ยา Echinacea - ข้อมูล ข้อบ่งใช้ ผลข้างเคียง
- ปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับยา ทั้งชนิดของยา การใช้ยาอย่างเหมาะสม และข้อควรระวังของยา
- เภสัชกรจะถือว่า ประวัติสุขภาพและข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณให้มาเป็นข้อมูลจริง และใช้ข้อมูลนั้นประกอบการให้คำปรึกษาและแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ข้อมูลดังกล่าวจะถูกเผยแพร่ระหว่างคุณกับเภสัชกรในหน้าแชทส่วนตัวเท่านั้น
- HDmall.co.th จะติดต่อร้านขายยาที่ใกล้ที่สุด ให้คุณปรึกษาและใช้บริการจัดส่งยาจากร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตโดยตรง
- HDmall.co.th ไม่ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยตรง รวมถึงไม่ได้กระทำธุรกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ทั้งหมดในหน้านี้มีไว้เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงเท่านั้น
- 🤝 สนใจเป็นหนึ่งในร้านขายยาที่ช่วยให้คำปรึกษาผู้ใช้ด้านยาหรือไม่? สมัครและใช้งานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
รายละเอียด
ข้อมูลภาพรวมของเอ็กไคนาเซีย
เอ็กไคนาเซีย (Echinacea) คือสมุนไพรท้องถิ่นของพื้นที่ทางทิศตะวันออกของภูเขาร็อคกี้และรัฐทางตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, และยุโรป ต้นเอ็กไคนาเซียมีอยู่หลายสายพันธุ์ที่สามารถนำใบ, ดอก, และรากมาใช้เป็นยาได้ อีกทั้งเอ็กไคนาเซียยังถูกใช้เป็นสมุนไพรดั้งเดิมของชาวเผ่าเกรตเพลนอินเดียน (Great Plains Indian tribe) ชนเผ่านี้ได้ตั้งรกรากตามแบบอย่างของชาวอินเดียนแดง และใช้เอ็กไคนาเซียสำหรับทำยา ปัจจุบันผู้คนเริ่มสนใจในพืชชนิดนี้มากขึ้นเนื่องจากมีเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะมากขึ้น
เอ็กไคนาเซียถูกใช้ต่อสู้กับภาวะติดเชื้อกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะโรคไข้หวัด บางคนใช้เอ็กไคนาเซียทันทีที่เริ่มสังเกตเห็นสัญญาณของไข้หวัดเพื่อป้องกันอาการทรุด แต่ก็มีหลายคนที่ใช้เอ็กไคนาเซียหลังจากที่มีอาการของไข้หวัดไปแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้อาการรุนแรงน้อยลงและหายเร็วขึ้น
เอ็กไคนาเซียยังถูกใช้ต่อสู้กับภาวะติดเชื้ออื่น ๆ อย่างภาวะติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ, หู, และลำคอ แม้จะยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มายืนยันสรรพคุณเหล่านี้ก็ตาม
บางคนใช้วิธีทาเอ็กไคนาเซียกับผิวหนังเพื่อรักษาแผลน้ำร้อนลวก, แผลบนผิวหนัง, หรือแผลโดนเผา
สำหรับสินค้าเอ็กไคนาเซียที่วางขายตามท้องตลาดนั้นมักมีอยู่หลายรูปแบบตั้งแต่ยาเม็ด, น้ำผลไม้, ไปจนถึงชา
ณ ตอนนี้มีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้าเอ็กไคนาเซียบางตัวตามท้องตลาด มีหลายกรณีที่สินค้าเหล่านี้แอบอ้างว่าผสมเอ็กไคนาเซียเข้าไปด้วยแม้ว่าในความเป็นจริงจะไม่มีก็ตาม อีกทั้งยังมีสินค้าบางตัวที่อาจมีการปนเปื้อนสารเซเลเนียม, อาร์เซนิก, และตะกั่วอีกด้วย
เอ็กไคนาเซียออกฤทธิ์อย่างไร?
