สามารถออกใบรับรองแพทย์เพื่อเบิกประกันกลุ่มหรือประกันสุขภาพได้ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ดูแลซักประวัติ ตรวจร่างกาย ไปจนถึงการรักษา โดยแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู
รายละเอียด
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าทำกายภาพบำบัดบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรม ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PMS และคลื่นกระแทก Shock Wave Therapy 1 ครั้ง สำหรับทำครั้งแรกเท่านั้น
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผู้เข้ารับบริการ
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- สามารถออกใบรับรองแพทย์เพื่อเบิกประกันกลุ่มหรือประกันสุขภาพได้ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- แนะนำควรทำการรักษาสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างประมาณ 2 วัน
- จำนวนช็อตขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ แต่อยู่ที่ประมาณ 2,000-4,000 ช็อต
- เครื่อง PMS ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดอาการชา เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และกระตุ้นกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากอัมพาต
- เร่งการฟื้นตัวของเส้นประสาทที่บาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น แขนขาอ่อนแรง อาการที่เกิดจากการกดทับรากประสาทที่คอและเอวจากโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือเสื่อม
- ช่วยบำบัดรักษาในทุกระยะของการดำเนินโรค คือ ระยะเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน และเรื้อรัง ได้ทุกบริเวณทั้งร่างกาย
- กลไกลการรักษาเป็นการกระตุ้นให้มีการซ่อมสร้างของเนื้อเยื่อ ไม่ใช่เพียงการบรรเทาอาการเท่านั้น
- Shock Wave Therapy (SWT) หรือการรักษาอาการปวดและอักเสบเรื้อรังด้วยเครื่องช็อคเวฟ โดยเครื่องจะส่งคลื่นกระแทกเข้าไปยังบริเวณที่มีอาการปวด เพื่อทำให้ร่างกายเกิดการบาดเจ็บขึ้นใหม่ในบริเวณที่มีอาการปวด จากนั้นกล้ามเนื้อและเอ็นบริเวณนั้น จะมีการซ่อมแซมเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 24 ชั่วโมงก่อนทำ
- หากกำลังตั้งครรภ์ มีโรคประจำตัว ภาวะกระดูกบาง ภาวะกระดูกหัก ใส่เหล็ก หรือเครื่องกระตุ้นหัวใจอยู่ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทราบก่อนรับบริการ
- หากกำลังรับประทานยาสลายลิ่มเลือด มีโรคประจำตัว หรือมีอาการแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทราบก่อนรับบริการ
- หากมีฟิล์มเอกซเรย์ ควรนำมาด้วยเพื่อประกอบการวินิจฉัยและรักษา
- สวมเสื้อผ้าที่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้สะดวก
- แจ้งให้แพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ทราบก่อนรับบริการ หากมีโรคประจำตัว ภาวะกระดูกบาง ภาวะกระดูกหัก ใส่เหล็ก หรือเครื่องกระตุ้นหัวใจอยู่
การดูแลหลังรับบริการ
- ควรขยับร่างกายให้ไม่อยู่ในท่าเดิมนานๆ
- ควรพบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผลการรักษา และหากพบความผิดปกติก่อนถึงวันนัด เช่น หนังตาตก ปวดศีรษะ ปวดคอ เห็นภาพซ้อน ตาแห้ง มีอาการแพ้หรือหายใจไม่สะดวก ควรติดต่อแพทย์ทันที
ก่อนตัดสินใจ
- หากจำเป็นต้องรักษาทางยาควบคู่กับการทำกายภาพบำบัด ควรทำตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัดควบคู่กับการปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ไม่ควรรับประทานยาด้วยตัวเอง
- เทคนิคที่นักกายภาพบำบัดเลือกใช้ในผู้ที่มีอาการเดียวกันอาจแตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับผลการซักประวัติ การตรวจร่างกาย และวัตถุประสงค์ของนักกายภาพบำบัด
- 2-3 วันแรกหลังรับการรักษากล้ามเนื้อมีโอกาสระบม หรือเป็นตะคริวได้ หลังจากนั้นจะกลับมาเป็นปกติ
- ขณะทำ PMS ห้ามสวมใส่เข็มขัด หรือเครื่องประกับที่เป็นโลหะ เพราะมีโอกาสเกิดความร้อนบริเวณที่เป็นโลหะ จนทำให้เกิดอันตรายได้
