ผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่
มีทั้งแบบเปิดหน้าท้องและแบบส่องกล้อง
รายละเอียด
HDcare สรุปให้
แนะนำผู้ที่อายุ 45 ปี ขึ้นไป ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ดังนี้
- ตรวจเม็ดเลือดแดงในอุจจาระทุก 1-2 ปี
- ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ทุก 5 ปี [ดูรายละเอียดการส่องกล้อง]
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่คือ การผ่าตัดลำไส้และต่อมน้ำเหลืองที่อยู่รอบๆ ความผิดปกติออกทำได้ 2 วิธี
1. ผ่าตัดแบบเปิด
- เปิดแผลที่หน้าท้องประมาณ 20-30 ซม. เพื่อเอาลำไส้ส่วนที่เป็นมะเร็งออก
- เหมาะกับคนที่มีมะเร็งก้อนใหญ่ หรือติดเนื้อเยื่อข้างเคียงเยอะ
2. ผ่าตัดแบบส่องกล้อง - เจาะรูเล็กๆ 4-6 แผล ประมาณ 0.5-1 ซม. สอดกล้องพร้อมอุปกรณ์เข้าไปตัดลำไส้ส่วนที่เป็นมะเร็ง พร้อมเลาะต่อมน้ำเหลืองออก
- แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็วกว่าผ่าตัดแบบเปิด
รู้จักโรคนี้
“มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก” โรคมะเร็งอันดับที่ 3 ของไทย
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เป็นชนิดของมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับที่ 3 ของไทย มักพบในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยส่วนใหญ่จะรู้ตัวจากการที่มีอาการขับถ่ายผิดปกติ เช่น ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ถ่ายมีมูกเลือด ท้องผูก ต้องเบ่งถ่ายตลอดเวลา และอุจจาระเล็กลง แล้วไปพบแพทย์
อาการเหล่านี้มักเป็นอาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในระยะท้ายๆ ทำให้รักษาได้ยาก และมีโอกาสเสียชีวิตค่อนข้างสูง
สัญญาณที่ต้องตรวจ
เมื่อไหร่ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่
เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แพทย์จะพิจารณาให้เข้ารับการผ่าตัด ส่วนการฉายรังสีหรือให้เคมีบำบัดก่อนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ผู้ทำการรักษา
ตรวจโรคนี้อย่างไรได้บ้าง
การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นวิธีรับมือโรคนี้ที่ดีที่สุด เพราะเมื่อตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก รู้เร็ว รักษาเร็ว ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสหายมากขึ้น
โดยสามารถเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป และเลือกตรวจได้หลายวิธี เช่น ตรวจเม็ดเลือดแดงในอุจจาระทุก 1-2 ปี ตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยการสวนแป้งแบเรียมซัลเฟต (Barium Sulfate) หรือส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ทุกๆ 5 ปี
รู้จักการผ่าตัดนี้
การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ คืออะไร?
การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ วิธีรักษาหลักของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยแพทย์จะผ่าตัดเอาลำไส้ส่วนที่เป็นโรคและต่อมน้ำเหลืองที่อยู่รอบๆ รอยโรคออกไปให้หมด
ในบางรายที่มะเร็งของลำไส้ใหญ่ส่วนปลายอยู่ติดกับทวารหนัก อาจจำเป็นต้องทำทวารเทียมด้วยการเอาปลายลำไส้ส่วนที่เหลืออยู่เปิดออกทางหน้าท้องเป็นทางให้อุจจาระออกแทน
ขั้นตอนการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นอย่างไร?
ขั้นตอนการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีดังนี้
- วิสัญญีแพทย์ทำการระงับความรู้สึกด้วยการดมยาสลบ
- แพทย์ทำการมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยสามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่ การผ่าตัดแบบเปิดแผลหน้าท้อง และการผ่าตัดแบบส่องกล้อง
- หลังผ่าตัดเสร็จแล้ว แพทย์จะให้นอนพักฟื้นสังเกตอาการที่โรงพยาบาลประมาณ 4-7 คืน ถ้าไม่มีอาการผิดปกติก็สามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้
- แพทย์จะนัดกลับมาตรวจติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง และอาจให้เข้ารับการฉายรังสี และให้เคมีบำบัดเพิ่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา และป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง
การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ใช้ระยะเวลาเท่าใด?
การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่แบบเปิดแผลหน้าท้องจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ในขณะที่การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่แบบส่องกล้อง จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง
การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ต้องพักฟื้นนานเท่าไหร่?
การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่แบบเปิดแผลหน้าท้อง หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะใช้ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 4-6 สัปดาห์ ในขณะที่การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่แบบส่องกล้อง จะใช้ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 2-3 สัปดาห์
เปรียบเทียบการผ่าตัดวิธีต่างๆ
การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีกี่วิธี?
