รายละเอียด
ทำไมคนอื่นซื้อแพ็กเกจนี้?
🌟 กลืนลำบาก? เรามีทางออก! หากคุณหรือคนที่คุณรักเผชิญกับปัญหาการกลืนที่ทำให้รู้สึกไม่สบาย ไม่ว่าจะเป็นอาการอาหารติดคอหรือความรู้สึกไม่สบายในลำคอ การฝึกกลืนด้วยเครื่อง Biofeedback ที่ Century Care Center จะช่วยคุณได้!
🩺 บริการนี้เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่มีปัญหากลืนลำบาก
- ผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังที่ส่งผลต่อการกลืน
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูการกลืนหลังจากการบาดเจ็บหรือการรักษา
✨ ทำไมต้องเลือก Biofeedback?
- เป็นวิธีการรักษาที่ไม่รุกล้ำ ไม่ต้องใช้ยา
- ช่วยลดความรุนแรงของอาการกลืนลำบาก
- สามารถติดตามและปรับปรุงการควบคุมกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
💡 คาดหวังอะไรจากบริการนี้?
- การฝึกกลืนที่ปลอดภัยภายใต้การดูแลของนักกิจกรรมบำบัดวิชาชีพ
- รับการตรวจ ATK ก่อนเข้ารับบริการ
- การติดเครื่องกระตุ้นเพื่อช่วยในการฝึกกลืน
🔔 อย่าปล่อยให้ปัญหาการกลืนรบกวนชีวิตคุณต่อไป! จองบริการ กับเราได้ง่ายๆ ผ่าน HDmall.co.th วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในอนาคต!
ให้การกลืนเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นที่นี่!
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าฝึกการกลืน (Swallowing) ด้วยเครื่อง Biofeedback สำหรับผู้ที่มีปัญหากลืนลำบาก 1 ครั้ง
- ค่าตรวจ ATK ครั้งแรกก่อนเข้ารับบริการ
สิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่ม
- ค่าบริการลูกค้าใหม่ 150 บาท
หมายเหตุ
- อาจมีค่าปรึกษาแพทย์ระบบประสาท ครั้งละ 500 บาท (กรณีที่ต้องการปรึกษาแพทย์)
- อาจมีค่าบริการหัตถการต่างๆ เพิ่มเติม
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 45 นาที ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผู้เข้ารับบริการ
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- ฝึกโดยนักกิจกรรมบำบัดวิชาชีพ
- มีการติดเครื่องกระตุ้นร่วมด้วย
- เป็นการฝึกกลืนในผู้ป่วยที่มีปัญหากลืนลำบาก
- สงวนสิทธิ์เฉพาะคนไทยเท่านั้น
ข้อมูลทั่วไป
Biofeedback เป็นเทคนิคที่ฝึกให้ผู้ป่วยควบคุมร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรมของตนเอง เพื่อช่วยบรรเทาอาการของโรคหรือปัญหาสุขภาพ โดยสามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงจากสัญญาณชีพ (Vital Signs) ของร่างกาย เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ คลื่นไฟฟ้าสมอง การเคลื่อนไหวของมัดกล้ามเนื้อ หรืออุณหภูมิร่างกาย
Biofeedback อาจเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ท้องผูก ไปจนถึงถึงโรครุนแรงอย่างอาการทางจิตและโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ Biofeedback ยังอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อรักษาสุขภาพด้วย
ประโยชน์และข้อจำกัดของ Biofeedback
- Biofeedback จัดเป็นขั้นตอนทางการแพทย์แบบ Non-Invasive หรือขั้นตอนที่ไม่รุกล้ำร่างกาย มีความปลอดภัย ไม่ต้องฉีดยา ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ ซึ่งประโยชน์หลักของ Biofeedback ได้แก่
- ช่วยลดความรุนแรงของอาการ
- ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
- ช่วยลดการใช้ยา และเพิ่มประสิทธิภาพของยา
ประโยชน์หลักของ Biofeedback ทั้งสองข้อนี้ อาจส่งผลดีอย่างมากในผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องใช้ยาเป็นประจำ ทั้งในแง่ของสุขภาพ ค่าใช้จ่าย และการใช้ชีวิต อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่ที่กำลังครรภ์ และอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถใช้ยาเพื่อรักษาได้
อย่างไรก็ตาม การฝึก Biofeedback ไม่ครอบคลุมสำหรับทุกการเจ็บป่วย และอาจให้ผลแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว หรืออยู่ระหว่างการรักษาโรคด้วยวิธีอื่นอยู่
ขั้นตอน Biofeedback เป็นอย่างไร
Biofeedback ทำได้หลากหลายรูปแบบและหลายวิธี ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพของผู้ป่วย โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำรูปแบบที่เหมาะสม และนักบำบัดที่มีความชำนาญการเฉพาะด้านจะเป็นผู้ดำเนินการ โดยปกติแล้วการทำ Biofeedback ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรล่วงหน้า ถ้าหากต้องมีการเตรียมตัว แพทย์และนักบำบัดจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
สัญญาณชีพที่สามารถวัดได้จากการทำ Biofeedback เช่น
- อัตราการเต้นของหัวใจ
- การหายใจ
- การตึงตัวของกล้ามเนื้อ
- การทำงานของต่อมเหงื่อ
- อุณหภูมิร่างกาย
- คลื่นสมองหรือคลื่นไฟฟ้าสมอง
