รายละเอียด
ทำไมคนอื่นซื้อแพ็กเกจนี้?
🔍 คุณรู้สึกไม่สบายท้องหรือไม่? หากคุณประสบปัญหาปวดท้องเรื้อรัง จุกแน่น หรือมีอาการกลืนอาหารลำบาก นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณควรเข้ารับการตรวจส่องกล้องกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่! การตรวจนี้จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยสาเหตุของอาการเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง
🏥 บริการส่องกล้องกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ แบบฉีดยานอนหลับ ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2 เป็นหนึ่งในบริการที่มีมาตรฐานสูงสุดในประเทศไทย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย คุณสามารถมั่นใจได้ว่าได้รับการดูแลที่ดีที่สุด
💡 ทำไมคุณควรเข้ารับการตรวจนี้?
- ตรวจวินิจฉัยอาการเจ็บปวดในช่องท้องที่ไม่ทราบสาเหตุ
- ช่วยค้นหาความผิดปกติ เช่น การอักเสบ หรือมะเร็งในระยะเริ่มต้น
- ลดความวิตกกังวลในการรักษาโรคที่ไม่รู้จัก
⏰ อย่าปล่อยให้ปัญหาทางเดินอาหารรบกวนชีวิตคุณ! การตรวจส่องกล้องช่วยให้คุณมีโอกาสในการรักษาที่ดีกว่า และสามารถป้องกันปัญหาที่อาจรุนแรงมากขึ้นในอนาคตได้
เริ่มต้นการดูแลสุขภาพของคุณวันนี้! จองบริการ กับเราได้ง่ายๆ ผ่าน HDmall.co.th และกลับมาใช้ชีวิตอย่างสุขภาพดี! 🌟
รายละเอียด
รายละเอียดราคา
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าส่องกล้องกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ แบบฉีดยานอนหลับ โดยแพทย์ผ่าตัด
- ค่าแพทย์สำหรับทำหัตถการส่องกล้อง
- ค่าห้องส่องกล้อง
- ค่าห้องพักฟื้นสังเกตอาการหลังส่องกล้อง
- ค่าบริการโรงพยาบาล
- ค่าบริการทางการพยาบาล
สิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่ม
- ค่ายาระบายในการเตรียมลำไส้ก่อนการเข้ารับการส่องกล้องประมาณ 1,000-1,500 บาท
หมายเหตุ
- ราคานี้ไม่รวมค่ายากลับบ้าน
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- โปรแกรมนี้สำหรับทำหัตถการส่องกล้องเพื่อการตรวจคัดกรองเท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วย และต้องการหาโรคเพื่อการรักษา
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 1 ชั่วโมง
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องค้างที่โรงพยาบาล
- เหมาะกับผู้ที่มีอาการดังนี้
- ปวดจุกแน่นใต้ลิ้นปี่ เสียดท้อง ลมแน่นท้อง
- กลืนอาหารลำบาก และมีอาการเจ็บเวลากลืน
- เบื่ออาหารและน้ำหนักลดลง
- อาเจียนบ่อยครั้ง และอาจอาเจียนเป็นเลือด
- มีภาวะโลหิตจาง
- ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ
- มีก้อนในช่องท้องด้านบน
- สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย สามารถซื้อแพ็กเกจในราคาคนไทยได้ก็ต่อเมื่อมีคุณสมบัติอย่างน้อย 1 ข้อดังต่อไปนี้
- เป็นผู้ที่ทำงานในประเทศไทย โดยสามารถรับสิทธิ์ด้วยการแสดงใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)
- เป็นผู้ที่ศึกษาในประเทศไทย
- เป็นผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทย
- เป็นผู้มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู)
- เป็นผู้มีคู่สมรสเป็นชาวไทย
การเตรียมตัวก่อนการตรวจ
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนเข้ารับการตรวจ
- งดน้ำ อาหาร และเครื่องดื่มทุกชนิดก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- กรณีใส่ฟันปลอมให้ถอดออกถ้าถอดได้ หรือมีฟันซี่ใดโยก ควรแจ้งแพทย์ทราบ
- แจ้งโรคประจำตัวและยาที่ต้องรับประทานประจำ ยาที่แพ้ โดยเฉพาะยาชาจากการถอนฟันและประวัติการผ่าตัดในอดีต (ถ้ามี)
- ควรไปถึงโรงพยาบาลก่อนเวลานัดตรวจประมาณ 30 นาที เพื่อให้ผู้ป่วยมีเวลาเตรียมตัวให้พร้อม
- หากต้องการใบรับรองแพทย์หรือใบเบิกต่างๆ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อนรับการตรวจ