เอ็กไคนาเซียอาจเข้าไปกระตุ้นสารเคมีในร่างกายที่ช่วยลดการอักเสบลง ซึ่งยังอาจช่วยลดไข้และหวัดได้ด้วย
งานวิจัยทางปฏิบัติการณ์กล่าวว่าเอ็กไคนาเซียสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกายได้ แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าปฏิกิริยาเช่นนี้เกิดขึ้นกับมนุษย์
อีกทั้งเอ็กไคนาเซียยังอาจประกอบด้วยสารเคมีบางประเภทที่สามารถเข้าทำลายยีสต์และเชื้อราบางประเภทได้โดยตรง
การใช้และประสิทธิภาพของเอ็กไคนาเซีย
ภาวะที่อาจใช้เอ็กไคนาเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไข้หวัด (Common cold) การศึกษาของนักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้แสดงให้เห็นว่าการทานผลิตภัณฑ์เอ็กไคนาเซียเมื่อเริ่มสังเกตเห็นอาการของไข้หวัดสามารถลดอาการของเด็กอายุ 12 ปีและผู้ใหญ่ได้ดี แม้ว่าการศึกษาชิ้นอื่น ๆ กลับไม่พบสรรพคุณเช่นนี้ ปัญหาที่พบคือว่าการศึกษาสองกลุ่มนี้ต่างใช้ต้นเอ็กไคนาเซียต่างประเภทกันอีกทั้งยังใช้กระบวนการเตรียมการที่แตกต่างกัน เนื่องจากว่าผลการศึกษานี้ยังไม่สอดคล้องกันจึงไม่แปลกใจที่การศึกษาทั้งหลายให้ผลที่ต่างกันออกไป หากเอ็กไคนาเซียสามารถรักษาไข้หวัดได้ ผลของการรักษาด้วยพืชชนิดนี้อาจให้ผลที่น้อยมาก ส่วนการศึกษาเกี่ยวกับการใช้เอ็กไคนาเซียกับการป้องกันไข้หวัดก็ยังคงปะปนกันอยู่ บ้างก็แสดงให้เห็นว่าเอ็กไคนาเซียสามารถลดความเสี่ยงของการติดหวัดได้ถึง 10-58% แต่บ้างก็พบว่าการทานเอ็กไคนาเซียไม่ได้ช่วยป้องกันไข้หวัดเมื่อคุณได้รับเชื้อมาแล้ว
ภาวะที่ยังคงขาดหลักฐานว่าใช้เอ็กไคนาเซียรักษาได้หรือไม่
- ภาวะวิตกกังวล (Anxiety) งานวิจัยกล่าวว่าการทานสารสกัดเอ็กไคนาเซีย 40 mg (ExtractumPharma ZRT) ต่อวันเป็นเวลานาน 7 วันสามารถลดอาการของภาวะวิตกกังวลได้ แต่การทานมากกว่า 40 mg ต่อวันนั้นอาจจะไม่มีประสิทธิผลใด ๆ
- ศักยภาพการออกกำลังกาย งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการทานเอ็กไคนาเซียสี่ครั้งต่อวันนาน 28 วัน (Puritan' s Pride, Oakdale) จะเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่หายใจเข้าระหว่างการทดสอบออกกำลังของผู้ชายสุขภาพดีได้ อย่างไรก็ตามการใช้ในปริมาณที่สุดถึง 8,000-16,000 mg ทุกวันร่วมกับส่วนประกอบอื่น ๆ ทั้งนักกีฬาชายและหญิงไม่ได้เพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายได้รับแต่อย่างใด
- เหงือกอักเสบ (gingivitis) งานวิจัยกล่าวว่าการกลั้วคอด้วยเอ็กไคนาเซีย, บัวบก (gotu kola), และอัลเดอร์เบอร์รี (elderberry) (HM-302, Izum Pharmaceuticals) สามครั้งต่อวันนาน 14 วันอาจช่วยป้องกันโรคเหงือกไม่ให้ทรุดลงได้ อีกทั้งการใช้แผ่นปะช่องปากที่ประกอบด้วยชุดสมุนไพรดังกล่าว (PerioPatch, Izun Pharmaceuticals) ก็ยังช่วยลดบางอาการของโรคเหงือกได้แม้ว่าอาจจะไม่ได้มีประสิทธิภาพเช่นนี้ทุกครั้ง
