
รายละเอียด
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าตรวจสุขภาพ 56 รายการ (โปรแกรม Complete Plus Male) รวมตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) สำหรับผู้ชายทุกช่วงวัย มีรายการตรวจดังนี้
- ตรวจร่างกายโดยแพทย์ (Physical Examination)
- ตรวจสุขภาพ หู คอ จมูก โดยแพทย์เฉพาะทาง (Basic ENT Screening by Specialist)
- ตรวจสุขภาพตาโดยจักษุแพทย์ (Basic Eye Screening by Specialist)
- ตรวจสุขภาพช่องปากโดยทันตแพทย์ (Dental Examination by Dentist)
- ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiologist)
- ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านทางเดินอาหารและตับ (Gastrointestinal & Liver by Specialist)
- ปรึกษาแพทย์แผนทางเลือกด้านชะลอวัย (Anti-Aging and Regenerative Medicine)
- วัดความดันโลหิต ชีพจร น้ำหนัก ส่วนสูง (Vital Signs)
- ตรวจดัชนีมวลกาย (BMI)
- ตรวจตาบอดสี (ISHIHARA'S Test)
- วัดสายตา (Auto Ref-Keratometer)
- วัดความดันตา (Auto Tonometer)
- ตรวจหาความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC)
- ตรวจหมู่เลือด (Blood Group ABO)
- ตรวจหมู่เลือด (Rh Group)
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (FBS)
- ตรวจระดับน้ำตาลสะสม (HbA1c)
- ตรวจไขมันคอเลสเตอรอล (Cholesterol)
- ตรวจไขมันไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride)
- ตรวจระดับไขมันความหนาแน่นสูง (HDL)
- ตรวจระดับไขมันความหนาแน่นต่ำ (LDL)
- ตรวจระดับ LDL ขนาดเล็ก (Small Dense LDL / LDL Pattern B)
- ตรวจการทำงานของไต (BUN)
- ตรวจการทำงานของไต, ตรวจหาอัตราการกรองของไต (Creatinine and eGFR)
- ตรวจการทำงานของตับ (SGPT)
- ตรวจการทำงานของตับ (SGOT)
- ตรวจหาเอนไซม์ตับ (Gamma-GT)
- ตรวจสมรรถภาพการทำงานของตับ (ALP)
- ตรวจค่าบิลิรูบินทั้งหมด (Total Bilirubin)
- ตรวจค่าบิลิรูบินชนิดละลายน้ำ (Direct Bilirubin)
- ตรวจปริมาณโปรตีนรวมในกระแสเลือด (Total Protein)
- ตรวจโปรตีนในเลือด (Albumin)
- ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBs Ag)
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี (Anti-HBs)
- ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (Anti HCV)
- ตรวจระดับกรดยูริกในเลือด (Uric Acid)
- ตรวจการทำงานไทรอยด์ (TSH)
- ตรวจการทำงานไทรอยด์ (Free T4)
- ตรวจระดับแคลเซียม (Total Calcium)
- ตรวจระดับวิตามินดี (25-OH-Vitamin D)
- ตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งตับ (AFP)
- ตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งลำไส้ใหญ่ (CEA)
- ตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก (PSA)
- ตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งตับอ่อนและท่อน้ำดี (CA19-9)
- ตรวจปัสสาวะอย่างสมบูรณ์ (UA)
- ตรวจหาเม็ดเลือดแดงหรือเลือดในอุจจาระ (Stool Occult Blood)
- ตรวจเอกซเรย์ปอด (Chest X-ray)
- ตรวจเอกซเรย์ฟัน (Dental Panoramic)
- ตรวจเอกซเรย์สมอง โดยไม่ฉีดสารทึบแสง (CT Brain Non Contrast)
- ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ทรวงอก (CT Chest Low Dose)
- ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบนและล่าง (U/S Whole Abdomen)
- ตรวจภาวะไขมันสะสมในตับ (Fibro Scan)
- ตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก 3 จุด (BMD 3 Point)
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
- ตรวจการทำงานของหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST)
- ตรวจสมรรถภาพการไหลเวียนของหลอดเลือดแดงส่วนปลาย (ABI)
- ค่าแพทย์
- ค่าบริการโรงพยาบาล
- คูปองอาหารว่างมูลค่า 200 บาท
- สมุดรายงานผลตรวจสุขภาพ
- ฟรี! บัตร BPK VIP Member
หมายเหตุ
- กรณีผู้รับบริการต้องการทำ ECHO ต้องชำระเพิ่ม 4,500 บาท
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผู้เข้ารับบริการ
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- งดน้ำและงดอาหารอย่างน้อย 10-12 ชั่วโมง ก่อนรับการตรวจ (สามารถจิบน้ำเปล่าได้)
- ขอสงวนสิทธิ์เฉพาะลูกค้าคนไทยเท่านั้น (This Promotion is reserved for Thai Nationality only)
- ระยะเวลารอผลการตรวจประมาณ 1-2 ชั่วโมง แพทย์จะเป็นผู้แจ้งผลให้ทราบ
