ฝังเข็มปรับสภาพผิวหน้าให้ดูกระจ่างใส (Cosmetic Acupuncture + Aura Light Therapy) พร้อมฝังเข็มปรับสมดุลร่างกาย

การฝังเข็ม

การฝังเข็ม คือการใช้เข็มที่มีขนาดบางและเล็ก ประมาณ 0.2 มิลลิเมตร หรือเล็กกว่าเข็มฉีดยาทั่วไปประมาณ 4-6 เท่า ฝังตามจุดต่างๆ บนร่างกาย ช่วยปรับสมดุลหรือรักษาอาการต่างๆ

การฝังเข็มแบบจีน (Chinese Acupuncture) ยึดหลักการว่าร่างกายจะฟื้นฟูและเยียวยาเมื่อพลังงานในร่างกายไหลเวียนดี การฝังเข็มแบบจีนจึงทำเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของระบบโลหิตและพลังงานเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทแบบองค์รวม

วิธีการ

ฝังเข็มตามตำแหน่งบนเส้นลมปราณทั่วร่างกาย โดยไม่จำกัดเฉพาะจุดที่มีอาการ อาจฝังเข็มที่ตำแหน่งไกล เช่น มือหรือเท้า เพื่อเป็นจุดประสานช่วยในการรักษา จากนั้นจะคาเข็มไว้ประมาณ 20-30 นาที อาจมีการใช้กระแสไฟฟ้าร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี

การฝังเข็มช่วยรักษาโรคอะไรได้บ้าง?

• กลุ่มอาการปวดต่างๆ เช่น ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดเข่า ปวดไมเกรน ปวดศีรษะ ปวดประจำเดือน
• อัมพฤกษ์ อัมพาต
• โรคทางหู เช่น มีเสียงดังผิดปกติในหู หูดับ
• โรคภูมิแพ้ หวัดเรื้อรัง และหอบหืด
• โรคเครียด นอนไม่หลับ วิตกกังวล ซึมเศร้า
• โรคทางผิวหนัง เช่น สิว ฝ้า ผมร่วง งูสวัด ผื่น
• โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน
• โรคระบบทางเดินอาหารและลำไส้ เช่น ท้องผูก สะอึก ปวดท้องเรื้อรัง
• โรคความดันโลหิตสูง และความดันโลหิตต่ำ
• โรคเบาหวาน
• ลดความอ้วน และเพิ่มน้ำหนักในคนผอม
• เสื่อมสมรรถภาพทางเพศสำหรับวัยทองทั้งหญิงและชาย
• โรคอื่นๆ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆ ไป เช่น ผมร่วง สภาพหนังศีรษะมัน รากผมอ่อนแอ

หมายเหตุ

• การฝังเข็มจะช่วยรักษาโรคได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นกับความรุนแรงของโรค และปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย
• ความถี่ของการฝังเข็มขึ้นอยู่กับอาการ
• สามารถฝังเข็มได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับอาการ
• อาจเกิดการระบมได้บ้างหลังการฝังเข็ม แต่จะดีขึ้นภายใน 1-2 วัน

การฉายแสงบำบัดผิว

การฉายแสงบำบัดผิว (Light-Emitting Diode: LED) คือการฉายแสงความเข้มสูงมาช่วยกระตุ้นกลไกการฟื้นฟูของเซลล์ผิว โดยแสงที่ใช้รักษาจะมีหลายสี แต่ละสีต่างก็มีคุณสมบัติแตกต่างกัน ใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆ เช่น ลดจุดด่างดำและริ้วรอยแผลเป็นจากสิว กำจัดเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบของผิวหนัง เป็นต้น

ข้อดี

• ไม่มีรังสีอัลตราไวโอเล็ต สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย
• ไม่ทำให้ผิวไหม้ สามารถใช้ได้กับทุกสีผิวและทุกสภาพผิว

แสงแต่ละสีมีประโยชน์อย่างไร?

• แสงสีฟ้า ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวอักเสบติดเชื้อ จึงช่วยรักษาสิวและลดการอักเสบของผิวโดยไม่ทำให้ดื้อยา
• แสงสีเขียว ช่วยลดการสร้างเม็ดสี รอยแดง จุดด่างดำ ฝ้า กระ และรักษาเส้นเลือดฝอยที่ขยายตัว รวมถึงผิวหนังรอบดวงตาหย่อนคล้อย
• แสงสีเหลือง มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับแสงสีเขียว แต่เพิ่มคุณสมบัติในการกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น
• แสงสีแดง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ซึ่งช่วยลดการอักเสบของผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมเซลล์ ลดริ้วรอยบนใบหน้า รอยแผลเป็น กระชับผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น มักใช้คู่กับแสงสีฟ้าในกรณีที่ต้องมีการกดสิว โดยแสงสีแดงจะช่วยให้ไม่ทิ้งรอยหลุมสิวไว้บนใบหน้า

หมายเหตุ

• ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการ
• หากรับประทานยาหรือมีปัญหาเกี่ยวกับผิว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
• การฉายแสงอย่างเดียวอาจทำให้ผิวแห้งหลังจากทำเสร็จ ควรทำทรีตเมนต์ผิวควบคู่ไปด้วย