- โรคเริม (genital herpes หรือ cold sores) หลักฐานเกี่ยวกับผลกระทบของเอ็กไคนาเซียกับการรักษาโรคเริมยังคงไม่ชัดเจน บ้างก็แสดงให้เห็นว่าการทานสารสกัดจากเอ็กไคนาเซีย (Echinaforce, A Vogel Bioforce AG) 800 mg สองครั้งต่อวันนาน 6 เดือนไม่อาจช่วยป้องกันหรือลดความถี่หรือระยะเวลาของการเกิดโรคเริมซ้ำซากได้ อย่างไรก็ตามมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการทานผลิตภัณฑ์เหล่านี้ร่วมกัน (Esberitox, Schaper & Brummer, Salzgitter-Ringelheim) นาน 3-5 ครั้งต่อวันสามารถลดอาการคัน, ความตึง, และอาการเจ็บของผู้ป่วยโรคเริ่มได้
- หูดทวารหนักที่เกิดจาก human papilloma virus (HPV) งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการทานผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยเอ็กไคนาเซีย, ฟ้าทะลายโจร (andrographis), เกรปฟรุต (grapefruit), มะละกอ, ชมพูระย้าทิพย์ (pau d' arco), และต้นเล็บแมว (cat's claw) (Immune Act, Erba Vita SpA) ทุกวันนานหนึ่งเดือนสามารถลดการเกิดหูดที่ทวารซ้ำซากในผู้ป่วยที่เคยเข้ารับการผ่าตัดกำจัดหูดได้ แต่การศึกษานี้ยังนับว่ามีคุณภาพไม่ดีซึ่งทำให้ผลที่ได้ยังคงเป็นที่น่าสงสัยอยู่
- ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการทานผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยเอ็กไคนาเซียทุกวันนาน 15 วันอาจช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อวัคซีนของร่างกายผู้ที่มีปัญหาการหายใจอย่างหอบหืดหรือหลอดลมอักเสบได้ ณ ขณะนี้ยังคงไม่ชัดเจนว่าผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนจะได้รับประโยชน์จากการทานสมุนไพรนี้หรือไม่ งานวิจัยบางชิ้นได้พบว่าการดื่มผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของเอ็กไคนาเซียและเอลเดอร์เบอร์รี่ห้าครั้งต่อวันนาน 3 วันแทนจากนั้นก็เป็นสามครั้งต่อวันนานอีก 7 วันอาจช่วยให้อาการไข้หวัดใหญ่ดีขึ้นได้คล้ายกับการใช้ยา oseltamivir (Tamiflu)
- จำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวน้อยจากการทำเคมีบำบัด งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารสกัดจากรากของเอ็กไคนาเซีย, ใบทูยา (thuja leaf), และครามป่า (wild indigo) (Esberitox N) 50 หยดระหว่างการทำเคมีบำบัดสามารถเพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงและขาวของผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมชนิดลุกลามได้ แต่ผลเช่นนี้ไม่อาจพบกับทุกกรณี และปริมาณที่น้อยกว่า 50 หยดก็อาจไม่ได้ให้ผลที่น่าพอใจอีกด้วย อีกทั้งผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ก็ไม่อาจลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้
- การติดเชื้อของหูชั้นใน งานวิจัยกล่าวว่าการทานสารสกัดเหลวจากเอ็กไคนาเซียสามครั้งต่อวันนาน 3 วันตั้งแต่ที่มีสัญญาณแรกของหวัดไม่อาจป้องกันการติดเชื้อในหูของเด็กอายุ 1-5 ปีที่มีประวัติการติดเชื้อในหูมาก่อนได้ แต่การติดเชื้อที่เป็นอยู่มักจะดีขึ้นเมื่อได้ใช้จริง
