ตรวจหาพาหะธาลัสซีเมีย ตรวจการติดเชื้อซิฟิลิส ตรวจหาเชื้อเอชไอวี ตรวจภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน ดูรายการตรวจทั้งหมดในรายละเอียดราคา
รายละเอียด
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าตรวจรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษาผู้มีบุตรยาก
- ค่าให้คำปรึกษาโดยทีมงานที่มีประสบการณ์
- ค่าตรวจรังไข่และมดลูกด้วยการอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด (TVS) สำหรับฝ่ายหญิง
- ค่าตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิสำหรับฝ่ายชาย มีรายการตรวจดังนี้
- ตรวจค่าความเป็นกรด-ด่าง
- ตรวจจำนวนตัวอสุจิ
- ตรวจเปอร์เซ็นต์อสุจิที่เคลื่อนไหวได้ดี
- ตรวจรูปร่างอสุจิ
- ตรวจปริมาณเม็ดเลือดขาวในน้ำอสุจิ
- ค่าตรวจความสมบูรณ์ของเลือด (CBC)
- ค่าตรวจหาพาหะธาลัสซีเมีย (Hb Typing)
- ค่าตรวจหมู่เลือด (Blood Group ABO)
- ค่าตรวจกรุ๊ปเลือด (Blood Group Rh)
- ค่าตรวจการติดเชื้อซิฟิลิส (RPR)
- ค่าตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HbsAg)
- ค่าตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี (Anti-HBs)
- ค่าตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบซี (Anti-HCV)
- ค่าตรวจหาเชื้อเอชไอวี (Anti HIV screening)
- ค่าตรวจภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน (Rubella IgG)
- ค่าตรวจระดับน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1C)
- ค่าบริการ
หมายเหตุ
- ถ้าแพทย์พิจารณาว่าต้องตรวจอย่างอื่นด้วย หรือมีอาการผิดปกติที่ต้องรักษา จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 30-60 นาที
- สามารถรับบริการกับแพทย์ที่ร่วมโครงการเท่านั้น
- ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงต้องเข้ารับการตรวจในวันเดียวกัน
- สงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่นัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น
- ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจภายหลังจากที่มีการจองหรือซื้อแพ็กเกจเรียบร้อยแล้ว
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่โรงพยาบาลกำหนด
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- งดมีเพศสัมพันธ์ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนรับบริการ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนรับบริการ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- งดการสอดยา เหน็บยา หรือสวนล้างช่องคลอดก่อนรับบริการ
การดูแลหลังรับบริการ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- เพื่อประโยชน์ต่อการตั้งครรภ์ ควรงดสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน การรับสารเคมีอันตราย
- หากต้องการใช้สมุนไพรหรืออาหารเสริมต่างๆ ควรปรึกษาแพทย์
ก่อนตัดสินใจ
- ไม่ควรตรวจในช่วงที่มีประจำเดือน และควรรับบริการหลังประจำเดือนหมด 7 วัน
- หากมีไข้ ไม่สบาย ควรรักษาให้หายดีก่อนรับบริการ
ข้อมูลทั่วไป
การตรวจภาวะเจริญพันธุ์⠀หรือตรวจความพร้อมก่อนมีบุตร เป็นการตรวจความพร้อมของร่างกายสำหรับการมีบุตร เช่น ตรวจร่างกายโดยแพทย์ ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ตรวจโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ รวมถึงอาจตรวจร่างกายเพิ่มเติมเพื่อคัดกรองการเข้าข่ายภาวะมีบุตรยากด้วย ซึ่งทำให้คู่สมรสสามารถวางแผนการมีบุตรต่อไปได้อย่างเหมาะสม
การตรวจภาวะเจริญพันธุ์ ตรวจอะไรบ้าง?
การตรวจแต่ละครั้งอาจมีรายการตรวจแตกต่างกันไปตามจุดประสงค์ ส่วนใหญ่แล้วมักมีการตรวจดังนี้
- ซักประวัติ และตรวจร่างกายทั่วไป เพื่อดูความสมบูรณ์ของร่างกาย
- ตรวจเลือด เพื่อหาความเข้ากันของกรุ๊ปเลือดฝ่ายชายและหญิง ความเข้มข้นของเม็ดเลือด ตรวจหาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด โรคทางพันธุกรรมแฝง รวมไปถึงการตรวจเชื้อเอชไอวี
- การตรวจภายในสำหรับฝ่ายหญิง เพื่อตรวจความสมบูรณ์ของมดลูกและรังไข่ ตรวจอุ้งเชิงกรานและช่องคลอดเพราะมีผลโดยตรงต่อการตั้งครรภ์และการคลอด
- ตรวจพิเศษก่อนตั้งครรภ์ เช่น การตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง จะช่วยให้แพทย์เห็นรายละเอียดได้ดีขึ้นว่ามีความผิดปกติที่บริเวณอวัยวะในระบบสืบพันธุ์หรือไม่
ควรตรวจภาวะเจริญพันธุ์เมื่อใด?
