
ลดน้ำหนักที่ต้นเหตุ หิวน้อยลง อิ่มไวขึ้น ไม่โหย ไม่ทรมาน
คุณน่าจะลดได้เท่าไหร่? ปรึกษาคุณหมอฟรีวันนี้! (ส่วนใหญ่น้ำหนักลดประมาณ 50% ใน 2 ปี)
หมอฟงที่ผ่าตัดคนไข้โรคอ้วน น้ำหนัก 320 กิโล ลดเหลือ 140 กิโลมาแล้ว!
รายละเอียด
รู้จักการผ่าตัดนี้
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ แบบ Laparoscopic Sleeve Gastrectomy หรือ LSG เป็นเทคนิคการผ่าตัดกระเพาะโดยเอาส่วนกระพุ้งกระเพาะอาหาร หรือที่เรียกว่าฟันดัส (Fundus) ออกไป ทำให้กระเพาะมีขนาดเล็กลงและมีรูปร่างเหมือนกล้วยหรือแขนเสื้อ เป็นที่มาของชื่อ “Sleeve Gastrectomy”
พื้นที่โดยมากของกระพุ้งกระเพาะอาหารเป็นพื้นที่ผลิตฮอร์โมนเครลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งผลต่อความหิว การตัดกระเพาะส่วนนี้ออกไปจึงช่วยทำให้ความหิวลดน้อยลงด้วย
การผ่าตัดนี้มักทำในโรงพยาบาล ระงับความรู้สึกระหว่างผ่าตัดด้วยยาสลบ (General Anesthesia)

ขั้นตอนการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ แบบ LSG
ก่อนผ่าตัดลดขนาดกระเพาะแบบ LSG แพทย์จะตรวจร่างกายคนไข้อย่างละเอียด เพื่อแน่ใจว่าเหมาะกับการผ่าตัดเทคนิคนี้ และสามารถรับการผ่าตัดและวางยาสลบอย่างปลอดภัย
ในวันผ่าตัด แพทย์อาจสั่งงดน้ำงดอาหารล่วงหน้า จากนั้นเริ่มต้นกระบวนการผ่าตัดด้วยวิธีวางยาสลบเพื่อระงับความรู้สึกทั่วร่างกายคนไข้ ตามด้วยศัลยแพทย์ผ่าเปิดแผลเล็กๆ บริเวณหน้าท้องส่วนบนประมาณ 5 แผล เพื่อสอดอุปกรณ์ที่มีกล้องขนาดจิ๋วติดอยู่ตรงปลายเข้าไปในแผลแผลหนึ่ง ก่อนใช้อุปกรณ์ผ่าตัดสอดเข้าไปในแผลที่เหลือ แล้วผ่าเอากระเพาะเนื้อที่ประมาณ 80% ของทั้งหมดออกมา จากนั้นจึงปิดแผล
หลังผ่าตัด ทีมแพทย์จะดูแลให้คนไข้ฟื้นจากยาสลบอย่างปลอดภัย และหลังจากนั้นมีการนัดตรวจติดตามผลเป็นระยะ
ผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ แบบ LSG ใช้เวลาเท่าไหร่ ต้องพักฟื้นกี่วัน?
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะแบบ SLG ใช้ระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง คนไข้ส่วนใหญ่มักต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลหลังผ่าตัดประมาณ 2 วัน
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ แบบ LSG เหมาะกับใคร?
จุดประสงค์ของการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ แบบ LSG มักเป็นไปเพื่อแก้ปัญหาภาวะน้ำหนักเกินอย่างมาก หรือมีภาวะสุขภาพที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะน้ำหนักเกิน โดยไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยวิธีทั่วไปอย่างควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายได้
โดยทั่วไปแพทย์จะพิจารณาผ่าตัดโดยดูจากค่าดัชนีมวลกาย (BMI) และภาวะสุขภาพที่เป็น โดยสำหรับชาวเอเชียจะใช้เกณฑ์ดังนี้
- ค่า BMI มากกว่า 37.5
- ค่า BMI มากกว่า 32.5 ร่วมกับมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคอ้วน
- ค่า BMI มากกว่า 27.5 ร่วมกับมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคอ้วนที่ไม่สามารถคุมได้
บางครั้งผู้ที่ต้องการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะด้วยเทคนิคอื่นๆ ก็อาจต้องรับการผ่าตัดด้วยเทคนิค LSG เสียก่อน เพื่อให้ลดน้ำหนักได้ระดับหนึ่ง แล้วจึงค่อยรับการผ่าตัดด้วยเทคนิคอื่นที่ซับซ้อนกว่า
ข้อดีของการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ แบบ LSG
เมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะเทคนิคอื่นๆ เช่น ผ่าตัดกระเพาะส่วนบนมาต่อกับลำไส้เล็ก (Laparoscopic roux en y gastric bypass) หรือ ผ่าตัดกระเพาะออกแล้วทำบายพาสด้วย (Laparoscopic sleeve gastrectomy plus proximal jejunal bypass) การผ่าตัดแบบ LSG ถือเป็นวิธีที่ซับซ้อนน้อยกว่า และมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการผ่าตัดน้อยกว่า
ผลลัพธ์ของการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ แบบ LSG
ภายใน 2 ปีหลังผ่าตัดลดขนาดกระเพาะแบบ LSG คนไข้ส่วนใหญ่จะลดน้ำหนักตัวไปประมาณ 40-50%
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า หลังผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ ภาวะสุขภาพที่เกี่ยวเนื่องกับความอ้วน การมีน้ำหนักเกิน เช่น เบาหวาน ความดัน มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ยังมักมีโอกาสดีขึ้นราวๆ 75%
หลังจากนั้นอัตราการลดน้ำหนักละค่อยๆ น้อยลงในแต่ละปี และกระเพาะจะค่อยๆ ยืดและขยายขนาด ดังนั้นผู้รับการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะจะต้องปรับวิถีชีวิต เช่น วางแผนการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในประมาณพอเหมาะ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ร่วมกันไปด้วย ไม่อย่างนั้นน้ำหนักตัวอาจเพิ่มกลับมาใหม่ได้
เปรียบเทียบการผ่าตัดวิธีต่างๆ
ผ่าตัดลดขนาดกระเพาะแบบผ่าตัดกระเพาะออกส่วนใหญ่
- เป็นการเอาส่วนกระพุ้งกระเพาะอาหาร (Fundus) ซึ่งเป็นที่ผลิตฮอร์โมนความหิวออก เพื่อให้กระเพาะเล็กลงและหิวน้อยลง ช่วยแก้ปัญหาผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาก
- เหมาะกับผู้ที่มี BMI มากกว่า 37.5 หรือมากกว่า 27.5 แต่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคอ้วน
- แพทย์จะเปิดแผลเล็กๆ บริเวณหน้าท้องส่วนบนประมาณ 5 แผล เพื่อสอดกล้องและอุปกรณ์ผ่าตัดเข้าไปผ่าเอากระเพาะออกประมาณ 80% จากนั้นปิดแผล
- ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2 ชั่วโมง และ นอน รพ. 2 วัน
- ข้อดีคือ เป็นวิธีที่ซับซ้อนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการผ่าลดกระเพาะเทคนิคอื่นๆ
- ผู้รับบริการส่วนใหญ่จะลดน้ำหนักไปประมาณ 40-50% ภายใน 2 ปี และสุขภาพที่เกี่ยวกับความอ้วนยังมีโอกาสดีขึ้นอีกด้วย
การใส่บอลลูนกระเพาะอาหาร
- เป็นการใส่บอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหาร แล้วใส่น้ำเกลือเข้าไปในบอลลูนให้ขยายตัวขึ้น เพื่อลดพื้นที่ในกระเพาะ ทำให้รับอาหารได้น้อยลง รู้สึกอิ่มตลอดเวลา
- ใช้รักษาคนที่มีน้ำหนักเกิน อาจช่วย ลดน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัมโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ใช้เวลาในการใส่บอลลูน 6-12 เดือน
- เหมาะกับคนที่มีค่า BMI เกิน 30 (หากมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น หยุดหายใจขณะหลับ จะขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณา)
- ผลข้างเคียงคือ 1 สัปดาห์แรกอาจไม่สบายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด เบื่ออาหาร
- สิ่งที่ควรระวังคือบอลลูนอาจรั่วซึมได้ จึงต้องคอยสังเกตสีของปัสสาวะอยู่เสมอ ควบคุมอาหาร
- จำไว้ว่า กระเพาะอาหารยังมีขนาดเท่าเดิม ดังนั้นหลังจากเอาบอลลูนออกแล้ว หากไม่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต รับประทานอาหารมีประโยชน์ ออกกำลังกาย น้ำหนักอาจเพิ่มขึ้นอีกได้
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
หลังผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ พื้นที่กระเพาะอาหารที่เหลือน้อยลงอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ในช่วงเดือนแรกๆ ที่ยังไม่ได้ปรับตัวเรื่องการกินให้เหมาะกับขนาดกระเพาะใหม่
ส่วนอาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ อาจเกิดอาการหรือภาวะเหล่านี้ได้ เป็นความเสี่ยงทั่วไปจากการผ่าตัด ได้แก่
- มีเลือดออกจากแผลผ่าตัด
- ติดเชื้อ
- แผลผ่าตัดรั่ว
- อวัยวะภายในบาดเจ็บ
- ลำไส้อุดตัน
- ลิ่มเลือดอุดตัน
ในกรณีที่การผ่าตัดมีปัญหา อาจต้องทำการผ่าตัดซ้ำ แต่โอกาสเกิดน้อยมากเพียงราวๆ 1%