- ไม่นำเครื่องประดับหรือของมีค่าติดตัวไปโรงพยาบาล เพื่อป้องกันการสูญหาย
- ควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หลวมสวมใส่ง่าย เพื่อสะดวกในการผลัดเปลี่ยนชุด
- ควรมีญาติมาส่งและรอรับกลับ เพื่อความปลอดภัย
การปฏิบัติตนขณะเข้ารับการตรวจ
- เมื่อถึงห้องตรวจผู้ป่วยจะได้พบกับเจ้าหน้าที่พยาบาลที่จะคอยดูแลท่านตลอดเวลาที่ท่านได้รับการตรวจ ท่านจะได้รับยาชาเฉพาะที่โดยการกลืน และพ่นยาชาเพื่อไม่ให้เจ็บปวดขณะตรวจ
- ผู้ป่วยบางท่านอาจได้รับยาฉีด เพื่อคลายความวิตกกังวลจากการตรวจ
- ระหว่างการตรวจ ผู้ป่วยต้องนอนหันหน้าเข้าหาแพทย์ แพทย์จะใส่กล้องเข้าทางปาก โดยมีแสงไฟนำอยู่ที่ปลายกล้อง แพทย์อาจจะให้ผู้ป่วยช่วยกลืนเพื่อให้กล้องเช้าสู่หลอดอาหาร หลังจากนั้นให้หายใจเข้า-ออกธรรมดา และไม่กลั้นหายใจ ถ้ามีน้ำลายควรปล่อยให้ไหลออกมา อย่ากลืนเพราะจะทำให้สำลัก และไอได้
- ต่อจากนั้น แพทย์จะทำการตรวจหลอดอาหารกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้นจนเสร็จสิ้นกระบวนการ ซึ่งจะใช้เวลาการตรวจประมาณ 5-10 นาที
การดูแลหลังเข้ารับบริการ
- ท่านจะรู้สึกเหมือนเสมหะติดอยู่ในลำคอหรือรู้สึกหนาๆ ที่ภายในลำคอ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากฤทธิ์ของยาชาที่ได้รับ ความรู้สึกเช่นนี้จะยังคงอยู่ประมาณ 15-30 นาที หลังจากหมดฤทธิ์ยาแล้วอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไป
- ระหว่างที่คอยังชาให้บ้วนน้ำลายทิ้ง อย่าเพิ่งรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพื่อป้องกันการสำลัก
- หลังจากคอหายชาแล้วให้เริ่มจิบน้ำก่อนเพื่อทดสอบระบบการกลืนว่าเป็นปกติ แล้วจึงรับประทานอาหารได้ ควรจะเริ่มรับประทานอาหารอ่อนก่อน เพื่อให้สามารถกลืนได้ง่ายขึ้นและไม่ควรรับประทานอาหารร้อนจัด
- สำหรับผู้ป่วยบางท่านที่ได้รับยาฉีด ซึ่งอาจจะยังมีอาการง่วงนอนอยู่ จำเป็นต้องนอนพักในห้องพักฟื้นซึ่งมีพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด เมื่อท่านรู้สึกตัวและพยาบาลห้องพักฟื้นเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว จึงจะย้ายขึ้นห้องพักผู้ป่วยหรือกลับบ้านได้
- ผู้ป่วยบางท่านที่นอนพักในโรงพยาบาล อาจจะต้องงดน้ำและงดอาหารต่อตามแผนการรักษาของแพทย์
- สำหรับผู้ป่วยที่กลับบ้านได้ เมื่อกลับถึงบ้านแล้วควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และรับประทานอาหารและยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ควรรับการตรวจรักษาตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง
ข้อมูลทั่วไป
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการ
การส่องกล้อง (Endoscopy) เป็นการใช้กล้องตรวจภายในทางเดินอาหาร ขึ้นอยู่กับว่าต้องการตรวจทางเดินอาหารส่วนไหน โดยแบ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่
- การส่องกล้องตรวจหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น (Gastroscopy) เป็นการตรวจทางเดินอาหารส่วนบน ตั้งแต่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ไปจนถึงลำไส้เล็กส่วนต้น โดยการสอดกล้องเข้าทางปาก กล้องที่ใช้มีลักษณะเป็นท่อยางนิ่มขนาดเล็กปรับโค้งงอได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ทำให้เห็นภาพภายในทางเดินอาหารได้ชัดเจน ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยความผิดปกติได้แม่นยำยิ่งขึ้น
- การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และทวารหนัก (Colonoscopy) เป็นการสอดกล้องเข้าทางทวารหนัก เพื่อตรวจและประเมินทางเดินอาหารส่วนล่างอย่างลำไส้ใหญ่ ไปจนถึงลำไส้เล็กส่วนปลาย กล้องที่ใช้มีลักษณะเป็นท่อยางนิ่มขนาดเล็กที่ปรับโค้งงอได้เช่นกัน โดยก่อนทำจะต้องรับประทานยาระบายเพื่อเตรียมลำไส้ก่อน
เมื่อไหร่ควรส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน?
