สลายนิ่ว ด้วยวิธีส่องกล้องคล้องนิ่วในไต (ผ่านผิวหนัง)
รักษานิ่วได้ทุกระดับความแข็ง ทุกขนาดโดยเฉพาะนิ่วที่ 2 ซม.
แผลเล็กที่หลังประมาณ 1 ซม. ฟื้นตัวไวกว่าผ่าตัดแบบเปิด
รับส่วนลด 50% หรือรับค่ารีวิวสูงสุด 50,000 บาท สมัครเป็นเคสรีวิววันนี้ ขอรายละเอียดที่แอดมินเพิ่มได้เลย!
รายละเอียด
HDcare สรุปให้
นิ่วในไตอาจไม่มีอาการจนกระทั่งมีการติดเชื้อ หรือก้อนนิ่วไปอุดดันทางเดินปัสสาวะ เช่น
- ปวดเอว หลัง หรือช่องท้องช่วงล่าง ข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย ถ้าเป็นมากอาจร้าวไปจนถึงขาหนีบ
- ปวดเสียด ปวดบิดเป็นพักๆ
- ปวดบิดในท้องรุนแรงถ้าก้อนนิ่วตกลงมาที่ท่อไต
- มีไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน
- ปัสสาวะผิดปกติ เช่น มีสีขุ่นแดง มีเลือดปน เป็นเม็ดทราย ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะน้อย
อย่ารอจนเกิดอาการ แนะนำตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
ให้แอดมินช่วยหาโปรตรวจคัดกรองให้วันนี้
นิ่วในไต รักษาได้หลายแบบ แนะนำศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ
- ผ่าตัดแบบเปิด ทำได้กับนิ่วทุกขนาด ทุกประเภท
- เสี่ยงเกิดพังผืดจากแผลเป็น ไตทำงานได้ลดลง
- เจ็บกว่าการรักษาแบบอื่น และใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน เปรียบเทียบกับการสลายนิ่วหรือการผ่าตัดแบบส่องกล้อง
- ใช้เครื่องสลายนิ่ว (ESWL) ไม่เหมาะกับนิ่วลักษณะแข็งหรือมีขนาดใหญ่เกิน 2 ซม. และคนที่รูปร่างใหญ่
- ใช้คลื่นกระแทก (Shock wave) ส่งผ่านผิวหนังไปทำให้ก้อนนิ่วแตกตัวและขับออกได้ทางปัสสาวะ
- ไม่มีแผล แต่อาจทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ รวมถึงไตช้ำ เกิดแผลภายใน
- กล้องคล้องนิ่วในไตผ่านผิวหนัง (PCNL) เหมาะกับก้อนนิ่วมีขนาด 2 ซม. ขึ้นไป
- ตำแหน่งของนิ่วขวางกั้นระบบทางเดินปัสสาวะ นิ่วอยู่ในท่อเชื่อมระหว่างไตกับกระเพาะปัสสาวะ
- แพทย์จะเปิดแผลที่หลังประมาณ 1 ซม. ทะลุผ่านเนื้อไต แล้วสอดอุปกรณ์เข้าไปผ่าตัด
- รักษานิ่วในไตที่กำจัดนิ่วได้ทุกขนาด ทุกระดับความแข็ง แผลเล็ก เจ็บน้อย พักฟื้นไม่นานเท่ากับการผ่าตัดแบบเปิด
- ส่องกล้องสลายนิ่วผ่านท่อไตผ่านท่อปัสสาวะ (Flexible Ureterorenoscopy) เหมาะกับนิ่วขนาดไม่เกิน 3 ซม.
