ถั่งเช่า - ข้อมูล วิธีใช้ ผลข้างเคียง
- ปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับยา ทั้งชนิดของยา การใช้ยาอย่างเหมาะสม และข้อควรระวังของยา
- เภสัชกรจะถือว่า ประวัติสุขภาพและข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณให้มาเป็นข้อมูลจริง และใช้ข้อมูลนั้นประกอบการให้คำปรึกษาและแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ข้อมูลดังกล่าวจะถูกเผยแพร่ระหว่างคุณกับเภสัชกรในหน้าแชทส่วนตัวเท่านั้น
- HDmall.co.th จะติดต่อร้านขายยาที่ใกล้ที่สุด ให้คุณปรึกษาและใช้บริการจัดส่งยาจากร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตโดยตรง
- HDmall.co.th ไม่ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยตรง รวมถึงไม่ได้กระทำธุรกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ทั้งหมดในหน้านี้มีไว้เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงเท่านั้น
- 🤝 สนใจเป็นหนึ่งในร้านขายยาที่ช่วยให้คำปรึกษาผู้ใช้ด้านยาหรือไม่? สมัครและใช้งานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
รายละเอียด
ถั่งเช่า (Cordyceps) คือ ยาสมุนไพร ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นตัวหนอนของผีเสื้อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hepialus armoricanus Oberthiir และเห็ดชนิดหนึ่งที่อยู่บนตัวหนอนของผีเสื้อมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cordyceps sinensis (Berk.) Saec.
ในฤดูหนาวหนอนชนิดนี้จะฝังตัวจำศีลอยู่ใต้ดินของภูเขาหิมะ เมื่อน้ำแข็งละลายลมจะพัดพาสปอร์ของเห็ด Cordyceps sinensis (Berk.) Saec. ไปตกที่พื้นดิน ในช่วงนั้นตัวหนอนจะตื่นจากการจำศีลแล้วจะกินสปอร์ของเห็ดที่ว่านี้เข้าไป เมื่อถึงฤดูร้อนสปอร์ของเห็ดก็เริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นใยโดยอาศัยการดูดสารอาหารและแร่ธาตุจากตัวหนอนนั้น ด้วยความที่เห็ดต้องการแสงอาทิตย์มันจึงงอกขึ้นสู่พื้นดิน เห็ดมีลักษณะภายนอกคล้ายไม้กระบอก ส่วนตัวหนอนเองก็จะค่อยๆ ตายไป ฉะนั้น “ถั่งเช่า” ที่ใช้ทำเป็นยาก็คือตัวหนอนและเห็ดที่แห้งแล้วนั่นเอง
ถั่งเช่าตามธรรมชาติเป็นของหายากและมีราคาแพงจึงมีการนำถั่งเช่ามาใช้ในอาหารเสริมต่างๆ ซึ่งกระบวนการผลิตถั่งเช่ามักผลิตกันในห้องปฏิบัติการ ผู้คนนิยมรับประทานถั่งเช่าเพื่อรักษาภาวะผิดปกติของไตและกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ อีกทั้งยังใช้ในกระบวนการปลูกถ่ายไต และภาวะอื่นๆ มาก แต่ ณ ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานมารับรองสรรพคุณเหล่านี้
สรรพคุณของถั่งเช่า
ถั่งเช่าช่วยเพิ่มภูมิต้านทานด้วยการเข้ากระตุ้นเซลล์และสารเคมีต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการอักเสบ และกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ
วิธีใช้และประสิทธิภาพของถั่งเช่า
ภาวะที่ถั่งเช่าอาจไม่สามารถรักษาได้
- ศักยภาพของนักกีฬา การศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า ถั่งเช่า หรือยาบำรุงที่มีส่วนประกอบของถั่งเช่าไม่สามารถเพิ่มความทนทานของนักกีฬาปั่นจักรยานชายได้
ภาวะที่ยังคงขาดหลักฐานว่า ใช้ถั่งเช่ารักษาได้หรือไม่
- ความเสียหายที่ไตที่เกิดจากการใช้ยาอะมิกาซิน (Amikracin) งานวิจัยพบว่า การใช้ถั่งเช่าร่วมกับยาอะมิกาซินอาจลดความเสียหายของไตที่เกิดจากการใช้ยาประเภทนี้ในผู้สูงอายุได้ มีรายงานว่า การให้ผู้ป่วยที่การทำงานของไตบกพร่องจากการใช้ยาเจนตามัยซิน (Gentamicin) รับประทานถั่งเช่า 4.5 กรัมต่อวัน มีผลทำให้ระบบการทำงานของไตดีขึ้นเป็นปกติถึง 89 % เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมหลังจากรับประทานถั่งเช่าภายใน 6 วัน
- หอบหืด (Asthma) งานวิจัยกล่าวว่า ถั่งเช่ามีฤทธิ์ลดการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น Interlukin-1beta (IL-1beta) Interlukin-6 (IL-6) Interleukin-8 (IL-8) Interleukin-10 (IL-10) และ Tumor Necrosis Factor-alpha (TNF-alpha) ได้ จึงส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น การรับประทานถั่งเช่าเพียงอย่างเดียวสามารถลดอาการหอบหืดของผู้ใหญ่ลงได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นอื่นๆ กล่าวว่า การรับประทานถั่งเช่าร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ นาน 6 เดือนไม่ได้ช่วยลดความจำเป็นของการใช้ยารักษา หรือบรรเทาอาการหอบหืดในเด็กลงแต่อย่างใด
- เคมีบำบัด (Chemotherapy) มีหลักฐานที่กล่าวว่า การรับประทานถั่งเช่าระหว่าง หรือหลังจากการทำเคมีบำบัดอาจช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและความทนทานต่อการรักษาของผู้ป่วยได้
- โรคไตเรื้อรัง (Chronic kidney disease (CKD)) เมื่อให้ผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรังรับประทานถั่งเช่าปริมาณ 3-5 กรัมต่อวัน พบว่า การทำงานของไตมีประสิทธิภาพดีขึ้น และพบว่าหลังจากให้ผู้ป่วยรับประทานถั่งเช่าต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน 1 เดือน สามารถช่วยลดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ที่เกิดจากภาวะไตวาย ได้แก่ ลดความดันโลหิต ลดระดับโปรตีนในปัสสาวะ ลดการเกิดภาวะโลหิตจาง และช่วยเพิ่มเอนไซม์ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส (Superoxide Dismutase (SOD)) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้
- ความเสียหายที่ไตที่เกิดจากสารทึบรึงสี (สารที่ทำให้เกิดภาวะไตอักเสบ (Nephropathy)) งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า การรับประทานถั่งเช่าในขณะที่เข้ารับการทดสอบด้วยสารทึบรังสี (Contrast Dye) จะลดโอกาสเกิดความเสียหายที่ไตที่เกิดจากการใช้สารประเภทนี้ได้ แต่บางงานวิจัยก็บอกว่าไม่พบประโยชน์ในเรื่องนี้
- ความเสียหายที่ไตที่เกิดจากการใช้ยาไซโคลสปอรีน (Cyclosporine) งานวิจัยพบว่า การใช้ถั่งเช่าร่วมกับยาไซโคลสปอรีนอาจลดความเสียหายของไตที่เกิดจากการใช้ยาไซโคลสปอรีน ในผู้ป่วยที่เข้ารับการปลูกถ่ายไตได้
- โรคตับอักเสบ B (Hepatitis B) มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า การรับประทานถั่งเช่าอาจช่วยเพิ่มการทำงานของตับผู้ป่วยโรคตับอักเสบ B ได้
- ความต้องการทางเพศ งานวิจัยพบว่า การรับประทานผลิตภัณฑ์บำรุงจากถั่งเช่าสามารถช่วยทำให้ความต้องการทางเพศสูงขึ้นถึง 66 % ช่วยเพิ่มจำนวนของสเปิร์มในอสุจิได้ 33 % และมีผลในการลดปริมาณของสเปิร์มที่ผิดปกติลง 29 %
- ปลูกถ่ายไต งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การรับประทานถั่งเช่าร่วมกับยาไซโคลสปอรีนปริมาณน้อย สามารถเพิ่มระยะเวลาการรอดชีวิตหลังปลูกถ่ายไตได้ 1 ปี ป้องกันการปฏิเสธไตใหม่ และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อคล้ายกับการรับประทานยาไซโคลสปอรีนโดสตามปกติ อีกทั้งยังอาจสามารถเพิ่มการรอดของไตใหม่ ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการปฏิเสธไต ซึ่งคล้ายกับการรับประทาน อะซาไทโอพรีน (Azathioprine) และป้องกันการปฏิเสธอวัยวะอีกด้วย นอกจากนี้การรับประทานถั่งเช่ายังสามารถลดความเสี่ยงต่อภาวะโครนิกอัลโลกราฟต์เนโฟรพาที (Chronic Allograft Nephropathy) ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของไตในระยะยาว ที่อาจส่งผลต่อเนื่องไปยังการล้มของไตใหม่ได้
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด มีการทดลองให้ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานถั่งเช่าปริมาณ 3 กรัมต่อวัน พบว่า สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ถึง 95 % ในขณะที่กลุ่มที่รักษาด้วยยาแผนปัจจุบันสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้เพียง 54 %