ในปัจจุบัน การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่จะมี 2 วิธี ได้แก่ การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ทางหน้าท้อง และการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่แบบส่องกล้อง ดังนี้
การผ่าตัดมะเร็งลำใหญ่แบบเปิดแผลหน้าท้อง (Open colectomy)
เป็นวิธีการผ่าตัดแบบดั้งเดิม โดยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณหน้าท้องเพื่อเข้าไปตัดเอาลำไส้ส่วนที่เป็นโรคออก โดยขนาดของแผลจะมีความยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับรูปร่างของผู้เข้ารับการรักษา ขนาด และตำแหน่งของก้อนมะเร็ง
การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ทางหน้าท้องเหมาะกับผู้ที่เป็นมะเร็งก้อนใหญ่ หรือมีเนื้อเยื่อติดอวัยวะข้างเคียงค่อนข้างมาก
การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่แบบส่องกล้อง
เป็นวิธีการผ่าตัดที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยแพทย์จะเจาะรูเล็กๆ บริเวณช่องท้อง 4-6 แผล แต่ละแผลจะมีขนาดประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร จากนั้นแพทย์ก็จะสอดกล้องและอุปกรณ์เข้าไปในช่องท้องเพื่อทำการตัดลำไส้ส่วนที่เป็นมะเร็งออกพร้อมกับต่อมน้ำเหลืองที่อยู่รอบรอยโรค
ข้อดีของการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่แบบส่องกล้องคือ แผลมีขนาดเล็ก ทำให้มีอาการเจ็บปวดแผลน้อย ลดโอกาสเกิดการติดเชื้อ และสามารถฟื้นตัวได้เร็ว
การผ่าตัดแบบส่องกล้องเป็นวิธีที่สามารถใช้รักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ทุกตำแหน่งของลำไส้ ยกเว้นในกรณีที่มะเร็งมีก้อนใหญ่มาก หรือติดอวัยวะข้างเคียงค่อนข้างมาก แพทย์จะพิจารณาให้ผ่าตัดแบบเปิดแผลหน้าท้องแทน
“ฉายรังสี” และ “เคมีบำบัด” วิธีรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ที่อาจต้องทำร่วมกับการผ่าตัด
นอกจากการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่แล้ว แพทย์อาจพิจารณาให้ทำการฉายรังสีและเคมีบำบัดด้วย ซึ่งอาจทำก่อนการผ่าตัด และ/หรือ หลังผ่าตัดก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพโรค ลักษณะการลุกลามของก้อนมะเร็ง และโอกาสการแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองข้างเคียง
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยแพทย์จะแนะนำให้เตรียมตัวดังนี้
- เข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อประเมินสุขภาพโดยรวม
- ในกรณีที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ เพิ่มเติม แพทย์จะแนะนำให้ควบคุมโรคให้ดีก่อน
- ก่อนเข้ารับการผ่าตัดจะต้องทำให้ลำไส้สะอาดด้วยการงดอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก และผลไม้ และรับประทานอาหารน้ำที่ใสก่อนวันผ่าตัด
- กินยาถ่ายในวันผ่าตัด เพื่อที่จะได้ไม่มีอะไรตกค้างในลำไส้
- งดรับประมาณอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด หรือตามคำแนะนำของแพทย์
- ในกรณีที่กำลังรับประทานยารักษาโรค อาหารเสริม หรือวิตามิน จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
การดูแลหลังผ่าตัด
หลังจากที่แพทย์อนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย ดังนี้
- ในกรณีที่ผ่าตัดแบบเปิดแผลหน้าท้อง จะต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก และยกของหนัก 3-4 เดือนแรกหลังผ่าตัด
- ในกรณีที่ผ่าตัดแบบส่องกล้อง จะต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก และยกของหนัก 1 เดือนแรกหลังผ่าตัด
- กินยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง
- หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ และทำความสะอาดแผลตามที่แพทย์แนะนำ
- เข้ารับการตรวจติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยในช่วงปีแรก แพทย์อาจให้ไปตรวจทุก 2 เดือน และหลังจากครบ 2-3 ปีแล้ว ก็จะมีระยะห่างขึ้น เป็น 2-3 เดือนต่อครั้ง ไปจนถึงทุก 6 เดือน
- หากหลังจากรักษาแล้ว มีอาการปวดแผล มีไข้ แผลผ่าตัดบวมแดงร้อน มีน้ำเหลือง หรือหนองซึมจากแผล ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอนัดหมาย
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้
- ความเสี่ยงทั่วไปที่พบได้จากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ แพ้ยาชา แพ้ยาสลบ อาการชา บวมช้ำ เลือดออก หรือเลือดคลั่ง
- เจ็บและปวดแผลบริเวณที่ผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะจ่ายยาบรรเทาอาการปวดให้
- อาจเกิดรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติแผลเป็นคีลอยด์
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน (พบได้น้อย) เช่น รอยต่อลำไส้รั่ว อวัยวะข้างเคียงได้รับการบาดเจ็บ เช่น กระเพาะปัสสาวะ หรือท่อไต