รักษาโรคปริทันต์ 1 ครั้ง

โรคปริทันต์ หรือ โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontal Disease) หมายถึงโรคที่อวัยวะรอบ ๆ ฟัน เช่น เหงือก เคลือบรากฟัน เอ็นยึดรากฟัน และกระดูกเบ้าฟัน ถูกทำลายอย่างต่อเนื่องและมีการอักเสบเรื้อรัง หากปล่อยไว้นานอาจทำให้เกิดอาการฟันโยก จนทำให้สูญเสียฟันได้

สาเหตุของโรคปริทันต์อักเสบ⠀
มาจากคราบจุลินทรีย์ ที่สะสมบริเวณผิวฟัน โดยคราบจุลินทรีย์ เกิดจากน้ำลายรวมตัวกับแบคทีเรียและคราบอาหาร มีลักษณะเป็นคราบสีขาว มักสะสมที่บริเวณคอฟัน ตามปกติจะกำจัดออกได้โดยการแปรงฟัน แต่หากแปรงฟันไม่สะอาด คราบก็จะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ และเชื้อแบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์จะสร้างสารพิษมาย่อยเหงือกและกระดูกเบ้าฟัน และทำให้เกิดการอักเสบ

นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้โรคลุกลามมากขึ้นด้วย เช่น โรคเบาหวาน การสูบบุหรี่ การตั้งครรภ์ การใช้ยาบางชนิด วัสดุอุดฟันไม่เหมาะสม เป็นต้น

อาการของโรคปริทันต์อักเสบ แบ่งได้ 4 ระยะ
1.⠀โรคปริทันต์ระยะเริ่มต้น อาการคล้ายกับโรคเหงือกอักเสบ คือ เหงือกบวม แดง มีร่องเหงือกลึก 4-5 มิลลิเมตร
2.⠀โรคปริทันต์ระยะปานกลาง⠀เหงือกบวม แดง มีร่องเหงือกลึกตั้งแต่ 4 มิลลิเมตรขึ้นไป แต่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความยาวรากฟัน เริ่มสูญเสียอวัยวะรอบ ๆ ฟันเล็กน้อย
3.⠀โรคปริทันต์ระยะรุนแรงเสี่ยงต่อการสูญเสียฟันบางซี่ เริ่มมีหนองจากเหงือก มีร่องเหงือกลึกประมาณครึ่งหนึ่งของความยาวรากฟัน มีการสูญเสียเหงือก เอ็นยึดรากฟัน และกระดูกเบ้าฟัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณง่ามแยกรากฟัน ฟันเริ่มโยก ปวด จนอาจต้องสูญเสียฟันบางซี่
4.⠀โรคปริทันต์ระยะรุนแรงเสี่ยงต่อการสูญเสียฟันหมดทุกซี่ ทั้งปาก⠀มีหนองจากเหงือก มีร่องเหงือกลึกเกินกว่าครึ่งหนึ่งของความยาวรากฟันอาจลึกจนถึงปลายรากฟัน ฟันโยกมาก ปวด ไม่สามารถเคี้ยวได้ สูญเสียอวัยวะรอบๆ และฟันทั้งหมด

การรักษาโรคปริทันต์อักเสบ
การรักษาโรคปริทันต์อักเสบคือ การกำจัดคราบจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคนี้ รวมทั้งกำจัดแหล่งอาศัยของเชื้อแบคทีเรียด้วย ซึ่งต้องอาศัยความอดทนและความร่วมมือจากผู้ป่วยด้วย โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. ขูดหินปูน เพื่อกำจัดแหล่งอาศัยของเชื้อแบคทีเรียและคราบจุลินทรีย์
2. เกลารากฟัน เพื่อกำจัดผิวชั้นนอกของเคลือบรากฟันที่ขรุขระและมีหินปูนเกาะหรือปนเปื้อนสารพิษจากแบคทีเรีย ทั้งที่อยู่เหนือเหงือก ใต้ขอบเหงือก และที่ผิวรากฟัน
3. รักษาการติดเชื้อ ด้วยการใช้สารต้านเชื้อจุลินทรีย์ ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ ยาต้านการอักเสบ สารรบกวนการเกาะกลุ่มของคราบจุลินทรีย์ ซึ่งมักผสมในยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปาก เช่น น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารคลอเฮกซิดีน

ทั้งนี้โรคปริทันต์อักเสบจะไม่หายขาด เพราะฟันและอวัยวะโดยรอบได้ถูกทำลายไปแล้ว ร่างกายไม่สามารถสร้างหรือซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิมได้ การรักษาจึงเป็นเพียงการหยุดยั้งการอักเสบและความเสียหายเท่านั้น และหลังรักษาเสร็จสิ้น ผู้ป่วยจำเป็นต้องดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากอย่างเคร่งครัดทุกวัน เพื่อคงสภาพของเหงือกและกระดูกที่เหลืออยู่ให้มีสุขภาพที่ดีที่สุด