
เป็นวิธีที่นิยม เพราะไม่มีแผลเป็น เจ็บน้อย พักฟื้นไม่นาน
รักษาไว ลดโอกาสที่ต้องตัดมดลูกออก
รายละเอียด
สัญญาณที่ต้องผ่าตัด
เมื่อไหร่ที่ควรเข้ารับการผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอด
โรคหรือภาวะผิดปกติที่แพทย์อาจพิจารณาให้เข้ารับการผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอด มีดังนี้
ภาวะยื่นย้อยของมดลูก และ/หรือผนังช่องคลอด
ภาวะยื่นย้อยของมดลูก และ/หรือผนังช่องคลอด หรือที่เรียกว่า “อวัยวะอุ้งเชิงกรานหย่อน” เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่พยุงมดลูกช่องคลอดเกิดความเสียหายและอ่อนแอลงจนทำให้มดลูกหย่อนลงมา ส่งผลให้รู้สึกถ่วง หน่วง หรือตึงแน่นในช่องคลอด
ในบางรายที่เป็นมาก อาจมีก้อนยื่นย้อยจนพ้นปากช่องคลอดออกมาได้ โดยมีสาเหตุมาจากการยกน้ำหนักมาก หรือออกแรงเบ่งเป็นประจำ หรือเป็นผลข้างเคียงมาจากการคลอดบุตร
เนื้องอกที่มดลูก
เนื้องอกมดลูก เกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์กล้ามเนื้อมดลูกที่ผิดปกติ โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งด้านนอกผนังมดลูก ในเนื้อมดลูก และในโพรงมดลูก จะมีอยู่ 2 ชนิดได้แก่ เนื้องอกชนิดธรรมดา (พบเป็นส่วนใหญ่) และเนื้องอกชนิดที่เป็นมะเร็ง
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญเติบโตนอกเหนือจากภายในโพรงมดลูก แล้วทำให้เกิดอาการผิดปกติที่อวัยวะนั้นๆ ตามมา
อาการผิดปกติที่พบบ่อยก็คือช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) ซึ่งจะทำให้มีอาการปวดท้องมากขณะมีประจำเดือน รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ปวดท้องคล้ายอยากอุจจาระขณะมีประจำเดือนทุกครั้ง และคลำเจอก้อนในร่างกายบริเวณช่องท้องส่วนล่าง
ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก
ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก เช่น ประจำเดือนมามากกว่าปกติ มีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกในวัยหมดระดู เลือดออกในวัยก่อนระดู หรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอยก่อน หรือหลังรอบเดือน
ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การมีติ่งเนื้อในโพรงมดลูก ภาวะพังผืดในกล้ามเนื้อมดลูก มีเนื้องอกมดลูก หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตมากกว่าปกติ
ในรายที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกรุนแรงมากจนทำให้เกิดภาวะซีดและต้องให้เลือดช่วย แพทย์อาจพิจารณาในผ่าตัดมดลูกออก
รู้จักการผ่าตัดนี้
การผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอด คืออะไร?

การผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอด (Vaginal Hysterectomy) คือ การผ่าตัดนำมดลูกออกทางช่องคลอด โดยแพทย์เปิดแผลที่บริเวณปากมดลูก แล้วผ่าตัดนำมดลูกออกมาทางช่องคลอด ทำให้มีแผลเดียว ไม่มีแผลที่บริเวณส่วนอื่นของร่างกาย จึงเจ็บน้อยกว่า พักฟื้นได้ไวกว่า และไม่ต้องกังวลกับรอยแผลเป็น เมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง และผ่าตัดแบบส่องกล้อง
การผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดนั้น สามารถทำร่วมกับการผ่าตัดรีแพร์ ซ่อมเสริมกระเพาะปัสสาวะและ/หรือไส้ตรง รวมถึงผ่าตัดใส่สายคล้องท่อปัสสาวะเพื่อแก้ไขภาวะปัสสาวะเล็ดขณะออกแรงได้
ขั้นตอนการผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดเป็นอย่างไร?