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจภาวะเจริญพันธุ์ หากยังไม่เกิดการตั้งครรภ์ในกรณีต่อไปนี้
- ผู้ที่อายุไม่ถึง 35 ปี ยังไม่เกิดการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว 12 เดือน โดยไม่ได้คุมกำเนิด
- ผู้ที่อายุ 35 ปีขึ้นไป ยังไม่เกิดการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว 6 เดือน โดยไม่ได้คุมกำเนิด
การตรวจสำหรับผู้หญิง
การตรวจของผู้หญิงจะเน้นการตรวจที่มดลูก และท่อนำไข่ โดยแพทย์จะทำการตรวจภายในโดยการส่องกล้องขนาดเล็กตรวจดูภายในโพรงมดลูก ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน อาจใช้การตรวจอัลตราซาวด์ร่วมด้วย และมีการตรวจเลือดเพื่อดูฮอร์โมน
การตรวจสำหรับผู้ชาย
การตรวจของผู้ชาย นอกจากการตรวจเลือดเพื่อดูค่าต่างๆ ที่จำเป็น จะเน้นที่การตรวจวิเคราะห์คุณภาพของน้ำเชื้อ ดังนี้
- จำนวนตัวอสุจิในน้ำเชื้อ
- ความเร็วในการเคลื่อนไหวของอสุจิ
- ขนาด รูปร่าง และคุณภาพของอสุจิ
- ปริมาณน้ำเชื้อ
หมายเหตุ
- ควรศึกษาข้อมูลรายการตรวจ และความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาลก่อนตัดสินใจ
- หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลการตรวจภาวะเจริญพันธุ์ของตนเอง สามารถสอบถามแพทย์ได้
วิธีชำระและใช้งาน
จองและจ่ายเงินที่ HDmall.co.th พร้อมรับส่วนลดทันที (มีสิทธิ์ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน*)
- แจ้งชื่อและข้อมูลของคุณสำหรับจองแพ็กเกจกับแอดมิน
- ชำระเงิน สามารถเลือกวิธีโอน จ่ายบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต โดยจ่ายบัตรเครดิตได้เมื่อมียอดชำระ 300 บาทขึ้นไป ผ่อนได้เมื่อมียอดชำระตั้งแต่ 3,000 บาท
- ส่งหลักฐานการชำระเงิน
- รอรับคูปองทางอีเมล (จะออกภายใน 24 ชั่วโมงหลังแอดมินตรวจสอบการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว) คูปองมีอายุ 60 วัน
- นำคูปองไปยื่นที่โรงพยาบาลเพื่อรับบริการ
จองผ่าน HDmall.co.th แล้วไปจ่ายเงินที่โรงพยาบาล รับแคชแบ็กหลังรับบริการ
- แจ้งชื่อและข้อมูลสำหรับจองแพ็กเกจกับแอดมิน
- รับคูปองทางอีเมล คูปองมีอายุ 30 วัน
- นำคูปองไปยื่นที่โรงพยาบาลเพื่อรับบริการ และชำระค่าแพ็กเกจราคาเต็ม
- ภายใน 30 วันนับจากชำระเงิน กรุณาส่งหลักฐานดังนี้ให้แอดมินทางไลน์ @hdcoth เพื่อรับแคชแบ็ก
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาใบเสร็จของโรงพยาบาล
- สำเนาหน้าสมุดบัญชี
- หน้าคูปอง
- รอรับแคชแบ็กภายใน 7-14 วัน (ตัดรอบโอนเงินทุกวันจันทร์ เวลา 15.00 น. เงินจะเข้าบัญชีของคุณภายในวันศุกร์)
หมายเหตุ สำหรับแพ็กเกจที่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทำ หลังจากแพทย์ตรวจประเมินแล้วว่ารับบริการได้ คุณสามารถจ่ายเงินโดยตรง ณ สถานที่ให้บริการ แล้วรับแคชแบ็กภายหลัง หรือจ่ายกับ HDmall.co.th เพื่อรับส่วนลดได้ทันทีพร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่โรงพยาบาลได้โดยตรง