สลายเนื้องอกเต้านมด้วยความเย็นติดลบ (Cryoablation)
ไม่ใช่การผ่าตัด ใช้วิธีการจี้ด้วยเข็มเพื่อสลายก้อนเนื้อออก
ไม่ทำลายเนื้อเยื่อเต้านมโดยรอบ รักษาทรงเต้านเอาไว้ได้ดี
แผลขนาดเล็ก 3-5 มม. พักฟื้นสั้นมาก และไม่ต้องนอน รพ.
รายละเอียด
HDcare สรุปให้
เนื้องอกเต้านมเจอได้บ่อยในผู้หญิง และไม่ใช่มะเร็งเต้านมเสมอไป
- เนื้องอกเต้านม ตอนสัมผัสจะกลิ้งไปมาได้ อาจเป็นเนื้อหรือของแข็ง อาจมีขนาดเท่าเดิม หดเล็กจนหายไปเอง หรือมีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้ แต่จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงช้าๆ มักโตขึ้นช่วงใกล้รอบเดือนและจะเล็กลงหลักจากรอบเดือนมาแล้ว
- มะเร็งเต้านมจะโตขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาอันสั้น!!
ให้แอดมินแนะนำโปรตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมให้คุณวันนี้
เนื้องอกเต้านมแบบไหนต้องผ่าตัดทันที?
- เนื้องอกมีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ
- เจ็บตรงก้อนเนื้อจนส่งผลกระทบต่อการชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะช่วงมีประจำเดือน
- อายุไม่เกิน 30 ก้อนเนื้อมีขนาด 2 ซม. อายุมากกว่า 30 ปี ก้อนเนื้อมีขนาดเกิน 3 ซม.
- ถ้าตรวจเจอเนื้องอกเต้านม สามารถผ่าตัดได้ทันทีตั้งแต่ที่ขนาดเล็ก
อย่ารอจนเนื้องอกโต จนต้องตัดเต้านมทั้งเต้า!
รีบปรึกษาแพทย์ของ HDcare โดยไม่มีค่าใช้จ่ายวันนี้
สลายเนื้องอกในเต้านมด้วยความเย็นติดลบ ไม่ใช่การผ่าตัด ใช้วิธีการจี้ด้วยเข็มเพื่อสลายก้อนเนื้อออก
- ไม่ทำลายเนื้อเยื่อเต้านมโดยรอบ รักษาทรงเต้านเอาไว้ได้ดี
- แผลขนาดเล็กเพียง 3-5 มม. พักฟื้นสั้นมาก และไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
รู้จักโรคนี้
ก้อนเนื้องอกในเต้านมมีกี่ชนิด?
ก้อนเนื้องอกที่สามารถตรวจพบในเต้านม แบ่งออกได้ 3 ชนิด ได้แก่
- ก้อนซีสต์ (Breast Cyst) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “ถุงน้ำในเต้านม” เป็นก้อนเนื้อที่มีลักษณะเป็นถุงน้ำที่มีของเหลวบรรจุอยู่ภายในโดยเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของต่อมผลิตน้ำนม สามารถพบได้เป็นปกติในเต้านมผู้หญิงทั่วไป โดยส่วนมากจะไม่เติบโตกลายเป็นก้อนเนื้อมะเร็ง
- ก้อนเนื้อในเต้านม (Fibroadenoma) เป็นก้อนเนื้อที่เกิดจากการรวมตัวกันเซลล์ต่อมน้ำนมกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของเต้านม แต่จะไม่พัฒนากลายเป็นก้อนเนื้อมะเร็งเต้านมได้ หากตรวจพบก็สามารถพิจารณาคงไว้ในเต้านมและติดตามอาการเป็นระยะๆ หรือให้แพทย์นำออกได้
- ก้อนเนื้อมะเร็ง (Breast Cancer) เป็นก้อนเนื้อที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต่อมน้ำนมจนกลายเป็นเนื้อร้าย หากตรวจพบก็จำเป็นต้องรีบทำการรักษาก่อนที่จะกระจายไปที่อวัยวะอื่น
เนื้องอกในเต้านม อันตรายหรือไม่?
