รักษาโรคภูมิแพ้และจมูกอักเสบเรื้อรัง ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ RF
แค่ 20 นาที ก็หายจากภูมิแพ้ได้ หยุดกินยาแก้ภูมิแพ้ได้เลย
ทำอย่างเดียว แก้ได้ทั้งภูมิแพ้และนอนกรน
ผลลัพธ์อยู่นานถึง 5 ปี (ขึ้นกับแต่ละคน)
รับส่วนลด 50% หรือรับค่ารีวิวสูงสุด 50,000 บาท สมัครเป็นเคสรีวิววันนี้ ขอรายละเอียดที่แอดมินเพิ่มได้เลย!
รายละเอียด
HDcare สรุปให้
เป็นภูมิแพ้ถ้าไม่รักษา อาการอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นริดสีดวงจมูกและต้องผ่าตัด!
- เสี่ยงเป็นไซนัสอักเสบ คือ การมีหนองในโพรงไซนัส ทำให้มีไข้น้ำมูกเขียว ไอ ปวดหน้า จมูกไม่ได้กลิ่น
- เสี่ยงหูชั้นกลางอักเสบ เนื่องจากรูเปิดของท่อ Eustachian tube ต่อระหว่างเยื่อบุจมูกและรูหู เมื่อมีการอักเสบและบวมของเยื่อบุจมูกทำให้มีการบวมและอุดตันของรูดังกล่าว
- เสี่ยงเป็นหอบหืด เป็นโรคร่วมที่พบได้บ่อย โดยผู้ป่วยที่เป็นภูมิแพ้จมูกจะเป็นโรคหอบหืดประมาณ 20%
- เสี่ยงนอนกรน การมีเยื่อบุจมูกอักเสบเรื้อรัง ทำให้มีต่อมอะดรีนอยด์ และทอนซิลโตขึ้นได้
แนะนำรักษาแต่เนิ่นๆ อาการไม่รุนแรง ใช้คลื่นวิทยุรักษาได้
ปรึกษาแพทย์ของ HDcare โดยไม่มีค่าใช้จ่ายวันนี้
นอนกรนอันตราย หยุดหายใจขนาดหลับ อาจถึงตายได้!
- นอนกรน เกิดจากการอุดกั้นในทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้นอนหลับไม่สนิท และมีการสะดุ้งตื่นเป็นช่วงๆ ตื่นเช้ามาก็ไม่สดชื่น นอนไม่เต็มอิ่ม ง่วงตอนกลางวัน กระทบต่อการทำงานที่ต้องใช้สมาธิมากๆ เสี่ยงอุบัติเหตุถึงชีวิต!
- นอนกรนมากกว่า 3 คืนต่อสัปดาห์ และมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจะส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์
ไม่แน่ใจว่านอนกรนไหม แนะนำตรวจการนอนหลับ Sleep Test
ให้แอดมินแนะนำโปรให้คุณวันนี้
ร้อยไหมแก้กรน กับใช้คลื่นวิทยุแก้กรน ต่างกันยังไง?
- การร้อยไหม จะใช้ไหมดึงรั้งผิวลิ้นไก่ เพดานอ่อน และคอหอยส่วนที่หย่อนให้กระชับเพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น
- การใช้คลื่นวิทยุ ใช้อุปกรณ์ปล่อยพลังงานทำให้เนื้อเยื่อขยายพื้นที่ ทำให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้น
- ทั้งสองวิธีใช้เวลาทำประมาณ 20-30 นาที แผลเล็กอยู่ในช่องปาก ไม่มีแผลภายนอกที่สังเกตเห็นได้
รู้จักโรคนี้
การเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุโพรงจมูกเมื่อเป็นโรคภูมิแพ้
ช่องจมูกของคนเราจะมีผนังโพรงจมูกกั้นอยู่ตรงกลางเพื่อแยกช่องจมูกออกเป็นช่องซ้ายและขวา ซึ่งมีเยื่อบุผิวที่ทำหน้าที่ปรับอุณหภูมิและความชื้นของอากาศที่เราหายใจเข้าออก รวมถึงดักจับสิ่งสกปรก เชื้อโรค ฝุ่นละอองต่างๆ ที่เราเผลอสูดเข้าไป และระบายน้ำมูกออกจากช่องจมูก
หากเกิดอาการภูมิแพ้ ระคายเคืองต่อสารหรือสิ่งสกปรก เป็นโรคจมูกอักเสบเรื้อรัง หรือเป็นหวัด เยื่อบุด้านในโพรงจมูกจะบวมโตทำให้ช่องจมูกตีบแคบจนเกิดเป็นอาการหายใจไม่ออก คัดจมูก คันจมูก สั่งน้ำมูกไม่สะดวก หรือเสมหะลงคอได้
การลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุคืออะไร?
การลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency For Nasal: RF Nose) คือ อีกเทคนิคการรักษาโรคภูมิแพ้ ผ่านการใช้เข็มขนาดเล็กสอดเข้าไปในเยื่อบุโพรงจมูก
แพทย์จะส่งคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency) ผ่านเข้าไปที่เข็มเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนจนทำให้เนื้อเยื่อบุโพรงจมูกเกิดการหดตัว ทำให้โพรงจมูกที่เคยตีบแคบกลับมาเปิดโล่งใหญ่ขึ้น ช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์จากโรคภูมิแพ้ได้ เช่น
- อาการคัดจมูก
- อาการหายใจไม่สะดวก
- อาการจามบ่อย
- อาการคันข้างในจมูก
- อาการน้ำมูกไหล
- อาการเสมหะลงคอ
สัญญาณที่ต้องตรวจ
- ตื่นนอนแล้วไม่สดชื่น อ่อนเพลีย รู้สึกนอนไม่เต็มอิ่ม หรือปวดศีรษะ
- ง่วงนอนหรือเผลอหลับระหว่างวัน
- หายใจติดขัดหรือหายใจไม่สะดวกตอนนอน อาจมีอาการคล้ายสำลักน้ำลายระหว่างนอนหลับ
- สะดุ้งตื่นกลางดึกหรือหายใจแรงเหมือนขาดอากาศหลังจนตื่นกลางดึก
- ความดันโลหิตสูงหรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดโดยหาสาเหตุไม่ได้
- สมรรถภาพทางเพศลดลง
ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้
ให้แอดมินแนะนำโปรตรวจการนอนหลับให้คุณวันนี้
--
แพทย์วินิจฉัยโรคจมูกอักเสบด้วยการซักประวัติ การตรวจร่างกาย และการตรวจเพิ่มเติม
- การซักประวัติอย่างละเอียดเพื่อหาสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ เช่น สภาพแวดล้อม อาชีพการงาน และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วย เนื่องจากหลายครั้งที่สิ่งกระตุ้นอาการของโรคนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัว ยกตัวอย่างเช่น อาการปวดศีรษะที่เกิดจากการเปลี่ยนอุณหภูมิฉับพลัน เช่น เข้า-ออกห้องแอร์ อาการคัดจมูก จามทุกครั้งที่ตื่นนอนซึ่งอาจเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ภายในห้องนอน เป็นต้น
- การตรวจร่างกาย เช่น การตรวจในโพรงจมูกเพื่อดูการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก สีของน้ำมูก
- การตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจด้วยการส่องกล้องโพรงจมูก (nasal endoscope) การตรวจภูมิแพ้ทางผิวหนัง (skin test) หรือตรวจเลือด serum Ig E
ตรวจโรคนี้อย่างไรได้บ้าง
- ซักประวัติ อาการต่างๆ ประวัติการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้หรือสิ่งแวดล้อม ประวัติโรคภูมิแพ้ในครอบครัว
- แพทย์ตรวจร่างกาย
- ตรวจเพิ่มเติม โดยการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Test)
- การตรวจเลือดเพื่อหาสารก่อภูมิแพ้
1. ทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง โดยการหยดน้ำยาสกัดสารก่อภูมิแพ้และน้ำยาเปรียบเทียบผลบวกและลบ บริเวณผิวหนังที่ท้องแขน หรือแผ่นหลัง แล้วสะกิดด้วยอุปกรณ์โดยเฉพาะ จะสามารถอ่านผลทดสอบที่ 15 นาที ซึ่งผู้ป่วยควรงดยาแก้แพ้ หรือยาต้านฮิสตามีนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทดสอบ
2. ทดสอบโดยการเจาะเลือด โดยตรวจหา IgE ที่จำเพาะต่อสารภูมิแพ้แต่ละชนิดในเลือดของผู้ป่วย ซึ่งข้อดีของการตรวจแบบเจาะเลือดคือ ไม่ต้องงดยาแก้แพ้ หรือยาต้านฮิสตามีนก่อนมาตรวจเลือด