- กล้องส่องผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะจนถึงท่อไต
- ใช้เลเซอร์ทำให้นิ่วมีขนาดเล็กลงหรือแตกตัวเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใช้เครื่องมือนำนิ่วออกมา
- เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว เมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิด
- เหมาะกับการรักษานิ่วในท่อปัสสาวะส่วนบน
คุณเหมาะกับแบบไหน? ปรึกษาคุณหมอ HDcare วันนี้ ไม่มีค่าใช้จ่าย
*แพ็กเกจนี้เป็นการส่องกล้องคล้องนิ่วในไตผ่านผิวหนัง
รู้จักโรคนี้
นิ่วในไตคืออะไร เกิดจากอะไร?
นิ่วในไต เป็นก้อนแข็งที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินปัสสาวะ เกิดจากการตกตะกอนสะสมของแร่ธาตุบางชนิดจากน้ำปัสสาวะ มีชนิดและขนาดต่างๆ กัน
เมื่อเกิดนิ่วในไต ก้อนนิ่วที่มีขนาดเล็กอาจถูกขับถ่ายออกจากร่างกายได้เองทางการถ่ายปัสสาวะ หรืออาจเคลื่อนที่จากบริเวณเดิมไปอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดขึ้นได้
การเกิดนิ่วในไตเกี่ยวข้องกับการมีแคลเซียมในปัสสาวะมากผิดปกติจากปัจจัยต่างๆ เช่น
- รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของแคลเซียม วิตามินซี โปรตีน เกลือ และน้ำตาล มากเกินไป
- ดื่มน้ำน้อยเกินไป
- รับประทานอาหารที่มีสารออกซาเลตยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม จำพวกถั่ว หน่อไม้ ช็อกโกแลต ผักปวยเล้ง มันเทศ มากเกินไป
นอกจากนี้นิ่วในไตยังอาจเป็นผลมาจากต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากเกินไป หรือเป็นโรคแทรกซ้อนจากการเป็นเกาต์
อาการนิ่วในไต
คนไข้นิ่วในไตบางรายอาจไม่มีอาการแสดงใดๆ เลย จนกระทั่งมีการติดเชื้อ หรือก้อนนิ่วไปอุดดันทางเดินปัสสาวะ จนทำให้เกิดอาการแสดง เช่น
- ปวดเอว หลัง หรือช่องท้องช่วงล่าง ข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย ถ้าเป็นมากอาจร้าวไปจนถึงขาหนีบ
- ปวดเสียด ปวดบิดเป็นพัก ๆ
- มีไข้ หนาวสั่น
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปัสสาวะผิดปกติ เช่น น้ำปัสสาวะมีลักษณะขุ่นแดง มีเลือดปน ปัสสาวะเป็นเม็ดทราย ปัสสาวะแล้วเจ็บ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะน้อย
- ปวดบิดในท้องรุนแรงถ้าก้อนนิ่วตกลงมาที่ท่อไต
ความรุนแรงของอาการมักขึ้นอยู่กับขนาดของนิ่ว ขนาด และบริเวณที่เกิดก้อนนิ่ว
กลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดนิ่วในไต
โรคนิ่วในไตเกิดได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในช่วงอายุ 30-40 ปี ส่วนใหญ่พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
ผู้มีพฤติกรรมเหล่านี้ อาจเสี่ยงเกิดนิ่วได้มากขึ้น
- ดื่มน้ำน้อยเกินไป
- นิยมบริโภคอาหารที่มีสารก่อนิ่ว เช่น ยอดผัก ผักโขม ผักกระเฉด ถั่ว ชา ช็อกโกแลต พริกไทยดำ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ สัตว์ปีก อาหารทะเล อาหารที่มีสารซีสทีนสูง เช่น นม ไก่ เป็ด
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน มีภาวะเบาหวาน หรือมีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนิ่วในไต ก็มีความเสี่ยงจะเกิดนิ่วในไตได้มากเช่นกัน
สัญญาณที่ต้องตรวจ
คนไข้นิ่วในไตบางรายอาจไม่มีอาการจนกระทั่งมีการติดเชื้อ หรือก้อนนิ่วไปอุดดันทางเดินปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการแสดง เช่น
- ปวดเอว หลัง หรือช่องท้องช่วงล่าง ข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย ถ้าเป็นมากอาจร้าวไปจนถึงขาหนีบ
- ปวดเสียด ปวดบิดเป็นพัก ๆ
- มีไข้ หนาวสั่น
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปัสสาวะผิดปกติ เช่น น้ำปัสสาวะมีลักษณะขุ่นแดง มีเลือดปน ปัสสาวะเป็นเม็ดทราย ปัสสาวะแล้วเจ็บ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะน้อย
- ปวดบิดในท้องรุนแรงถ้าก้อนนิ่วตกลงมาที่ท่อไต
ความรุนแรงของอาการมักขึ้นอยู่กับขนาดของนิ่ว ขนาด และบริเวณที่เกิดก้อนนิ่ว
กลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดนิ่วในไต
ตรวจโรคนี้อย่างไรได้บ้าง
- ซักประวัติ ตรวจร่างกาย
- ตรวจปัสสาวะ ซึ่งหากพบเม็ดเลือดแดงจำนวนมาก แพทย์อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นนิ่วในไต
- ตรวจเลือด พบว่าผู้ป่วยนิ่วในไตมักมีปริมาณแคลเซียมหรือกรดยูริกในเลือดมากเกินไป
- เอกซเรย์ช่องท้อง ช่วยให้แพทย์เห็นก้อนนิ่ว ขนาดนิ่ว และตำแหน่งที่เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ช่วยให้แพทย์เห็นก้อนนิ่วขนาดเล็กที่การเอกซเรย์ทั่วไปอาจไม่เห็นชัดเจน
- อัลตราซาวนด์ไต ช่วยตรวจหาก้อนนิ่วในไตได้ชัดเจน
- ตรวจเอกซเรย์ไตด้วยการฉีดสี (IVP) วิธีนี้จะช่วยวิเคราะห์สาเหตุการเกิดนิ่วในไตและช่วยให้สามารถวางแผนเพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในไตซ้ำ
รู้จักการผ่าตัดนี้
ส่องกล้องคล้องนิ่วในไตผ่านผิวหนัง (Percutaneous Nephrolithotomy: PCNL) มักใช้กับก้อนนิ่วมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 ซม. ขึ้นไป ตำแหน่งของนิ่วขวางกั้นระบบทางเดินปัสสาวะ นิ่วอยู่ในท่อเชื่อมระหว่างไตกับกระเพาะปัสสาวะ หรือเมื่อการรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล
ข้อดีของการส่องกล้องคล้องนิ้วในไตผ่านผิวหนัง
- แผลมีขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร เจ็บแผลน้อย
- ใช้ยาระงับปวดน้อยกว่า เสียเลือดน้อยกว่า
- พักฟื้นไม่นาน เพียงแค่ 3-4 วันก็สามารถกลับบ้านได้
- เมื่อกลับบ้านแล้วมักต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ ในขณะที่การผ่าตัดแบบเปิดจะใช้เวลามากกว่า คือประมาณ 4-6 สัปดาห์
ขั้นตอนการส่องกล้องคล้องนิ่วในไตผ่านผิวหนัง
- วิสัญญีแพทย์ระงับความรู้สึกด้วยยาสลบ
- เปิดแผลที่หลังคนไข้ประมาณ 1 ซม. จำนวน 1 รู แล้วสอดอุปกรณ์เข้าไปยังเนื้อไต
- ถ้านิ่วมีขนาดใหญ่ แพทย์จะทำให้นิ่วแตกออกเป็นชิ้นเล็กด้วยอุปกรณ์พิเศษ แล้วคล้องนิ่วออกจากร่างกายผ่านทางรูเดิม
