ตรวจสุขภาพตา เพื่อประเมินความผิดปกติทางสายตาที่อาจเกิดขึ้น รายละเอียดในการตรวจขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล
แพ็กเกจอื่นที่คุณอาจสนใจ
รายละเอียด
ทำไมคนอื่นซื้อแพ็กเกจนี้?
👁️ อย่าปล่อยให้สายตาของคุณเสื่อมลง! คุณเคยรู้สึกว่าเห็นภาพไม่ชัดเจนหรือมีอาการตาแห้งบ่อยๆ หรือไม่? สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคทางตา การตรวจคัดกรองโรคจอประสาทตาเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม!
🏥 บริการตรวจคัดกรองโรคจอประสาทตา 7 รายการ ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3 จะช่วยให้คุณได้รับการตรวจอย่างละเอียดจากจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมทั้งการตรวจวัดระดับการมองเห็นและความดันตาโดยไม่ต้องสัมผัส ช่วยให้คุณมั่นใจในสุขภาพตาของคุณได้มากขึ้น
💡 ทำไมควรตรวจคัดกรองโรคจอประสาทตา?
- สามารถตรวจพบปัญหาสายตาและโรคที่เกี่ยวข้องได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
- ช่วยป้องกันไม่ให้สุขภาพตาเสื่อมลงจนสูญเสียการมองเห็น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการทางตาหรือมีปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
🔍 บริการรวม:
- ตรวจสุขภาพตาโดยจักษุแพทย์เฉพาะทาง
- ตรวจวัดระดับการมองเห็น
- ตรวจความดันตาโดยไม่สัมผัส
- และอื่นๆ อีกมากมาย
อย่ารอช้า! จองบริการ กับเราได้ง่ายๆ ผ่าน HDmall.co.th เพื่อให้คุณได้รับการดูแลสุขภาพตาที่ดีที่สุดก่อนที่อาการจะเลวร้ายลง 📅
สุขภาพตาที่ดี เริ่มต้นที่นี่!
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าตรวจคัดกรองโรคจอประสาทตา 7 รายการ มีรายการตรวจดังนี้
- ตรวจสุขภาพตาโดยจักษุแพทย์เฉพาะทาง
- ตรวจวัดระดับการมองเห็น
- ตรวจความดันตาโดยไม่สัมผัสตา
- ตรวจค่าสายตาสั้น ยาว เอียง ด้วยเครื่อง Autorefraction
- ตรวจโครงสร้างของดวงตาด้วยกล้องจุลทรรศน์
- ตรวจคัดกรองตาบอดสี
- ขยายม่านตาหรือถ่ายภาพมุมกว้างคัดกรองโรคจอประสาทตาด้วยเครื่องถ่ายภาพระบบดิจิตอล (Fundus Camera)
- ค่าจักษุแพทย์
- ค่าบริการโรงพยาบาล
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ ตรวจจอประสาทตา
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผู้รับบริการ
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- หลังตรวจเสร็จ จักษุแพทย์จะอธิบายผลการตรวจให้ทราบ
- สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย สามารถซื้อแพ็กเกจในราคาคนไทยได้ก็ต่อเมื่อมีคุณสมบัติอย่างน้อย 1 ข้อดังต่อไปนี้
- เป็นผู้ที่ทำงานในประเทศไทย โดยสามารถแสดงรับสิทธิ์ด้วยการแสดงใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)
- เป็นผู้ที่ศึกษาในประเทศไทย
- เป็นผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทย
- เป็นผู้มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู)
- เป็นผู้มีคู่สมรสเป็นชาวไทย
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- ควรถอดคอนแทคเลนส์ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันสำหรับคอนแทคเลนส์แบบนิ่ม และอย่างน้อย 7 วัน สำหรับคอนแทคเลนส์แบบแข็ง
- ควรสระผมให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับการตรวจ
- ควรสวมเสื้อที่มีกระดุมด้านหน้า
- งดแต่งหน้า โดยเฉพาะบริเวณรอบๆ ดวงตา
- งดฉีดสเปรย์และน้ำหอมทุกชนิด
- ควรมีเพื่อนหรือญาติมาด้วย
- นำแว่นสายตา หรือคอนแทคเลนส์ที่ใช้อยู่ไปด้วย
ก่อนตัดสินใจ
ผู้ที่เหมาะกับบริการนี้
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงและควรเข้ารับการตรวจ ได้แก่
- ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีอาการทางตาต่างๆ เช่น ปวดตา ตาแดง ตามัว เห็นภาพซ้อน น้ำตาไหล ปวดกระบอกตา หรือปวดศีรษะบ่อยๆ เป็นต้น
- ผู้ที่คนในครอบครัวเคยเป็นโรคต้อหิน หรือตาบอดข้างหนึ่ง โดยไม่ทราบสาเหตุ
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไทรอยด์
- ผู้ที่ทำงานใช้สายตามาก
- ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ
- ผู้มีปัจจัยเสี่ยงต่อจอตาฉีกขาด เช่น เคยได้รับอุบัติเหตุที่ดวงตา หรือเคยได้รับการผ่าตัดตา
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวและต้องใช้ยาที่มีผลต่อดวงตาเป็นประจำ เช่น ยาอีแทมบูทอล (Ethambutol) ยาคลอโรควิน (Chloroquine) หรือยาในกลุ่มสเตียรอยด์
ข้อมูลทั่วไป
การตรวจสุขภาพตา เป็นการตรวจโดยใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อให้พบปัญหาทางสายตา ปัญหาการมองเห็น หรือโรคทางตาที่พบบ่อย เช่น ต้อหิน ต้อกระจก หรือตาบอดสี
โรคตาบางชนิดอาจไม่แสดงอาการผิดปกติในระยะแรก อย่างไรก็ตาม การตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกัน และแก้ไขไม่ให้สายตาผิดปกติมากขึ้นจนสูญเสียการมองเห็นได้
การตรวจสุขภาพตาโดยทั่วไป ตรวจอะไรบ้าง?
การตรวจสุขภาพตาโดยทั่วไปมักเริ่มจากการซักประวัติ เพื่อสอบถามอาการทั่วไป รวมถึงประวัติสุขภาพตาของคนในครอบครัว ยารักษาโรคที่ใช้อยู่ หรือปัญหาสุขภาพตาที่มีอยู่หลังจากซักประวัติแล้ว อาจตรวจสายตาด้วยวิธีการต่างๆ เพิ่มเติม ดังนี้
- ตรวจสายตา หรือความสามารถในการมองเห็น (Visual Acuity Test) โดยการอ่านป้ายที่มีตัวอักษร หรือตัวเลขต่างๆ จากระยะมาตรฐาน 6 เมตร เพื่อดูว่า มองเห็นได้ดีแค่ไหน ระหว่างการทดสอบจะปิดตาไว้หนึ่งข้างแล้วใช้อีกข้างที่เหลือมองดู
- ตรวจวัดค่าสายตา เป็นการให้อ่านป้ายที่มีตัวอักษร หรือตัวเลขผ่านอุปกรณ์วัดสายตา (Phoropter) ซึ่งจะให้ค่าตัวเลขที่กำหนดความสั้น ยาว และเอียงของสายตาอย่างถูกต้อง เพื่อจำไปตัดแว่นสายตา
- ตรวจลานสายตา ตรวจบริเวณขอบเขตของการมองเห็นด้านบน ล่าง ซ้าย และขวา
- ตรวจความโค้งของกระจกตา หากมีความผิดปกติจะทำให้มีภาวะสายตาเอียงได้
- ตรวจคัดกรองตาบอดสี โดยการดูแผ่นป้ายที่มีจุดสีหลายสี
- ตรวจม่านตา ใช้ไฟส่องตาเพื่อดูว่า ม่านตาตอบสนองต่อแสงเป็นปกติหรือไม่
- ตรวจการมองเห็นด้านข้าง ผู้ที่มีการมองเห็นด้านข้างผิดปกติมักไม่รู้ตัวเอง และเป็นสัญญาณความผิดปกติที่บ่งบอกถึงโรคต้อหินได้
- ตรวจการเคลื่อนไหวของดวงตา เพื่อประเมินสมรรถภาพในการทำงานของกล้ามเนื้อตา
- ตรวจความดันลูกตา ความดันในลูกตาที่เพิ่มสูงขึ้นอาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงโรคต้อหินได้ หากพบว่ามีความดันลูกตาผิดปกติ จักษุแพทย์จะตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียดเพื่อหาว่า เป็นโรคต้อหินหรือไม่
- ตรวจส่วนหน้าของตา เป็นการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ตรวจนัยน์ตาชนิดลำแสงแคบ (Slit Lamp) โดยจะช่วยในการตรวจดูเปลือกตา กระจกตา ม่านตา และเลนส์ตา ทำให้ทราบว่า เป็นโรคต้อกระจก มีแผล หรือรอยถลอกที่กระจกตาหรือไม่
- ตรวจจอประสาทตา และเส้นประสาทตา จักษุแพทย์จะหยอดยาขยายรูม่านตา เพื่อตรวจดูว่า ประสาทตา และเส้นประสาทตาเป็นปกติหรือไม่
โรงพยาบาลและคลินิกอื่น ที่ให้บริการ ตรวจตา รักษาโรคตา ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ โรงพยาบาลพญาไท 3 ผ่าน HDmall
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 1-3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 60 วัน)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่โรงพยาบาลได้โดยตรง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ โรงพยาบาลพญาไท 3 อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th