โดยปกติเนื้องอกในเต้านมชนิดปกติ หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าไม่มีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งได้ ขั้นตอนในลำดับถัดมาจึงจะเป็นการเฝ้าดูอาการเป็นระยะๆ ไม่จำเป็นต้องรักษาหรือนำเนื้องอกดังกล่าวออก เพราะก็มีโอกาสที่เนื้องอกชนิดนี้จะหดเล็กลงหรือสลายไปเองตามธรรมชาติได้
แต่ในบางกรณีที่ผู้ป่วยมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้นจากการตั้งครรภ์ในอนาคต หรือมีการใช้ยาฮอร์โมน ก็มีโอกาสที่ก้อนเนื้อชนิดนี้จะมีขนาดโตขึ้นได้ หรือในผู้ป่วยบางรายก็อาจมีอาการเจ็บตึงก้อนเนื้อในช่วงที่มีประจำเดือนได้บ้าง และอาจสร้างความรู้สึกรำคาญหรือไม่สบายตัว
ดังนั้นการสลายเนื้องอกในเต้านมจึงขึ้นอยู่กับการประเมินกับแพทย์ร่วมการตัดสินใจของตัวผู้เข้ารับบริการว่าอยากจะนำก้อนเนื้อชนิดนี้ออกไปจากเต้านมหรือไม่
สัญญาณที่ต้องตรวจ
- คลำเจอก้อนเนื้อที่เต้านมหรือรักแร้
- ขนาดหรือรูปร่างเต้านมเปลี่ยนไปจากเดิม
- มีรอยบุ๋มที่เต้านม คล้ายลักยิ้มหรือผิวเปลือกส้ม
- มีน้ำหรือของเหลวไหลออกจากหัวนม
- มีแผลบริเวณหัวนมแล้วรักษาไม่หาย
- เจ็บหรือปวดเต้านมโดยไม่เกี่ยวกับประจำเดือน
ตรวจโรคนี้อย่างไรได้บ้าง
- ตรวจเต้านมด้วยตัวเอง (ควรทำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ในช่วงหลังมีประจำเดือนวันที่ 7-10) [ดูวิดีโอแนะนำที่นี่]
- ตรวจเต้านมโดยแพทย์
- รตรวจอัลตราซาวด์เต้านม (Ultrasound)
- ตรวจแมมโมแกรม (Mammogram)
- ตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) หรือที่เรียกว่า “Breast MRI” มักใช้ตรวจคัดกรองกรณีที่ผลตรวจอัลตราซาวด์และแมมโมแกรมไม่ชัดเจน
- ตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy) เพื่อวินิจฉัยมะเร็งเต้านม
อายุเท่าไหร่ควรเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม?
- ผู้หญิงอายุ 20 ปีขึ้นไป ควรตรวจเต้านมด้วยตัวเองอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และตรวจโดยแพทย์ผู้ชำนาญการทุก 3 ปี
- ผู้หญิงอายุ 40-69 ปี ควรตรวจเต้านมด้วยตัวเองอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ตรวจโดยแพทย์ผู้ชำนาญการทุก 1 ปี และตรวจแมมโมแกรมทุก 1-2 ปี
- ผู้หญิงอายุ 70 ปีขึ้นไป ความถี่ในการเข้ารับการตรวจขึ้นกับการประเมินของแพทย์
สัญญาณที่ต้องผ่าตัด
- ก้อนเนื้อมีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ จากการถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น ระดับฮอร์โมนในร่างกาย ผลข้างเคียงจากการใช้ยาฮอร์โมนเสริม การตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
- เจ็บตรงก้อนเนื้อ จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีประจำเดือน
- ก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่เกิน 2 ซม. ขึ้นไปในคนที่อายุไม่เกิน 30 ปี หรือมีขนาดใหญ่เกิน 3 ซม. ขึ้นไป ในคนที่อายุมากกว่า 30 ปี
รีบปรึกษาแพทย์ของ HDcare โดยไม่มีค่าใช้จ่ายวันนี้
สาวๆ สามารถเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกที่เต้านมได้ทันที โดยที่ไม่ต้องรอให้มีสัญญาณในการผ่าตัด ถ้ารู้สึกกังวล ไม่อยากเก็บก้อนเนื้อไว้ หรือไม่อยากตรวจติดตามผลอยู่เรื่อยๆ
โดยปกติแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดเนื้องอกเต้านมออกตั้งแต่ตอนที่ก้อนยังมีขนาดเล็ก เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดแผลจากการผ่าตัดขนาดใหญ่
รู้จักการผ่าตัดนี้
การสลายเนื้องอกในเต้านมชนิดปกติด้วยความเย็นติดลบ Cryoablation คือ การสลายก้อนเนื้องอกในเต้านมด้วยการใช้เข็มปล่อยไนโตรเจนความเย็นติดลบจี้สลายก้อนเนื้องอกภายในเต้านม ทำให้ก้อนเนื้อหยุดเติบโต และสลายไปเองตามธรรมชาติของร่างกาย
ข้อดีของการสลายเนื้องอกในเต้านมด้วยความเย็นติดลบ
- แม่นยำสูง โดยแพทย์จะใช้เครื่องอัลตราซาวด์ช่วยฉายภาพภายในเต้านมเพื่อนำทางระหว่างจี้สลายก้อนเนื้องอก
- ไม่ทำลายเนื้อเยื่อเต้านมโดยรอบ รักษาทรงเต้านเอาไว้ได้ดี
- ไม่ใช่วิธีผ่าตัด จึงใช้เวลาพักฟื้นสั้นมาก และไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
- แผลขนาดเล็กเพียง 3-5 มม. ปวดเจ็บแผลได้น้อย
- ใช้เวลาทำหัตถการไม่นาน ประมาณ 1 ชม. ก็เสร็จ
ขั้นตอนการสลายเนื้องอกในเต้านมด้วยความเย็นติดลบ
- ระงับความรู้สึกด้วยยาชาเฉพาะที่
- แพทย์ใช้เครื่องอัลตราซาวด์กดที่เนื้อเต้านมเพื่อฉายภาพเนื้องอกภายในเต้านมขึ้นจอภาพ
- สอดเข็มขนาดเล็กประมาณ 3 มม. เข้าด้านในเต้านมตำแหน่งกลางก้อนเนื้องอก
- ปล่อยไนโตรเจนเหลวความเย็นติดลบ -170 องศาเซลเซียสจากหัวเข็ม ทำให้เนื้องอกตายและกลายเป็นก้อนแข็ง (Ice Ball) จากความเย็น
- แพทย์ถอดหัวเข็มออกจากเต้านม แล้วปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ
เปรียบเทียบการผ่าตัดวิธีต่างๆ
ผ่าตัดเนื้องอกเต้านมผ่านเข็ม ด้วยเครื่องเจาะดูดชิ้นเนื้อระบบสุญญากาศ (VAE) [ดูรายละเอียด]
- ใช้เข็มสอดเข้าไปตัดก้อนเนื้อออกเป็นชิ้นเล็กๆ และดูดนำออกมาด้วยระบบสุญญากาศ ส่วนมากนิยมระงับความรู้สึกด้วยการฉีดยาชาเฉพาะที่
- ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 50-60 นาที ขึ้นกับขนาดของก้อนเนื้อ
- ใช้อัลตราซาวด์เพื่อให้เห็นตำแหน่งของเนื้องอก มีความแม่นยำสูง
- แผลเล็ก 3-5 มม. ฟื้นตัวเร็ว เจ็บแผลหลังผ่าตัดน้อย กลับไปทำงานได้ภายใน 3 วัน
ผ่าตัดเนื้องอกเต้านม (Wide Excision) [ดูรายละเอียด]
- ผ่าตัดเอาเนื้องอกออกมาทั้งก้อน และเลาะเนื้อเยื่อปกติที่อยู่รอบๆ ออกเป็นวงกว้าง
- เนื้องอกขนาดเล็กถึงปานกลาง อาจใช้การฉีดยาชา แต่เนื้องอกขนาดใหญ่แนะนำให้ดมยาสลบ
- ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 50-60 นาที ขึ้นกับขนาดของก้อนเนื้อ
- พักฟื้นที่ รพ. ประมาณ 2 วัน ถ้าไม่มีอาการผิดปกติสามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ และกลับมาทำกิจวัตรได้ตามปกติภายใน 3 สัปดาห์
ผ่าตัดเนื้องอกเต้านม (แบบส่องกล้อง) [ดูรายละเอียด]
- เปิดแผลใต้รักแร้หรือฐานหัวนม แล้วใช้อุปกรณ์สอดเข้าไปตัดและเลาะเนื้อเยื่อรอบๆ ออกมา
- ผ่าตัดส่องกล้อง แพทย์เห็นภาพชัด เก็บรายละเอียดได้ดี
- เป็นการผ่าตัดแบบซ่อนรอยแผลเป็น แผลเล็ก เจ็บน้อย
- ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1-2 ชม.
