ยา Metolazone - ข้อมูล ข้อบ่งใช้ ผลข้างเคียง

เมโทลาโซน (Metolazone) เป็นยาขับปัสสาวะในกลุ่มไทอะไซด์ (Thiazide) ช่วยเพิ่มปริมาณของปัสสาวะที่ถูกขับออกเพื่อลดปริมาณน้ำส่วนเกินในร่างกาย ยาออกฤทธิ์โดยยับยั้งการดูดกลับของโซเดียมบริเวณท่อขดส่วนปลายของหน่วยไต เป็นผลให้เกิดการขับออกของโซเดียมและน้ำทางปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกันกับการขับออกของโพแทสเซียมและไฮโดรเจนไอออน 

ยาเมโทลาโซนใช้ในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะหลอดเลือดสมอง หัวใจวาย และการทำงานของไตผิดปกติ นอกจากนี้ยังใช้ยาชนิดนี้ในผู้ป่วยภาวะบวมน้ำเพื่อลดการบวมจากการคั่งของของเหลวภายในร่างกาย ซึ่งเป็นผลมาจากโรคหัวใจล้มเหลวหรือโรคไต 

ยาเมโทลาโซนจัดเป็นยาอันตราย ตามการจำแนกประเภทของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประเทศไทย ปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่มี เมโทลาโซนวางจำหน่ายในท้องตลาด แต่ในต่างประเทศมีวางจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ด ขนาด 2.5 5 และ 10 มิลลิกรัม

ข้อบ่งใช้ของยา Metolazone

• รักษาโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
• รักษาภาวะบวมน้ำ (Edema)

ขนาดและวิธีการใช้ยา Metolazone 

• ข้อบ่งใช้สำหรับรักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาในรูปแบบยาเม็ดรับประทาน 
• ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาดเริ่มต้น 1.25 มิลลิกรัมต่อวัน ปรับขนาดการใช้ยาหลังจากเริ่มใช้ยาได้ 3-4 สัปดาห์ตามการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วย ขนาดยาปกติคือ 2.5-5 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถใช้ทั้งเป็นยาเดี่ยวในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง หรือใช้ร่วมกับยารักษาโรคความดันโลหิตสูงในกลุ่มอื่น ขนาดยาในระยะรักษา คือ 5 มิลลิกรัม วันเว้นวัน
• ขนาดการใช้ยาในผู้สูงอายุ ขนาดเริ่มต้น 2.5 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ 2.5 มิลลิกรัม วันเว้นวัน
• ข้อบ่งใช้สำหรับรักษาภาวะบวมน้ำ ยาในรูปแบบยาเม็ดรับประทาน 
• ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 5-10 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถเพิ่มขนาดยาได้ถึง 20 มิลลิกรัมต่อวัน หากผู้ป่วยมีการตอบสนองที่ยังไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ขนาดการใช้ยาสูงสุดคือ 80 มิลลิกรัมต่อวัน
• ขนาดการใช้ยาในผู้สูงอายุ ขนาดเริ่มต้น 2.5 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ 2.5 มิลลิกรัม วันเว้นวัน

ควรรับประทานยานี้พร้อมหรือหลังอาหาร และแนะนำให้รับประทานยาในมื้อเช้า และไม่แนะนำให้รับประทานยาช่วงก่อนนอน เนื่องจากยาทำให้ผู้ป่วยปัสสาวะบ่อยขึ้น ซึ่งอาจรบกวนการนอนของผู้ป่วย

ผลข้างเคียงของยา Metolazone 

ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ metolazone ได้แก่ 

• ภาวะเลือดเป็นด่างจากระดับคลอรีนในเลือดต่ำ (Alkalosis hypochloremia) 
• ท้องผูก ท้องเสีย 
• มึนงง 
• การเสียสมดุลของระดับอิเล็กทรอไลต์ 
• กรดยูริกในกระแสเลือดสูง (จึงควรระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคเกาต์) 
• คลื่นไส้ 
• ความดันต่ำ 
• ผื่นลมพิษ 
• เจ็บหน้าอก

ข้อควรระวังของยา Metolazone 

• ยา Metolazone ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม category B ตามดัชนีความปลอดภัยการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ (Pregnancy Safety Index) ยาค่อนข้างมีควรปลอดภัยกับทารกในครรภ์ แต่อย่างไรก็ตามการใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์ควรพิจารณาถึงประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับจากการใช้ยาว่ามีมากกว่าความเสี่ยง
• ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคแอดดิสัน (โรคที่เกิดจากความผิกปกติของต่อมหมวกไต ทำให้สามารถผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล และ อัลโดสเตอโรนได้เพียงพอ ผู้ป่วยจะมีอาการเช่น ผิวเข้มขึ้น ความดันโลหิตต่ำ ไม่มีเรี่ยวแรง น้ำหนักตัวลดลง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเผาผลาญและระบบย่อยอาหาร อาการที่รุนแรงนำไปสูงการเกิดภาวะวิกฤตของโรคได้)
• ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia)
• ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (Hyponatremia)
• ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคไตวายที่ปัสสาวะน้อยกว่า 100 มิลลิลิตรต่อวัน (Anuria)
• ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์
• ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุ เนื่องจากมีโอกาสได้รับความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงมากกว่า ควรมีการปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับการทำงานของไต
• ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคเกาท์ เนื่องจากยาอาจทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น
• ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยการทำงานของตับ ไตบกพร่อง ภาวะคลอเรสเตอรอลในเลือดสูง
• ยามีโอกาสทำให้เกิดอาการ Cross-sensitivity (การแพ้ยาจากยาที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกัน) กับยาในกลุ่มซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamide) ซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea) ยากลุ่มยับยั้งการทำงานของเอนไซม์คาร์บอนิก แอนไฮเดรส (Carbonic anhydrase inhibitor) ยาในกลุ่มไทอะไซด์ (Thiazide)
• ควรระวังการใช้ยาในสตรีให้นมบุตร
• แนะนำให้ปรับระดับอิเล็กทรอไลต์ที่ผิดปกติในผู้ป่วยก่อนเริ่มใช้ยา