นอกจากนี้นักบำบัดอาจวัดสัญญาณชีพอื่นๆ เพิ่มเติมได้ ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้วัดแต่ละจุดอาจแตกต่างกันไปตามอวัยวะแต่ละส่วนและสัญญาณชีพที่ต้องการวัด แต่ส่วนใหญ่มักใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า แผ่นอิเล็กโทรด (Electrodes) ที่มีลักษณะเป็นแผ่นกลมแบนและมีสายต่อกับเครื่องแปลงผล นอกจากแผ่นอิเล็กโทรดแล้ว นักบำบัดอาจใช้อุปกรณ์อื่น เช่น เครื่องตรวจจับการเคลื่อนไหวร่างกาย เครื่องวัดแรงกด (Force Plate Sensors) เครื่องอัลตราซาวด์ และการส่องกล้อง (Endoscopy)
Biofeedback มีขั้นตอนดังนี้
- ขั้นแรก นักบำบัดจะใช้อุปกรณ์วัดสัญญาณชีพติดตามร่างกาย โดยอาจติดส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนพร้อมกัน
- สัญญาณชีพที่วัดได้จะแสดงผลในหน้าจอเพื่อให้ผู้เข้ารับการบำบัดและนักบำบัดเห็นลักษณะของสัญญาณชีพที่ส่งผลให้เกิดอาการ หากสัญญาณชีพส่วนที่ตรวจจับทำงานหนัก เกร็ง หรืออยู่ในสภาวะที่ผิดปกติ เครื่อง Biofeedback จะมีไฟขึ้นหรือส่งเสียงร้องเพื่อเตือนให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย
- นักบำบัดจะสอนผู้ป่วยเกี่ยวกับวิธีควบคุมร่างกาย ความคิด และพฤติกรรมเพื่อปรับสัญญาณชีพให้ปกติ เช่น หากผู้ป่วยมีอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง นักบำบัดจะบอกวิธีที่ช่วยลดอาการตึงของกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว และให้ผู้ป่วยลองฝึก โดยในระหว่างฝึก นักบำบัดและผู้ป่วยจะเห็นสัญญาณชีพที่เปลี่ยนแปลงไปตามการฝึก ทำให้ผู้ป่วยสามารถเรียนรู้และเข้าใจการทำงานของร่างกายมากขึ้น
- Biofeedback ยังมีวิธีการฝึกแบบอื่นๆ ที่นักบำบัดอาจแนะนำให้ผู้ป่วยทดลองฝึก เช่น การฝึกเกร็งและคลายกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ การทำสมาธิเพื่อควบคุมอารมณ์และความคิด การหักเหความสนใจจากสิ่งกระตุ้นด้วยการจินตนาการถึงสี เสียง หรือบรรยากาศที่ทำให้คลื่นสมองและอารมณ์ของผู้ป่วยคงที่ เป็นต้น
- โดยปกติ Biofeedback ใช้เวลาราว 30-60 นาทีต่อการฝึก 1 ครั้ง ซึ่งจำนวนครั้งและระยะเวลา อาจขึ้นอยู่กับชนิดของการเจ็บป่วย และพัฒนาการในการควบคุมร่างกายของผู้ป่วย เพราะความสำเร็จและจุดประสงค์ของการฝึกนี้ คือผู้ป่วยสามารถเข้าใจกลไกการทำงานของร่างกาย สามารถควบคุมและจับจุดได้เองที่บ้าน โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์วัดสัญญาณชีพ
ปัญหาสุขภาพที่ Biofeedback ช่วยได้
แม้ว่า Biofeedback อาจไม่ครอบคลุมทุกโรค แต่ผู้ป่วยโรคต่อไปนี้สามารถฝึก Biofeedback เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
- อาการปวดเรื้อรังและโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง เช่น อาการปวดท้องเรื้อรัง อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง โรคไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia) ภาวะความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร (Temporomandibular Joint Disoder) เป็นต้น
- โรควิตกกังวลและโรคเครียด
- โรคหืดหอบ (Asthma)
- โรคสมาธิสั้น (ADHD)
- ท้องผูก ภาวะกลั้นอุจจาระไม่ได้ และภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้
- อาการปวดศีรษะ และปวดไมเกรน
- ภาวะความดันโลหิตสูง
- โรคลำไส้แปรปรวน (IBS)
- โรคเรเนาด์ หรือโรคที่หลอดเลือดหดตัวจากความเครียดและความเย็น
- อาการหูอื้อหรือได้ยินเสียงในหู
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคลมชัก
นอกจากนี้อาจมีโรคอื่น ๆ ที่ Biofeedback อาจช่วยควบคุมอาการได้ แต่ Biofeedback ไม่ใช่วิธีการรักษาหลัก โดยอาจเป็นเพียงหนึ่งในหลายขั้นตอนการรักษาที่แพทย์อาจแนะนำ เพื่อช่วยลดความรุนแรงของอาการและความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เสริมประสิทธิภาพในการใช้ยา และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยเท่านั้น
ดังนั้นผู้ป่วยควรเริ่มโดยการเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ และเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการหลัก หากแพทย์เห็นว่า Biofeedback อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับขั้นตอนดังกล่าว
ทั้งนี้ผู้ป่วยควรเข้ารับการฝึก Biofeedback ตามที่นักบำบัดแนะนำ เพื่อฝึกการควบคุมร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้ป่วยเอง
ที่อื่นที่ให้บริการ กายภาพบำบัด ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ Century Care Center ผ่าน HDmall
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 1-3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 60 วัน)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่ศูนย์ได้โดยตรง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ Century Care Center อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th