- ปวดท้องหรือจุกแน่นที่ลิ้นปี่โดยไม่ทราบสาเหตุ หรือรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น
- รู้สึกกลืนอาหารลำบาก
- อาเจียนเป็นเลือด
- มีอาการอื่นๆ ที่แพทย์แนะนำให้ตรวจทางเดินอาหารส่วนบนอย่างละเอียด
เมื่อไหร่ควรส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนล่าง?
- อายุ 50 ปีขึ้นไป เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้
- ปวดท้อง ท้องผูก หรือท้องเสียผิดปกติ
- อุจจาระมีมูกหรือเลือดปน
- ลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- มีอาการอื่นๆ ที่แพทย์แนะนำให้ตรวจลำไส้ใหญ่อย่างละเอียด
ข้อดีของการส่องกล้อง
- เป็นการตรวจที่เห็นภาพภายในทางเดินอาหารได้ชัดเจน จึงแม่นยำกว่าการเอกซเรย์
- ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยความผิดปกติและวางแผนการรักษาได้ดียิ่งขึ้น
- ในกรณีที่ตรวจพบเนื้องอก สามารถทำการตัดเนื้องอกออกได้ทันที โดยไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ
เจ็บหรือไม่?
การส่องกล้องเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง ก่อนทำจะได้รับยาระงับความรู้สึก และเริ่มส่องกล้องหลังจากหลับ จึงไม่รู้สึกตัวหรือเจ็บขณะทำการตรวจ คนไข้จะรู้สึกตัวอีกทีหลังจากตรวจเรียบร้อยแล้ว
หมายเหตุ
- หากกังวลหรือมีข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลให้เข้าใจก่อนเข้ารับการตรวจ
โรงพยาบาลอื่นที่มีบริการ ส่องกล้องทางเดินอาหาร ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ โรงพยาบาลพญาไท 2 ผ่าน HDmall
นัดคิวเข้าไปให้คุณหมอตรวจประเมิน แล้วทักมาจ่ายเงินที่ HDmall.co.th เพื่อรับส่วนลด
- จองแพ็กเกจกับ HDmall จากนั้นเจ้าหน้าที่จะส่งคูปองให้ทางอีเมล
- เข้ารับการประเมินที่โรงพยาบาลตามวันที่นัดหมาย
- เมื่อทราบราคาประเมินแล้ว ทักไลน์ @hdcoth มาชำระเงินและรับส่วนลดกับ HDmall โดยพิมพ์ HDexpress หรือกดปุ่ม “ชำระเงินหลังประเมิน” ขณะอยู่ที่คลินิก
- เมื่อชำระเงินแล้ว เจ้าหน้าที่จะส่งคูปองให้ลูกค้าเพื่อรับบริการ
*ระยะเวลาผ่อนชำระขึ้นอยู่กับราคาแพ็กเกจ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 1-3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 30 วัน)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ ทางโรงพยาบาลจะสรุปค่าใช้จ่ายให้ทราบหลังแพทย์ตรวจประเมิน
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ โรงพยาบาลพญาไท 2 อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th