- พักฟื้นที่ รพ. ประมาณ 2 วัน ถ้าไม่มีอาการผิดปกติสามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
ก่อนผ่าตัดเนื้องอกเต้านม ต้องเข้ารับการตรวจเต้านมด้วยอัลตราซาวด์ แมมโมแกรม และการเจาะชิ้นเนื้อเต้านม เพื่อดูว่าเป็นก้อนเนื้อประเภทใด หากประเมินแล้วว่าเป็นเนื้องอกเต้านมชนิดธรรมดาก็จะนัดวันเข้ารับการผ่าตัดต่อไป
ก่อนผ่าตัดเนื้องอกเต้านม แนะนำให้เตรียมตัวดังนี้
- ตรวจชนิดของก้อนที่เต้านมให้เรียบร้อย
- แจ้งให้แพทย์ทราบถึงภาวะสุขภาพทั้งหมด รวมถึงยาหรืออาหารเสริมที่กินเป็นประจําเพราะอาจมีผลต่อการผ่าตัด แพทย์อาจให้หยุดยาหรืออาหารเสริมบางอย่าง
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- กรณีที่ผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบ จะต้องงดอาหารและดื่มน้ำก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักน้ำย่อย หรือเศษอาหารจากกระเพาะอาหารเข้าสู่ปอดในระหว่างดมยาสลบ
- ในวันผ่าตัด แนะนำให้สวมใส่เสื้อกระดุมหน้าที่ไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อสวมใส่และถอดได้ง่าย
การดูแลหลังผ่าตัด
หลังผ่าตัดเนื้องอกเต้านมต้องพักฟื้นกี่วัน?
โดยปกติแล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกเต้านมจะสามารถกลับมาทำกิจวัตรประจำวันตามปกติได้ภายใน 2-3 สัปดาห์หลังจากผ่าตัด
- พักฟื้นที่ รพ. ประมาณ 2 วัน เพื่อสังเกตอาการ หากไม่มีอาการผิดปกติ ก็สามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้
- แพทย์จะนัดตรวจติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการฟื้นตัวของแผลผ่าตัด และโอกาสที่จะกลับมามีก้อนเนื้อที่เต้านม
หลังผ่าตัดเนื้องอกเต้านม แนะนำให้ดูแลตัวเองดังนี้
- ทำความสะอาดแผลตามที่แพทย์แนะนำ
- สามารถอาบน้ำได้ หากวัสดุที่ปิดแผลเป็นแบบกันน้ำ
- กินยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง
- งดการว่ายน้ำ และแช่อ่างอาบน้ำ อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด หรือจนกว่าที่แพทย์สั่ง
- ควรหมั่นนวดแขน และบริหารข้อไหล่ตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดข้อไหล่ติด
- งดออกกำลังกาย และยกสิ่งของหนัก อย่างน้อย 3 สัปดาห์
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การผ่าตัดเนื้องอกเต้านมอาจเกิดอาการแทรกซ้อนขึ้นได้ แต่มีโอกาสค่อนข้างน้อย ดังนี้
- ความเสี่ยงทั่วไปที่พบได้จากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ แพ้ยาชา แพ้ยาสลบ อาการชา บวมช้ำ เลือดออก หรือเลือดคลั่ง
- อาจเกิดรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติแผลเป็นคีลอยด์
- ข้อไหล่ติด ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เต็มที่ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น มีเนื้อเยื่อพังผืดที่เกิดจากการผ่าตัดมารัดบริเวณรักแร้ มีการดึงรั้งของกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขนและหัวไหล่ หรือเกิดจากผู้เข้ารับการผ่าตัดไม่พยายามใช้แขนข้างที่ได้รับการผ่าตัดเป็นเวลานาน
- เต้านมเสียรูป หรือมีขนาดไม่เท่ากัน สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการทำศัลยกรรมเต้านมหลังจากที่หายดีแล้ว