ก่อนเข้ารับการผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอด ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพร่างกายอย่างละเอียดก่อน
หลังจากที่แพทย์ประเมินแล้วว่าสามารถผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดได้ แพทย์จะนัดวันเข้ารับการผ่าตัด โดยมีขั้นตอนการผ่าตัดดังนี้

- วิสัญญีแพทย์จะให้ยาระงับความรู้สึกทางไขสันหลัง
- หลังจากนั้นแพทย์จะทำการผ่ามดลูกผ่านทางช่องคลอด โดยจะทำการเปิดแผลที่บริเวณปากมดลูก
- หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จแล้ว แพทย์จะทำการเย็บแผลให้เรียบร้อย และให้ไปนอนสังเกตอาการที่ห้องพักฟื้นต่อประมาณ 1-2 ชั่วโมง ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดจะส่งกลับไปพักต่อที่หอผู้ป่วย
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องใส่สายสวนปัสสาวะอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด โดยจะใส่นานแค่ไหน ขึ้นกับชนิดของการผ่าตัด และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นระหว่างผ่าตัด
การผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดใช้ระยะเวลาเท่าใด?
การผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง
การผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดต้องพักฟื้นนานเท่าไหร่?
การผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดใช้ระยะเวลาพักฟื้น 3-5 วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ข้อจำกัดในการเข้ารับการผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอด
การผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอด ไม่สามารถทำได้ในผู้ที่มีขนาดมดลูกใหญ่เกิน 1,500 กรัม เคยผ่านการผ่าตัดหลายครั้ง หรือมีพังผืดหนาในอุ้งเชิงกราน และผู้ที่เป็นมะเร็งรังไข่ มะเร็งมดลูก หรือมะเร็งปากมดลูก
แพทย์จำเป็นต้องผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง หรือผ่าตัดแบบส่องกล้องแทน
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยแพทย์จะแนะนำให้เตรียมตัวดังนี้
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะตรวจประเมินความเสี่ยงก่อนการผ่าตัดให้เรียบร้อย
- ควรรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ และกินอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้ดีขึ้น และลดโอกาสในการติดเชื้อหลังผ่าตัด
- งดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3-6 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เพราะนิโคตินในบุหรี่จะส่งผลกระทบต่อการหายของบาดแผล
- งดการใช้ยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้าอย่างน้อย 7 วันก่อนการผ่าตัด เพื่อลดการเสียเลือดระหว่างผ่าตัด เช่น ยาแอสไพริน ยาวาร์ฟาริน หรือยาในกลุ่มระงับอาการปวด
- งดการใช้ยาสมุนไพร อาหารเสริม หรือวิตามินบางประเภท ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันปลา โอเมก้า 3 น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส หรือโคเอนไซม์คิวเทน เป็นต้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม
- งดอาหารและดื่มน้ำก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักน้ำย่อย หรือเศษอาหารจากกระเพาะอาหารเข้าสู่ปอดในระหว่างที่ได้รับยาระงับความรู้สึก
- หลังจากผ่าตัดแล้ว จะต้องนอนพักฟื้นต่อที่โรงพยาบาล 1-3 วัน ควรเตรียมเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปให้เรียบร้อย
การดูแลหลังผ่าตัด
หลังจากที่แพทย์อนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้แล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย ดังนี้
- ทำความสะอาดแผลตามที่แพทย์แนะนำ
- รับประทานยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง
- งดการว่ายน้ำ แช่อ่างอาบน้ำ ออกกำลังกายหนัก ยกสิ่งของหนัก และขับรถ อย่างน้อย 4 สัปดาห์หลังผ่าตัด หรือจนกว่าที่แพทย์สั่ง
- งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าแผลจะหายสนิท ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ หรือจนกว่าที่แพทย์สั่ง
- หลังผ่าตัดแล้วจะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดอาการท้องผูก หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ง่าย จึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และเน้นรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง
- หลังผ่าตัดแล้ว อาจจะยังมีเลือดออกจางๆ ได้ในช่วงเดือนแรก อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเลือดออกมากเหมือนประจำเดือน หรือมีตกขาวที่มีกลิ่นเหม็น จะต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การผ่าตัดมดลูกผ่านทางช่องคลอดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้
- ความเสี่ยงทั่วไปที่พบได้จากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ แพ้ยาชา แพ้ยาสลบ อาการชา บวมช้ำ เลือดออก หรือเลือดคลั่ง
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยาระงับความรู้สึก เช่น อาการคันตามตัว คันตามใบหน้า คลื่นไส้อาเจียน หรือท้องอืด โดยอาการจะเป็นมากในวันแรก หลังจากนั้นอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเองจนหายกลับมาเป็นปกติ
- หากมีอาการแผลอักเสบ บวมแดง ไข้สูง มีเลือดออกจำนวนมาก หรือหนองออกจากช่องคลอด ให้รีบมาพบแพทย์ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันนัดหมาย