตัด เป็นต้น
- ผู้ที่มีความเครียดสูง อยู่ในสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ระบบดูดซึมไม่ดี มีปัญหาลำไส้
- ผู้ที่เป็นโรคที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระ (Oxidative stress-related disease) เช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน หลอดเลือดสมองตีบ เป็นต้น
ข้อมูลทั่วไป
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการตรวจวิตามิน
วิตามิน (Vitamin) เป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการเพื่อให้การทำงานของระบบต่างๆ และการเจริญเติบโตเป็นไปอย่างปกติ โดยเราจะได้รับวิตามินจากอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน
อย่างไรก็ตาม อาหารที่เลือกรับประทานอาจมีวิตามินในปริมาณที่น้อยหรือไม่ครบถ้วน หลายคนจึงเลือกรับประทานวิตามินเสริมเพิ่มเติมจากมื้ออาหารหลัก
รับประทานวิตามินเสริมเวลาไหนดี?
โดยปกติควรรับประทานวิตามินเสริมหลังมื้ออาหาร เพราะร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีที่สุด และหากเป็นไปได้ควรเลือกมื้ออาหารที่เป็นมื้อใหญ่สุดของวัน
ใครที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามิน?
กลุ่มที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามิน ได้แก่
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่ได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ
- ผู้ที่งดรับประทานเนื้อสัตว์
- ผู้ที่แพ้อาหารบางประเภท เช่น นมวัว
- ผู้ที่ผ่าตัดกระเพาะหรือลำไส้
- ผู้รับประทานยาที่ส่งผลต่อการดูดซึมวิตามินบางอย่าง
- ผู้ที่ดื่มสุรา สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจำนวนมากเป็นประจำ ซึ่งจะทำให้ร่างกายสูญเสียวิตามินอย่างรวดเร็ว
การตรวจระดับวิตามิน⠀เป็นการตรวจที่ทำให้รู้สภาวะขาดหรือเกินของวิตามินในร่างกาย เพื่อให้เลือกรับประทานเสริมได้อย่างเหมาะสม
การตรวจระดับวิตามิน สำคัญอย่างไร?
การตรวจวัดระดับวิตามินในร่างกาย นอกจากจะทำให้ทราบว่าควรได้รับวิตามินชนิดใดเพิ่มเติมแล้ว ยังเป็นการป้องกันการเลือกรับประทานวิตามินบางชนิดมากเกินไป จนอาจก่อให้เกิดผลเสียด้วย
ประเภทของวิตามิน
วิตามินแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่ วิตามินบี1 บี2 บี3 บี5 บี6 บี7 บี9 บี12 และวิตามินซี กลุ่มนี้จะอยู่ในร่างกายประมาณ 2-4 ชั่วโมง ส่วนที่เหลือจากการใช้งานจะถูกขับออกทางปัสสาวะ โอกาสที่จะสะสมในร่างกายจึงมีน้อย ไม่ค่อยก่อให้เกิดผลข้างเคียง
- วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามินเอ ดี อี และเค วิตามินชนิดนี้จะละลายในไขมัน หรือน้ำมันเพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ไม่สามารถขับออกทางปัสสาวะได้ หากได้รับมากเกินไปจะถูกสะสมไว้ในร่างกาย ซึ่งหากมีการสะสมมากเกินไปอาจมีผลเสียกับร่างกายได้
หมายเหตุ
- หากตรวจพบว่า ระดับวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายอยู่ในระดับต่ำ แพทย์อาจสั่งจ่ายวิตามินเฉพาะบุคคล
- วิตามินเสริมไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบของวิตามินเม็ดเท่านั้น แต่สามารถได้จากอาหาร ผัก หรือผลไม้ที่มีประโยชน์เช่นกัน
- หากมีผลการตรวจสุขภาพครั้งล่าสุด ควรพกติดตัวมาด้วย
- หากมียา วิตามิน หรือสมุนไพร ที่รับประทานเป็นประจำ ควรนำมาด้วย อาจจดบันทึกหรือถ่ายรูปฉลากมาแทนได้
ที่อื่นที่รับ ตรวจวิตามินในเลือด ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ N Health (เอ็นเฮลท์) ผ่าน HDmall
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่ห้องปฏิบัติการ, คลินิกได้โดยตรง
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ N Health (เอ็นเฮลท์) อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th