- ทอนซิลอักเสบ (tonsillitis) งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการใช้สเปรย์ช่องปากที่ประกอบด้วยเสจ (sage), และเอ็กไคนาเซียทุก ๆ สองชั่วโมง 10 ครั้งต่อวันนาน 5 วันทำให้อาการเจ็บคอดีขึ้นคล้ายกับการใช้ยาสเปรย์สำหรับผู้ป่วยทอนซิลอักเสบ งานวิจัยอีกหลาย ๆ ชิ้นได้กล่าวต่อว่าการใช้ยาหยดเอ็กไคนาเซีย 50 หยด (Esberitox) สามครั้งต่อวันนาน 2 สัปดาห์ร่วมกับยาปฏิชีวนะก็สามารถลดอาการเจ็บคอและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยทอนซิลอักเสบได้
- ตาอักเสบ (Uveitis) งานวิจัยกล่าวว่าการทานสินค้าจากเอ็กไคนาเซีย 150 mg (Iridium, SOOFT Italia SpA) สองครั้งต่อวันนาน 4 สัปดาห์นอกจากการใช้เพียงยาหยอดตาและสเตียรอยด์ไม่อาจรักษาตาได้ดีไปกว่ายาหยอดตาและสเตียรอยด์
- โรคหูด (Warts) งานวิจัยกล่าวว่าการทานเอ็กไคนาเซียทุกวันนาน 3 เดือนไม่อาจกำจัดหูดบนผิวหนังได้ แต่การทานอาหารเสริมที่กระกอบด้วยเอ็กไคนาเซีย, methionine, สังกะสี, โปรไบโอติก, สารต้านอนุมูลอิสระ, และส่วนผสมที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันนาน 6 เดือนร่วมกับการรักษาตามแบบแผนสามารถรักษาหูดได้ดีกว่าการรักษาตามปรกติเพียงอย่างเดียว
- โรคสมาธิสั้น (Attention deficit-hyperactivity disorder (ADHD))
- โดนเหล็กในผึ้งต่อย
- การติดเชื้อในกระแสเลือด
- กลุ่มอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง (Chronic fatigue syndrome (CFS))
- คอตีบ (Diphtheria)
- วิงเวียน
- โรคผิวหนัง (Eczema)
- ไข้ละอองฟางหรือภูมิแพ้อื่น ๆ
- HIV/AIDS
- ภาวะอาหารไม่ย่อย
- มาลาเรีย
- ปวดศีรษะไมเกรน
- เจ็บปวด
- ถูกงูหางกระดิ่งกัด
- โรคข้อต่ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis (RA))
- คอหอยอักเสบ (Strep infections)
- ไข้หวัดหมู (Swine flu)
- ซิฟิลิส (Syphilis)
- ไข้ไทฟอยด์ (Typhoid)
- ทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ (Urinary tract infections (UTIs))
- การติดเชื้อยีสต์
- ภาวะสุขภาพอื่น ๆ
จำเป็นต้องรวบรวมหลักฐานให้มากขึ้นเพื่อให้ข้อมูลด้านประสิทธิผลของเอ็กไคนาเซียเพิ่มเติม
ผลข้างเคียงและความปลอดภัยของเอ็กไคนาเซีย
เอ็กไคนาเซียจัดว่าค่อนข้างปลอดภัยสำหรับผู้คนส่วนมากเมื่อต้องรับประทานในระยะสั้น ยาจากเอ็กไคนาเซียมีอยู่ทั้งแบบเหลวและแข็ง ซึ่งต่างก็สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยนานถึง 10 วัน อีกทั้งบางสินค้าอย่าง Echinaforce ก็ยังถูกพิสูจน์ว่าสามารถใช้ได้นานถึง 6 เดือนได้
เอ็กไคนาเซียอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบ้างอย่างเช่นทำให้มีไข้, คลื่นไส้, อาเจียน, ปวดท้อง, ท้องร่วง, เจ็บคอ, ปากแห้ง, ปวดศีรษะ, ลิ้นชา, วิงเวียน, หลับยาก, สับสน, และปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ นอกจากนี้ยังมีการรายงานว่าเอ็กไคนาเซียทำให้เกิดการอักเสบของตับขึ้นมาอีกด้วยแต่พบได้น้อยมาก
การทาเอ็กไคนาเซียบนผิวหนังสามารถทำให้ผิวแดง, คัน, และผื่นขึ้นได้