- เย็บปิดแผล
เปรียบเทียบการผ่าตัดวิธีต่างๆ
ผ่าตัดนำก้อนนิ่วในไตออกแบบเปิด
- ผ่าตัดผ่านผิวหนังเพื่อเอาก้อนนิ่วออก แล้วเย็บปิดแผล
- ทำได้กับนิ่วทุกขนาด ทุกประเภท
- เสี่ยงที่ไตจะเกิดพังผืดจากแผลเป็น ไตทำงานได้ลดลง
- เจ็บกว่าการรักษาแบบอื่น และใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน เปรียบเทียบกับการสลายนิ่วหรือการผ่าตัดแบบส่องกล้อง
รักษานิ่วในไตด้วยเครื่องสลายนิ่ว (Extracorporeal Shock Wave Lithotripsy : ESWL)
- ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง หรือที่เรียกว่าคลื่นกระแทก (Shock wave) ส่งผ่านผิวหนังไปยังก้อนนิ่ว ทำให้ก้อนนิ่วแตกตัวและสามารถขับออกได้ทางปัสสาวะ
- ไม่ทำให้เกิดแผล แต่อาจทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ รวมถึงไตช้ำ เกิดแผลภายใน หรือสูญเสียเซลล์ไตไปบางส่วน
- คนไข้ที่รูปร่างใหญ่ คลื่นกระแทกอาจส่งเข้าไปไม่ถึงก้อนนิ่ว
- ไม่เหมาะกับนิ่วลักษณะแข็งหรือมีขนาดใหญ่เกิน 2 ซม.
ส่องกล้องคล้องนิ่วในไตผ่านผิวหนัง (Percutaneous Nephrolithotomy: PCNL)
- เหมาะกับก้อนนิ่วมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 ซม. ขึ้นไป ตำแหน่งของนิ่วขวางกั้นระบบทางเดินปัสสาวะ นิ่วอยู่ในท่อเชื่อมระหว่างไตกับกระเพาะปัสสาวะ
- เปิดแผลขนาดเล็กที่หลังประมาณ 1 ซม. ทะลุผ่านเนื้อไต แล้วสอดอุปกรณ์เข้าไปผ่าตัด
- ถ้านิ่วมีขนาดใหญ่ แพทย์จะทำให้นิ่วแตกเป็นชิ้นเล็กแล้วค่อยคล้องนิ่วออกมาผ่านผิวหนัง
- รักษานิ่วในไตที่กำจัดนิ่วได้ทุกขนาด ทุกระดับความแข็ง
- แผลเล็ก เจ็บน้อย พักฟื้นไม่นานเท่ากับการผ่าตัดแบบเปิด
รักษานิ่วในไตด้วยการส่องกล้องสลายนิ่วผ่านท่อไตผ่านท่อปัสสาวะ (Flexible Ureterorenoscopy)
- เหมาะกับนิ่วขนาดไม่เกิน 3 ซม.
- กล้องส่องผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะจนถึงท่อไต
- ใช้เลเซอร์ทำให้นิ่วมีขนาดเล็กลงหรือแตกตัวเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใช้เครื่องมือนำนิ่วออกมา
- เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว เมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิด
- เหมาะกับการรักษานิ่วในท่อปัสสาวะส่วนบน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว การรักษานิ่วในไตด้วยวิธีส่องกล้องคล้องนิ่วในไตผ่านผิวหนังเป็นวิธีที่ได้ผล ทำเพียงครั้งเดียวสามารถกำจัดก้อนนิ่วที่มีอยู่ ณ ขณะนั้นได้หมด ไม่ต้องทำซ้ำหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม เป็นปกติของการผ่าตัดที่อาจมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ เช่น อาจมีปัญหาเลือดออกหรือเสียเลือดระหว่างผ่าตัด แต่พบน้อย กับบางกรณีซึ่งน้อยมากคือ อาจพบความซับซ้อนระหว่างผ่าตัด เช่น นิ่วมีขนาดใหญ่เกินไปหรืออยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถคล้องนิ่วออกมาได้ จนต้องเปลี่ยนเป็นผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องแทน