ตรวจมะเร็งปากมดลูก ThinPrep และตรวจหาเชื้อ HPV ด้วย DNA

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการ

การตรวจ ThinPrep เป็นเทคนิคหนึ่งของการตรวจ Pap Smear ผู้รับการตรวจต้องขึ้นขาหยั่งเหมือนเวลาตรวจภายในเหมือนกัน แต่ ThinPrep Pap Test ต่างจากการตรวจแบบดั้งเดิมที่ตัวอย่างเนื้อเยื่อที่เก็บมาจะถูกนำไปใส่ในของเหลว จากนั้นนำไปผ่านกระบวนการเพื่อให้ได้เซลล์ที่ไม่มีสิ่งเจือปนอย่างมูกหรือเลือด ทำให้สามารถตรวจเห็นเซลล์ได้ชัดเจนภายใต้กล้องจุลทรรศน์ ในขณะการตรวจแบบดั้งเดิมจะนำตัวอย่างเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่ได้ป้ายลงบนแผ่นกระจก หลังจากนั้นนำไปย้อมสีและตรวจด้วยกล้องขยาย เพื่อตรวจดูความผิดปกติ

อันตรายของมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่มีความอันตรายสูง เนื่องจากทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพและชีวิตของผู้ป่วยได้ อันตรายของโรคมะเร็งปากมดลูกประกอบด้วย
-⠀เนื้องอกกระจายไว: เนื้องอกจากมะเร็งปากมดลูกสามารถกระจายและขยายไปหลายจุด ซึ่งอาจกระทบถึงอวัยวะอื่นๆ ในระบบทางเดินเพศภายในหรือภายนอก ทำให้เกิดการลุกลามและการแพร่กระจายของเนื้องอกไปยังส่วนอื่นของร่างกาย เช่น รังมดลูก ลำไส้ ตับ หรือปอด
-⠀อุดตันอวัยวะภายใน: เนื้องอกจากมะเร็งปากมดลูกที่ขยายเต็มพื้นที่สามารถอุดตันทางเดินปัสสาวะ ทางเดินอาหาร หรือช่องคลอด ทำให้เกิดอาการปวด ท้อง ปัสสาวะน้อยลง อุจจาระที่ผิดปกติ หรือมีอาการบวมในบางจุด
-⠀มีปัญหาต่อระบบภูมิคุ้มกัน: มะเร็งปากมดลูกอาจกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายรับมือต่อการติดเชื้อและโรคภัยได้ยากขึ้น อาจเกิดการติดเชื้อร้ายแรงและภาวะแทรกซ้อนได้ง่ายขึ้น
-⠀ผลกระทบทางจิตใจ: หากพบว่าป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกโดยเฉพาะระยะหลัง อาจมีผลกระทบทางจิตใจและอารมณ์ของผู้ป่วยได้ เช่น ความกังวล ซึมเศร้า ความหงุดหงิด และความสับสนทางอารมณ์ ต่างจากการตรวจคัดกรองพบในระยะแรก

สำหรับคนที่มีอาการผิดปกติหรือความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกสูง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อโรคมะเร็งปากมดลูก ส่วนคนที่กังวลว่าตนจะมีความเสี่ยง ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างน้อยปีละครั้ง

สิ่งที่สามารถพบได้จากการตรวจ ThinPrep

• เซลล์ที่มีความผิดปกติ หรือเปลี่ยนแปลงไปเป็นระยะก่อนเป็นมะเร็ง
• การอักเสบ ซื่งอาจจะสามารถบอกได้ว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส รา หรือพยาธิบางชนิด
• ความผิดปกติจากการติดเชื้อ HPV

ควรตรวจ ThinPrep เมื่อไหร่?
แนะนำให้ผู้หญิงทุกคนที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์แล้ว ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปี ปีละ 1 ครั้ง หรืออาจเปลี่ยนเป็นตรวจทุก 3 ปีได้ แล้วแต่ประวัติผลการตรวจและความเสี่ยงในแต่ละคน สามารถรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้จากแพทย์ที่ทำการตรวจ

หมายเหตุ

• การตรวจแปปสเมียร์เป็นการตรวจคัดกรองเท่านั้น หากตรวจพบเซลล์ผิดปกติไม่ได้หมายความว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก และจำเป็นต้องมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าเป็นมะเร็งหรือไม่

การตรวจด้วยวิธี HPV DNA คืออะไร?
การตรวจด้วยวิธี HPV DNA คือ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบเจาะลึกถึงระดับ DNA ด้วยวิธี Thin Prep Plus Cervista HPV DNA Testing เพื่อตรวจหาเชื้อเอชพีวี สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงทั้ง 14 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์ 16, 18 และ เอชพีวี อีก 12 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง

การตรวจด้วยวิธี HPV DNA ต่างจาก การตรวจด้วย Pep Smear อย่างไร?
การตรวจด้วยวิธี HPV DNA เหมือนกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี Pep Smear คือ จะมีการใช้เครื่องมือสอดและถ่างช่องคลอด จากนั้นจะทำการนำตัวอย่างเซลล์จากมดลูก ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติหรือเซลล์ที่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งได้
แต่ทั้งสองวิธีจะแตกต่างกันในกระบวนการตรวจทางห้องปฏิบัติการ คือ การตรวจด้วยวิธี HPV DNA จะเน้นตรวจหาสายพันธุ์เชื้อไวรัส HPV ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ส่วนแปปสเมียร์เป็นการตรวจดูความผิดปกติของเซลล์ ที่อาจเปลี่ยนเป็นมะเร็งในอนาคต
ซึ่งการตรวจด้วยวิธี HPV DNA สามารถตรวจร่วมกับแปปสเมียร์ได้ เพื่อให้แพทย์มีโอกาสตรวจเจอมะเร็งในระยะเริ่มต้นได้แม่นยำขึ้น

โรงพยาบาลและคลินิกอื่น ที่ให้บริการ ตรวจมะเร็งที่ผู้หญิงเป็นกันเยอะ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่