ข้อห้ามสำหรับการทำกายภาพบำบัด
- ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ
- ผู้ที่ใส่เหล็กที่ข้อกระดูกสันหลังส่วนคอหรือเอว
- สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร
- ผู้ที่มีไข้สูง
- เป็นโรค SLE หรือแพ้ภูมิตัวเอง
- มีแผลเปิดหรือผิวหนังติดเชื้อบริเวณที่ต้องการทำ
- ผู้มีประวัติลมชัก
- ผู้ที่มีโลหะติดตัวในบริเวณที่จะทำการรักษา
- ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคระบบหัวใจ และหลอดเลือด
- ผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง หรือมีเนื้องอก
- ผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวช้า
- ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลาย
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
สิ่งที่ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
- โรคประจำตัว
- ยา และอาหารเสริมที่รับประทาน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- อาการปวดชั่วคราว
- ผิวหนังแดง หรือรอยช้ำบริเวณที่ทำ
ข้อมูลทั่วไป
กายภาพบำบัด (Physical Therapy) คือ การรักษาด้วยเครื่องมือทางกายภาพ ไม่เน้นการรับประทานยาหรือการผ่าตัด เน้นการบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยในกลุ่มอาการเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ข้อ กระดูก ระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ โรคที่เกิดจากอุบัติเหตุ ออฟฟิศซินโดรม ผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาต ผู้สูงอายุที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อเสื่อม ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว
โดยการกายภาพบำบัดทำได้หลายวิธี เช่น อัลตราซาวด์ เลเซอร์ ประคบร้อน ประคบเย็น การนวด และการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรง
หมายเหตุ
- นักกายภาพบำบัด หรือผู้ให้บริการกายภาพบำบัด จะต้องจบการศึกษาด้านกายภาพบำบัดโดยตรงและต้องมีใบประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัดที่ออกให้โดยสภากายภาพบำบัดเท่านั้น
- ผลลัพธ์ของการทำกายภาพบำบัดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาการและความรุนแรงของอาการ อายุของผู้ป่วย เป็นต้น
- กายภาพบำบัดเป็นศาสตร์ที่อาศัยการรักษาอย่างต่อเนื่อง การรักษาและระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละครั้งอาจไม่เหมือนกัน
แพ็กเกจนี้ใช้การกายภาพบำบัดด้วยเครื่องกระตุ้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PMS
เครื่องกระตุ้นแม่เหล็ก PMS (Peripheral Magnetic Stimulation) เป็นหนึ่งในเครื่องมือกายภาพบำบัดที่ใช้ระบบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เข้าไปบำบัดรักษาอาการเจ็บปวดต่างๆ ของกล้ามเนื้อและกระดูก เครื่องจะส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปกระตุ้นไปที่เส้นประสาท เพื่อส่งสัญญาณไปยังสมอง กระตุ้นให้สมองสั่งการส่งสัญญาณมายังบริเวณที่มีอาการ เพื่อยับยั้งอาการปวด เป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัย และได้ผลดี
อาการที่เครื่องกระตุ้นแม่เหล็ก PMS สามารถรักษาได้ มีดังนี้
- บรรเทาอาการปวดทุกชนิด ทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง
- บรรเทาอาการชาที่เกิดจากปลายประสาท การกดทับเส้นประสาทต่างๆ หรืออาการชาที่เกิดจากโรคเบาหวาน
- ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต
- เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ช่วยชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ และใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกได้ดี
Shock Wave Therapy หรือ คลื่นกระแทก เป็นวิธีหนึ่งในการบำบัดรักษาอาการที่เกี่ยวกับกระดูก และกล้ามเนื้อที่มีอาการปวดเรื้อรัง บางครั้งยังนำมาใช้ช่วยกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศได้อีกด้วย
Shock Wave ทำงานอย่างไร?
พลังงาน Shock Wave หรือคลื่นกระแทกจะถูกส่งไปยังบริเวณที่มีอาการปวด กระตุ้นให้ร่างกายเกิดการบาดเจ็บขึ้นใหม่ เพื่อตัดวงจรการปวดหรืออักเสบเรื้อรัง และกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมเนื้อเยื่อใหม่ รวมถึงกระตุ้นการหลั่งสารลดปวดทำให้อาการปวดบริเวณนั้นดีขึ้น
ประเภทของ Shock Wave
คลื่น Shock Wave ที่ใช้ในทางกายภาพบำบัด มี 2 ประเภท คือ
- Radial Shock Wave Therapy (RSWT) คลื่นกระแทกจะกระจายเป็นบริเวณกว้าง ผ่านลงไปได้ถึงเนื้อเยื่อระดับตื้น มักใช้กับอาการปวดกล้ามเนื้อ หรือพังผืด
- Extracoporeal Shock Wave Therapy (ESWT) คลื่นกระแทกพลังงานสูง ลงได้ถึงเนื้อเยื่อระดับลึก และตรงจุด เหมาะสำหรับอาการปวดเรื้อรังในกระดูก และกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกระดูก และกล้ามเนื้อมัดลึก
รักษาด้วยคลื่นกระแทกได้บ่อยแค่ไหน?
โดยทั่วไปมักอยู่ที่ 2-5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และควรเว้นระยะห่างในแต่ละครั้งประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซม ฟื้นฟูการอักเสบเรื้อรัง
เจ็บหรือไม่?
ขณะรับบริการจะปรับความแรงให้รู้สึกปวดในระดับที่ผู้รับบริการทนได้ จึงอาจทำให้รู้สึกเจ็บ หรือไม่สบายตัวในบริเวณที่ทำ ระดับความเจ็บจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และตำแหน่งที่รักษา
คลื่นกระแทกใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง?
- ปวดข้อศอก และเอ็นข้อศอกอักเสบ
- พังผืดฝ่าเท้าอักเสบ
- ปวดฝ่าเท้าเรื้อรัง (โรครองช้ำ)
- อาการปวด หรือบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
- อาการปวดเรื้อรังในกล้ามเนื้อคอ บ่า หลัง
- ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
หมายเหตุ
- ควรรับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู และทำอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
- การรักษาด้วยคลื่นกระแทก ควรใช้เป็นการรักษาร่วมกับการออกกำลังกายตามคำแนะนำของแพทย์
โรงพยาบาลและคลินิกอื่น ที่ให้บริการ กายภาพบำบัดออฟฟิศซินโดรม ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
จองและจ่ายเงินที่ HDmall.co.th พร้อมรับส่วนลดทันที
- กด 'ชำระเงินออนไลน์' แล้วกรอกข้อมูลให้ครบ
- ชำระเงิน สามารถเลือกวิธีโอน จ่ายบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต โดยจ่ายบัตรเครดิตได้เมื่อมียอดชำระ 300 บาทขึ้นไป ผ่อนได้เมื่อมียอดชำระตั้งแต่ 3,000 บาท
- รอรับคูปองทางอีเมล (จะออกภายใน 24 ชั่วโมงหลังแอดมินตรวจสอบการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว) คูปองมีอายุ 60 วัน
- นำคูปองไปยื่นที่คลินิกเพื่อรับบริการ
*ระยะเวลาผ่อนชำระขึ้นอยู่กับราคาแพ็กเกจ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่คลินิกได้โดยตรง
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ Dr. Kritsana Rehab Clinic อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th