เอ็กไคนาเซียมักก่อให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ในเด็กที่ผู้ใหญ่ที่เป็นภูมิแพ้ ragweed, mums, ดาวเรือง, หรือดอกเดซี หากคุณเป็นภูมิแพ้ควรตรวจสอบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ผลิตภัณฑ์เอ็กไคนาเซีย
คำเตือนและข้อควรระวังเป็นพิเศษ:
เด็ก: เอ็กไคนาเซียถูกจัดว่าอาจจะปลอดภัยเมื่อรับประทานในระยะสั้น อีกทั้งยังปลอดภัยสำหรับเด็กอายุ 2-11 ปีส่วนมาก อย่างไรก็ตามก็มีเด็ก 7% จากกลุ่มนี้ที่ประสบกับผื่นขึ้นเนื่องจากปฏิกิริยาแพ้ อีกทั้งยังมีข้อกังวลที่ว่าปฏิกิริยาแพ้ต่อเอ็กไคนาเซียอาจมีความรุนแรงมากกับเด็กบางคน ด้วยเหตุนี้ทำให้องค์กรควบคุมการใช้ยาไม่แนะนำให้มีการใช้สินค้าเอ็กไคนาเซียกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี
สตรีมีครรภ์: เอ็กไคนาเซียถูกจัดว่าอาจจะปลอดภัยเมื่อรับประทานในระยะสั้น มีหลักฐานว่าการรับประทานเอ็กไคนาเซียอาจจะปลอดภัยต่อตัวอ่อนเมื่อใช้ในช่วงไตรมาศแรกของการตั้งครรภ์ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังคงไม่มีงานวิจัยเพิ่มเติมใด ๆ ดังนั้นจึงควรเลี่ยงการใช้สินค้าเอ็กไคนาเซียเพื่อความปลอดภัย
สตรีที่ต้องให้นมบุตร: ยังไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือว่าเอ็กไคนาเซียปลอดภัยต่อคนกลุ่มนี้ ดังนั้นจึงควรเลี่ยงการใช้สินค้าเอ็กไคนาเซียเพื่อความปลอดภัย
ผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นภูมิแพ้ทางพันธุกรรม: ผู้ที่มีแนวโน้มเช่นนี้ควรเลี่ยงการใช้สินค้าเอ็กไคนาเซียเพื่อความปลอดภัย
“โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง” อย่าง multiple sclerosis (MS), โรคพุ่มพวง (systemic lupus erythematosus, SLE), โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis (RA)), หรือภาวะที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ : เอ็กไคนาเซียอาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของคุณจนอาจทำให้อาการป่วยทรุดลงได้ ควรเลี่ยงการใช้เอ็กไคนาเซียจะดีที่สุด
การใช้เอ็กไคนาเซียร่วมกับยาชนิดอื่น
ใช้เอ็กไคนาเซียร่วมกับยาเหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง
- คาเฟอีนกับเอ็กไคนาเซีย
ร่างกายจะทำลายคาเฟอีนเพื่อกำจัดสารชนิดนี้ออกไป ซึ่งเอ็กไคนาเซียอาจทำให้กระบวนการกำจัดลดน้อยลงทำให้มีคาเฟอีนหลงเหลือในกระแสเลือดมากขึ้นจนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้ โดยผลข้างเคียงมักจะเป็นสั่นกระตุก, ปวดศีรษะ, และหัวใจเต้นเร็ว
- ยาที่ร่างกายจัดการและทำลาผ่าน Cytochrome P450 3A4 (CYP3A4) substrates กับเอ็กไคนาเซีย
ยาบางประเภทจะถูกจัดการและทำลายโดยร่างกาย เอ็กไคนาเซียอาจทำให้กระบวนการกำจัดลดน้อยลงทำให้การใช้เอ็กไคนาเซียร่วมกับยากลุ่มนี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงมากขึ้น ดังนั้นหากคุณกำลังใช้ยาต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานเอ็กไคนาเซียตาม: lovastatin (Mevacor), clarithromycin (Biaxin), cyclosporine (Neoral, Sandimmune), diltiazem (Cardizem), estrogens, indinavir (Crixivan), triazolam (Halcion), และอื่น ๆ