- ลูกค้าจะได้รับผลภายในวันที่ตรวจ แต่สมุดรายงานผลตรวจสุขภาพ จะส่งให้ทางไปรษณีย์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และจะได้รับภายใน 2 สัปดาห์
- กรณีผู้สูงอายุ แพทย์จะต้องประเมินความดัน ข้อเข่าต่างๆ เพื่อดูความเหมาะสมว่าสามารถทำหัตถการวิ่งสายพานได้หรือไม่
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน งดสูบบุหรี่ ก่อนตรวจสุขภาพอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
- หลังการเจาะเลือดแล้ว สามารถดื่มน้ำและรับประทานอาหารได้ทันที จากนั้นจึงเข้ารับการตรวจรายการต่อไป ยกเว้นการอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน ที่ยังคงต้องงดน้ำและอาหารก่อน (ถ้ามี)
- เมื่อเจาะเลือดเสร็จแล้ว ควรกดบริเวณที่เจาะเลือดไว้อย่างน้อย 5-10 นาที ไม่คลึง หรือนวด บริเวณที่เจาะเลือด เพราะอาจทำให้เส้นเลือดแตกได้
- กรณีมีรอยช้ำเขียวบริเวณที่เจาะเลือด แสดงว่าเส้นเลือดอาจแตก รอยช้ำดังกล่าวจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ อาจทายาแก้ฟกช้ำ เช่น ฮีรูดอยด์ ได้ แต่ไม่ควรนวดคลึงบริเวณที่เส้นเลือดแตก
- งดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากก่อนการตรวจ เช่น การออกกำลังกาย
- ควรสวมเสื้อผ้าที่ใส่สบายเหมาะกับการออกกำลังกาย รวมทั้งสวมใส่รองเท้าที่สามารถเดิน หรือวิ่งได้คล่องตัว
- หากผู้รับบริการรับประทานยา หรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการเต้นของหัวใจ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
ก่อนตัดสินใจ
- โรคหรืออาการบางอย่างอาจตรวจไม่พบจากการตรวจสุขภาพทั่วไป หากมีความกังวลด้านใดเป็นพิเศษ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่หรือแพทย์ทราบก่อน แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมโดยใช้วิธีหรือเครื่องมือเฉพาะ
- หากมีโรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำ หรือมีประวัติสุขภาพอื่นๆ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่หรือแพทย์ทราบด้วย
- หากผลการตรวจสุขภาพ ไม่บ่งชี้สัญญาณความผิดปกติใดๆ ก็ควรดูแลสุขภาพให้ดีตามปกติ เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารหลากหลาย ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ
ข้อห้ามสำหรับการตรวจ EST
- ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (หากต้องการรับบริการ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)
- ผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ชนิดไม่คงที่ (Unstable Angina)
- ผู้มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ไม่สามารถควบคุมได้
- ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจเอเออร์ติก (Aortic Valve) ตีบอย่างรุนแรง
- ผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวที่การรักษายังไม่ได้ผล
- ผู้ที่มีภาวะเส้นเลือดปอดอุดตันเฉียบพลัน
- ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจ และ/หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
- ผู้ที่มีภาวะเส้นเลือดแดงเอออร์ตา (Aorta) ฉีกขาดเฉียบพลัน
- ผู้ที่มีภาวะการเจ็บป่วยเฉียบพลันที่มีผลต่อการตรวจ EST เช่น การติดเชื้อต่างๆ โรคไตวาย โรคไทรอยด์เป็นพิษ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การตรวจ EST อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และพยาบาล จึงไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่สำหรับผู้ที่มีสุขภาพหัวใจผิดปกติอาจมีผลข้างเคียง หรืออาการผิดปกติเกิดขึ้นได้ ดังนี้
- มีอาการเหนื่อยมากจนไม่สามารถเดินต่อได้
- คลื่นไส้ วิงเวียน อ่อนเพลีย คล้ายจะเป็นลม
- มีอาการแสบร้อน ปวด หรือแน่นหน้าอก
- พบลักษณะของกราฟไฟฟ้าหัวใจที่บ่งชี้ถึงภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง
- ความดันโลหิตสูงขั้นรุนแรงขณะที่เดินสายพาน
ข้อมูลทั่วไป
การตรวจสุขภาพ เป็นการตรวจคัดกรองโรคเบื้องต้น ในผู้ที่ยังไม่มีอาการผิดปกติใดๆ หรือเริ่มพบสัญญาณความผิดปกติเกิดขึ้น เพื่อประเมินความเสี่ยงหรือค้นหาโรคที่อาจยังไม่ปรากฏอาการแน่ชัด เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน เป็นต้น
การพบโรคแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความรุนแรง เพิ่มโอกาสในการรักษา และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระยะยาวได้
เริ่มตรวจสุขภาพได้ตั้งแต่อายุเท่าไร?