- บำรุงโลหิต สารที่อยู่ในถั่งเช่าช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบโลหิต ทำให้ร่างกายสร้างไขกระดูกมากขึ้น ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดขาวขึ้นในปริมาณที่เพียงพอ
ผลข้างเคียงและความปลอดภัยของการใช้ถั่งเช่า
ถั่งเช่าถูกจัดว่า อาจจะปลอดภัยสำหรับผู้คนส่วนมาก เมื่อต้องรับประทานในระยะสั้น
คำเตือนและข้อควรระวังเป็นพิเศษในการใช้ถั่งเช่า
- หญิงมีครรภ์และหญิงที่อยู่ระหว่างให้นมบุตร ขณะนี้ยังคงขาดแคลนข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความปลอดภัยจากการใช้ถั่งเช่าในกลุ่มหญิงมีครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร ดังนั้นคนในกลุ่มดังกล่าวควรหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่งเช่าเพื่อความปลอดภัย
- ผู้เป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เช่น Multiple Sclerosis (MS) โรคพุ่มพวง (Lupus (Systemic Lupus Erythematosus, SLE)) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis (RA) ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่งเช่า เพราะอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำงานมากขึ้น และจะทำให้มีบอาการจากโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองมากขึ้น
- ผู้มีภาวะผิดปกติของการเลือดออก ถั่งเช่ามีฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ทำให้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเลือดออกไม่หยุด ในผู้ที่มีปัญหานี้ได้
- ผู้กำลังจะเข้ารับการผ่าตัด ถั่งเช่าอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเลือดออกไม่หยุดระหว่างผ่าตัดได้ ดังนั้นควรงดรับประทานถั่งเช่าก่อนเข้ารับการผ่าตัด 2 สัปดาห์
การใช้ถั่งเช่าร่วมกับยาชนิดอื่นอย่างปลอดภัย
- Cyclophosphamide (Cytoxan, Neosar) กับถั่งเช่า
การใช้ Cyclophosphamide (Cytoxan, Neosar) เพื่อลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนถั่งเช่าจะเพิ่มการทำงานของระบบดังกล่าวขึ้น ดังนั้นการรับประทานถั่งเช่าร่วมกับ Cyclophosphamide (Cytoxan, Neosar) จึงอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง
- ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressants) กับถั่งเช่า
ถั่งเช่าอาจเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันซึ่งจะเข้าไปลดประสิทธิภาพของยากดภูมิคุ้มกันได้ โดยตัวอย่างยากดภูมิคุ้มกันมีดังนี้ Azathioprine (Imuran) Basiliximab (Simulect) Cyclosporine (Neoral, Sandimmune) Daclizumab (Zenapax) Muromonab-CD3 (OKT3, Orthoclone OKT3) Mycophenolate (CellCept) Tacrolimus (FK506, Prograf) Sirolimus (Rapamune) Prednisone (Deltasone, Orasone) Corticosteroids (Glucocorticoids)
- Prednisolone กับถั่งเช่า
การใช้ยาเพรดนิโซโลน (Prednisolone) เพื่อลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ถั่งเช่าอาจลดประสิทธิภาพของยาเพรดนิโซโลนลงได้
ปริมาณที่ใช้
ขนาดบริโภคถั่งเช่าของผู้ใหญ่ (อายุมากกว่า 18 ปี) ในแต่ละวัน ประมาณ 3-9 กรัม ใช้วิธีชงกับน้ำร้อน หรือประกอบอาหาร เนื่องจากขนาดบริโภคที่มากเกินไปอาจจะก่อเกิดผลเสียได้ ทั้งนี้ขนาดยาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย เช่น อายุ สุขภาพ และภาวะสุขภาพอื่นๆ ของผู้ใช้ ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังคงขาดแคลนข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาชี้ชัดปริมาณที่เหมาะสมของถั่งเช่า
ดังนั้นควรพึงตระหนักว่า แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติก็ไม่จำเป็นต้องปลอดภัยทุกครั้ง ดังนั้นพยายามปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากยาและปรึกษากับเภสัชกร แพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนใช้ยาสมุนไพรชนิดนี้จะดีที่สุด