ฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก 1 เข็ม ที่ โรงพยาบาลพิษณุเวช พิษณุโลก

ไข้เลือดออก⠀เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue) มักระบาดในฤดูฝน ไม่ติดต่อโดยตรงจากคนสู่คน แต่จะมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ปัจจุบันพบว่ามี 4 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ ที่ 1, 2, 3 และ 4 เมื่อติดเชื้อจากสายพันธุ์หนึ่งแล้ว ร่างกายก็จะสร้างภูมิต้านทานสายพันธุ์นั้น แต่ก็ยังมีโอกาสติดเชื้อจากสายพันธุ์อื่นได้อีก ปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสไข้เลือดออกได้ แพทย์จึงใช้วิธีรักษาตามอาการ

อาการเบื้องต้นของไข้เลือดออก

• มีไข้สูงเกิน 38-40 องศาเซลเซียส ติดต่อกันประมาณ 2-7 วัน รับประทานยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดลง และอาจมีอาการชักได้โดยเฉพาะในเด็กที่เคยมีอาการชักมาก่อน
• มีเลือดออกบริเวณผิวหนัง มีจุดเลือดออกเป็นจุดแดงเล็กๆ กระจายตามแขน ขา ลำตัว และรักแร้ ถ้าอาการรุนแรงอาจอาเจียนและถ่ายอุจจาระเป็นเลือดร่วมด้วย
• อาจมีเลือดกำเดาไหล และเลือดออกตามไรฟัน
• หน้าแดง ปวดศีรษะ กล้ามเนื้อ กระดูก เบ้าตา รวมถึงปวดท้อง อาเจียน เบื่ออาหาร

โดยรวมแล้วมักมีอาการคล้ายหวัด แต่ไม่มีอาการไอและไม่มีน้ำมูก หากทิ้งไว้นานอาจเกิดภาวะช็อกและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

วัคซีนไข้เลือดออกคืออะไร?
วัคซีนไข้เลือดออก เป็นวัคซีนที่ผลิตจากเชื้อไวรัสที่ยังมีชีวิต แต่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ลง โดยจะฉีดกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้น  สามารถป้องกันเชื้อไวรัสไข้เลือดออกได้ทั้ง 4 สายพันธุ์

ควรฉีดเมื่อไหร่? ป้องกันไดันานแค่ไหน?
วัคซีนจะถูกฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง ภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นเต็มที่เมื่อฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม ใช้ระยะเวลาห่างกันครั้งละ 6 เดือน คือ เดือนที่ 1 6 และ 12 เมื่อฉีดครบทั้งสามเข็มแล้วจะสามารถควบคุมโรคไข้เลือดออกได้นาน 5-6 ปี

ฉีดได้ทุกคนหรือไม่?
ผู้ที่ควรฉีดคือ ผู้ที่อายุ 9-45 ปี ที่อาศัยในบริเวณที่มีการแพร่ระบาดของโรค  และคนที่เคยมีประวัติเป็นไข้เลือดออกมาแล้ว
ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย ไม่แนะนำให้ฉีดในผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน เพราะสำหรับคนที่ไม่เคยเป็นไข้เลือดออก การรับวัคซีนจะเพิ่มความเสี่ยงเกิดไข้เลือดออกรุนแรง และเพิ่มโอกาสการนอนโรงพยาบาลมากขึ้น