สำหรับบุคคลทั่วไปสามารถเริ่มตรวจสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป แต่หากมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น มีภาวะน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน บุคคลในครอบครัวมีโรคประจำตัวที่อาจถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือมีอาการผิดปกติใดๆ ในร่างกาย อาจเริ่มตรวจสุขภาพหลังจากอายุ 15 ปีก็ได้เช่นกัน
หมายเหตุ
- โปรแกรมตรวจสุขภาพแต่ละโปรแกรม มีรายการตรวจที่แตกต่างกัน ซึ่งเหมาะกับช่วงวัย เพศ หรือประวัติสุขภาพที่แตกต่างกัน ควรศึกษาข้อมูลโดยละเอียด เพื่อเลือกโปรแกรมตรวจสุขภาพที่เหมาะสมที่สุด
การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test: EST หรือ Exercise Tolerance Test: ETT) ใช้สำหรับตรวจหาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือตรวจหาการเต้นของหัวใจผิดจังหวะที่เกิดขึ้นขณะออกกำลังกาย โดยดูว่าในขณะที่ร่างกายออกกำลังอย่างหนัก กล้ามเนื้อหัวใจได้รับเลือดและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงเพียงพอหรือไม่
การตรวจ EST มีเครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบ 2 แบบ คือ สายพานไฟฟ้า (Treadmill) และจักรยาน (Bicycle Ergometer)
ผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจ EST
- ผู้ชายอายุ 45 ปีขึ้นไป และผู้หญิงอายุ 55 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีอาการผิดปกติที่อาจเป็นภาวะหัวใจขาดเลือด เช่น เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่ายกว่าปกติ หรือเหนื่อยมากเมื่อออกกำลังกาย
- ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจขาดเลือด เช่น ผู้สูบบุหรี่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดของอวัยวะอื่นอยู่แล้ว หรือครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหัวใจ หรืออัมพาต
- นักกีฬา เพราะการวิ่งสายพานจะช่วยให้รู้ระดับการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับระดับการเต้นของหัวใจ
ขั้นตอนการตรวจ EST
- แพทย์ประเมินหาข้อห้ามในการทดสอบ
- ทำการติดเครื่องวัดความดันโลหิต และชีพจรแบบอัตโนมัติ และติดสายวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจบริเวณหน้าอก
- แพทย์บันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจก่อนการทดสอบ ในท่านอนและท่ายืน
- แพทย์ติดตามการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจในขณะออกกำลังกาย รวมไปถึงวัดความดันโลหิตและชีพจรเป็นระยะๆ
หมายเหตุ
- ไม่แนะนำผู้ที่มีข้อจำกัดในการวิ่ง เช่น ปวดเข่า เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดกระดูก และข้อที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว หรือมีอาการขาอ่อนแรง
โรงพยาบาลและคลินิกอื่น ที่รับ ตรวจสุขภาพ ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
จองและจ่ายเงินที่ HDmall.co.th พร้อมรับส่วนลดทันที
- กด 'ชำระเงินออนไลน์' แล้วกรอกข้อมูลให้ครบ
- ชำระเงิน สามารถเลือกวิธีโอน จ่ายบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต โดยจ่ายบัตรเครดิตได้เมื่อมียอดชำระ 300 บาทขึ้นไป ผ่อนได้เมื่อมียอดชำระตั้งแต่ 3,000 บาท
- รอรับคูปองทางอีเมล (จะออกภายใน 24 ชั่วโมงหลังแอดมินตรวจสอบการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว) คูปองมีอายุ 60 วัน
- นำคูปองไปยื่นที่โรงพยาบาลเพื่อรับบริการ
*ระยะเวลาผ่อนชำระขึ้นอยู่กับราคาแพ็กเกจ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่โรงพยาบาลได้โดยตรง
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th
สาขาหรือแผนกที่ให้บริการ
-
วันจันทร์-อาทิตย์ (ทุกวัน) 07.00-17.00 น. (รับคิวสุดท้าย 16.00 น.)
-
ศูนย์ตรวจสุขภาพและวัคซีนอยู่ชั้น 3
-
มีที่จอดรถ