- ยาที่ถูกตับจัดการผ่าน Cytochrome P450 1A2 (CYP1A2) substrates กับเอ็กไคนาเซีย
ยาบางประเภทจะถูกจัดการและทำลายโดยตับ เอ็กไคนาเซียอาจทำให้กระบวนการกำจัดยาของตับลดน้อยลงทำให้การใช้เอ็กไคนาเซียร่วมกับยากลุ่มนี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงมากขึ้น ดังนั้นหากคุณกำลังใช้ยาต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานเอ็กไคนาเซียตาม: clozapine (Clozaril), cyclobenzaprine (Flexeril), fluvoxamine (Luvox), haloperidol (Haldol), imipramine (Tofranil), mexiletine (Mexitil), olanzapine (Zyprexa), pentazocine (Talwin), propranolol (Inderal), tacrine (Cognex), theophylline, zileuton (Zyflo), zolmitriptan (Zomig), และอื่น ๆ
- ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressants) กับเอ็กไคนาเซีย
เอ็กไคนาเซียอาจมีผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นการทานเอ็กไคนาเซียร่วมกับยากดภูมิคุ้มกันอาจลดประสิทธิผลของยาเหล่านี้ได้ ตัวอย่างยากดภูมิมีดังนี้ azathioprine (Imuran), basiliximab (Simulect), cyclosporine (Neoral, Sandimmune), daclizumab (Zenapax), muromonab-CD3 (OKT3, Orthoclone OKT3), mycophenolate (CellCept), tacrolimus (FK506, Prograf), sirolimus (Rapamune), prednisone (Deltasone, Orasone), corticosteroids (glucocorticoids), และอื่น ๆ
คอยสังเกตอาการเมื่อต้องใช้เอ็กไคนาเซียร่วมกับยาเหล่านี้
- Midazolam (Versed) กับเอ็กไคนาเซีย
การทาน midazolam ร่วมกับเอ็กไคนาเซียจะเพิ่มปริมาณการดูดซับยา midazolam ของร่างกายขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มฤทธิ์และผลข้างเคียงของ midazolam ได้ แต่ ณ ขณะนี้ยังคงต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
ปริมาณยาที่ใช้
รับประทาน:
- สำหรับไข้หวัด: การรักษาไข้หวัดให้ใช้สารสกัดEchinacea purpurea (Echinacin, Madaus AG) 5mL ต่อวันนาน 10 วัน, สารสกัดจาก chinacea purpurea (EchinaGuard, Madaus AG) 20 หยดในน้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมงในช่วงวันแรกที่มีอาการหวัด ตามด้วยหยดอีกสามครั้งต่อวันนาน 10 วัน สารสกัดจากต้น Echinacea purpurea ทั้งหมด (Echinilin) 4 mL สิบครั้งในวันแรกของหวัด จากนั้นเปลี่ยนเป็นสี่ครั้งต่อวันนาน 6 วัน หรือ 5 mL แปดครั้งต่อวัน จากนั้นเปลี่ยนไปเป็นสามครั้งต่อวันนาน 6 วัน ชาที่ประกอบด้วยเอ็กไคนาเซียสายพันธุ์ต่าง ๆ (Echinacea Plus, Traditional Medicinals) ห้าหรือหกครั้งในวันแรกที่มีอาการหวัด จากนั้นลดเป็นหนึ่งแก้วต่อวันนาน 5 วัน สำหรับการป้องกันไข้หวัด ให้ใช้สารสกัดเอ็กไคนาเซีย (Echinaforce, A. Vogel Bioforce AG) 0.9 mL สามครั้งต่อวัน (รวมเป็น: 2400 mg ต่อวัน) ทันทีที่เริ่มมีสัญญาณของหวัด