3. ทดสอบภูมิแพ้ภายในโพรงจมูก โดยนำสารสกัดจากสารก่อภูมิแพ้หยดลงบนกระดาษกรองพิเศษแล้วนำไปวางไว้บนเยื่อบุจมูก จะทำให้ทราบว่าแพ้อะไรบ้าง และมีอาการแพ้ทางจมูกมากน้อยเพียงใด
รักษาโรคนี้ได้วิธีไหนบ้าง
- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ แม้จะใช้ยารักษาภูมิแพ้แล้ว แต่หากไม่หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ก็ยังทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบต่อไปได้
- ใช้ยารักษาสม่ำเสมอต่อเนื่อง และใช้ยาให้ถูกวิธี เนื่องจากโรคภูมิแพ้ทางอากาศ มียาที่ใช้รักษาหลายตัว ทั้งยาชนิดรับประทานและยาพ่น การใช้ยาสม่ำเสมอและถูกวิธีจะทำให้อาการภูมิแพ้ดีขึ้นได้
- ดูแลร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ
- รักษาโรคร่วม เช่น โรคไซนัสอักเสบ โรคอ้วน
รู้จักการผ่าตัดนี้
การลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency For Nasal: RF Nose) คือ อีกเทคนิคการรักษาโรคภูมิแพ้ ผ่านการใช้เข็มขนาดเล็กสอดเข้าไปในเยื่อบุโพรงจมูก
แพทย์จะส่งคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency) ผ่านเข้าไปที่เข็มเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนจนทำให้เนื้อเยื่อบุโพรงจมูกเกิดการหดตัว ทำให้โพรงจมูกที่เคยตีบแคบกลับมาเปิดโล่งใหญ่ขึ้น ช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์จากโรคภูมิแพ้ได้ เช่น
- อาการคัดจมูก
- อาการหายใจไม่สะดวก
- อาการจามบ่อย
- อาการคันข้างในจมูก
- อาการน้ำมูกไหล
- อาการเสมหะลงคอ
การลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุ เห็นผลทันทีหรือไม่?
หลังลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุเสร็จ ผู้รับบริการจะรู้สึกได้ว่าโพรงจมูกของตนเองโล่งและหายใจได้สะดวกขึ้นภายใน 3-6 สัปดาห์
การลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุ ช่วยให้อาการหายไปอย่างถาวรหรือไม่?
ผลลัพธ์จากการลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุจะเห็นผลอยู่ได้ประมาณ 1-5 ปี หากกลับมามีอาการอีกครั้งหรือทำไปแล้วยังรู้สึกไม่พอใจกับผลลัพธ์ ก็สามารถกลับมาทำซ้ำได้อีก
ข้อดีของการลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุ
การลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุเป็นการรักษาโรคภูมิแพ้ที่มีข้อได้เปรียบหลายอย่าง เช่น
- เป็นการผ่าตัดเล็กที่ใช้ระยะเวลาผ่าตัดแค่ 15-20 นาทีเท่านั้น
- หลังจากผ่าตัดเสร็จ ผู้รับบริการไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลและสามารถเดินทางกลับบ้านได้เลย
- ไม่ต้องใช้ยาสลบ แต่เป็นการให้ยาชาเฉพาะที่ จึงลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาสลบได้ และลดขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดให้ยุ่งยากน้อยลง
- เห็นผลได้ในระยะยาวกว่าวิธีกินยาที่ต้องกินทุกวันอย่างสม่ำเสมอ แต่เห็นผลได้ไม่กี่ชั่วโมง เทียบกับวิธีผ่าตัดที่เห็นผลได้นานถึงหลักปี
การลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุ พักฟื้นกี่วัน?
หลังลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุ ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที หรือในบางราย แพทย์อาจให้นอนโรงพยาบาลเพื่อรอสังเกตอาการเลือดออก 1 คืนหลังผ่าตัด
ขั้นตอนการลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุ
https://static.hd.co.th/750x450/system/image_attachments/images/000/206/077/original/methodRFNose.png
การลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุมีขั้นตอนดังนี้
- แพทย์ทายาชาเฉพาะที่ในโพรงจมูก และตามด้วยให้ยาชาแบบฉีด
- เมื่อผู้รับบริการเริ่มชาในโพรงจมูก แพทย์จะสอดเข็มขนาดเล็กเข้าไปในโพรงจมูก ลึกเข้าไปถึงในเนื้อเยื่อโพรงจมูกส่วนที่ตีบแคบ แล้วปล่อยคลื่นความถี่วิทยุผ่านปลายเข็มนั้น ตำแหน่งที่ปล่อยพลังงานอาจมีประมาณ 3-5 จุด จุดละ 6-10 วินาที ขึ้นอยู่กับลักษณะการตีบแคบของโพรงจมูก
- เมื่อปล่อยคลื่นวิทยุครบทุกจุดของเนื้อเยื่อโพรงจมูกแล้ว แพทย์จะนำเข็มออกมา แล้วสอดอุปกรณ์ห้ามเลือดเข้าไปแทน
- ผู้รับบริการนั่งรอดูอาการเลือดออกสักครู่ หรือบางรายแพทย์อาจให้ไปนอนรอดูอาการต่อที่ห้องพักฟื้น
- หากไม่มีอาการเลือดออกหรืออาการข้างเคียงใดๆ แพทย์จะให้นั่งพักฟื้นต่ออีกประมาณ 15-30 นาที จากนั้นสามารถเดินทางกลับบ้านได้
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
แม้เป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่มีการวางยาสลบ แต่ผู้รับบริการก็จำเป็นต้องเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนเดินทางมารับบริการ เพื่อความปลอดภัยและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น
- แจ้งประวัติโรคประจำตัว รวมถึงยาประจำตัว วิตามิน สมุนไพรเสริมสุขภาพทุกชนิดกับแพทย์ก่อน
- งดยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดตามที่แพทย์แนะนำ
- ตรวจสุขภาพตามรายการที่แพทย์แนะนำก่อน เช่น ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- เดินทางมานอนโรงพยาบาลก่อนวันผ่าตัด 1 วัน
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การดูแลหลังผ่าตัด
หลังจากลดขนาดเยื่อบุโพรงจมูกด้วยคลื่นวิทยุ ผู้รับบริการจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย ดังนี้
- ในช่วง 1-2 วันแรกหลังผ่าตัด เยื่อบุจมูกของผู้รับบริการอาจบวมมากขึ้นจนทำให้คัดจมูกกว่าเดิม และอาจรู้สึกเจ็บแผลในโพรงจมูก แนะนำให้หายใจทางปากและนอนศีรษะสูงก่อน
- ล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออุ่นวันละ 2 ครั้งในช่วง 2 วันแรกหลังผ่าตัด หากมีอุปกรณ์ห้ามเลือดที่แพทย์ติดไว้หลุดออกมาก็สามารถล้างต่อได้เลย แต่หากมีเลือดออกตามมามาก ให้หยุดล้างแล้วประคบเย็นเพื่อห้ามเลือด แต่หากเลือดยังไม่หยุดไหลและไหลออกมามากขึ้น ให้เดินทางกลับมาพบแพทย์ทันที
- 2 วันแรกหลังผ่าตัดให้อมหรือประคบน้ำแข็งเพื่อลดอาการบวม หากต้องการประคบน้ำแข็ง ให้ประคบที่หน้าผากหรือคอ
- 2 วันแรกหลังผ่าตัด ให้งดออกกำลังกาย งดทำกิจกรรมที่หักโหมต้องออกแรงมาก และงดยกของหนัก รวมถึงพักผ่อนให้มากๆ
- กินยาที่แพทย์สั่งจ่ายให้อย่างเคร่งครัด
- ผู้รับบริการอาจมีน้ำมูกหรือน้ำลายปนเลือด ร่วมกับมีอาการเสียงเปลี่ยน รู้สึกเหมือนมีอะไรอุดตันในโพรงจมูก หรือมีไข้บ้าง แต่อาการจะหายได้เองใน 1 สัปดาห์
- กลับมาตรวจดูแผลตามนัดหมายของแพทย์
สาขาโสต ศอ นาสิกวิทยา
พญ. เพชรรัตน์ แสงทอง (หมอเชอร์รี่)
คุณหมอเกียรตินิยมอันดับ 1 เฉพาะทางหู จมูก คอ และเวชศาสตร์การนอนหลับ
ข้อมูลของแพทย์
- แพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (เกียรตินิยมอันดับ 1)
- สาขาโสต ศอ นาสิกวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- อนุสาขาเวชศาสตร์การนอนหลับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ข้อมูลอื่นของแพทย์
- แพทย์เฉพาะทางสาขา โสต ศอ นาสิกวิทยา และ เวชศาสตร์การนอนหลับ
- โสต ศอ นาสิกแพทย์ประสบการณ์ผ่าตัดแก้ไขทางเดินหายใจส่วนต้น มากกว่า 5 ปี