รายละเอียด
ทำไมคนอื่นซื้อแพ็กเกจนี้?
❤️ ดูแลหัวใจของคุณอย่างเต็มที่! คุณรู้หรือไม่ว่าการตรวจสุขภาพหัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม? หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความเสี่ยงหรือมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย หรือมีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคหัวใจ การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) และการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อน (ECHO) จะช่วยให้คุณเข้าใจสุขภาพหัวใจของคุณได้ดียิ่งขึ้น!
🏥 โปรแกรมรักษ์ใจคุณ 3 ที่ โรงพยาบาลพิษณุเวช มอบการตรวจที่ครบถ้วนและทันสมัย โดยใช้เทคโนโลยีที่ทำให้สามารถวิเคราะห์การทำงานของหัวใจในขณะออกกำลังกายและขณะพักได้อย่างแม่นยำ
💡 ทำไมต้องตรวจสุขภาพหัวใจ?
- เพื่อประเมินความเสี่ยงจากโรคหัวใจที่อาจเกิดขึ้น
- เพื่อตรวจสอบสภาพการทำงานของหัวใจ และการไหลเวียนของเลือด
- เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต
🚀 บริการที่รวม:
- ตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test)
- ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram)
- บริการอื่นๆ จากโรงพยาบาล
อย่าปล่อยให้สุขภาพหัวใจของคุณเป็นเรื่องที่ต้องรอ! จองบริการ กับเราได้ง่ายๆ ผ่าน HDmall.co.th และเริ่มต้นการดูแลสุขภาพหัวใจของคุณวันนี้! 💖
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress test)
- ค่าตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram)
- ค่าบริการโรงพยาบาล
- ค่าบริการทางการแพทย์อื่นๆ
สิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่ม
- ค่าแพทย์ เริ่มต้น 500 บาท ขึ้นอยู่กับแพทย์แต่ละท่าน
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผู้รับบริการ
- ทราบผลภายในวันที่ตรวจ ระยะเวลารอผลประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยแพทย์จะเป็นผู้แจ้งผลให้ทราบ
- นัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- งดน้ำและอาหารก่อนรับบริการ 8-12 ชั่วโมง สามารถดื่มน้ำเปล่าได้
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
- งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน งดสูบบุหรี่เป็นเวลา 4 ชั่วโมงก่อนรับบริการ
- งดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากก่อนการตรวจ เช่น การออกกำลังกาย
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการเต้นของหัวใจ
โรงพยาบาลและคลินิกอื่น ที่ให้บริการ ตรวจหัวใจ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
ก่อนตัดสินใจ
ตรวจ EST
ข้อห้ามสำหรับการตรวจ EST
- ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (หากต้องการรับบริการ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)
- ผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ชนิดไม่คงที่ (Unstable Angina)
- ผู้มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ไม่สามารถควบคุมได้
- ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจเอเออร์ติก (Aortic Valve) ตีบอย่างรุนแรง
- ผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวที่การรักษายังไม่ได้ผล
- ผู้ที่มีภาวะเส้นเลือดปอดอุดตันเฉียบพลัน
- ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจ และ/หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
- ผู้ที่มีภาวะเส้นเลือดแดงเอออร์ตา (Aorta) ฉีกขาดเฉียบพลัน
- ผู้ที่มีภาวะการเจ็บป่วยเฉียบพลันที่มีผลต่อการตรวจ EST เช่น การติดเชื้อต่างๆ โรคไตวาย โรคไทรอยด์เป็นพิษ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การตรวจ EST อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และพยาบาล จึงไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่สำหรับผู้ที่มีสุขภาพหัวใจผิดปกติอาจมีผลข้างเคียง หรืออาการผิดปกติเกิดขึ้นได้ ดังนี้
- มีอาการเหนื่อยมากจนไม่สามารถเดินต่อได้
- คลื่นไส้ วิงเวียน อ่อนเพลีย คล้ายจะเป็นลม
- มีอาการแสบร้อน ปวด หรือแน่นหน้าอก
- พบลักษณะของกราฟไฟฟ้าหัวใจที่บ่งชี้ถึงภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง
- ความดันโลหิตสูงขั้นรุนแรงขณะที่เดินสายพาน
ตรวจ ECHO
สิ่งที่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
- มีประวัติเคยได้รับการฉายแสงที่บริเวณลำคอ หรือหน้าอก
- เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดอาหารต่างๆ เช่น โรคหลอดอาหารตีบ โรคหลอดอาหารเป็นแผลรุนแรง
- เป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องกับกระดูกสันหลังบริเวณคอ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การตรวจ Echocardiogram เป็นกระบวนการที่ปลอดภัย ไร้ความเจ็บปวด หากมีภาวะข้างต้น ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงจากการตรวจบางประเภทได้ ดังนี้
- Stress Echocardiogram อาจทำให้คุณรู้สึกคลื่นไส้ เวียนหัว และอาจมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วยระหว่างออกกำลังกาย ทั้งยังมีโอกาสเล็กน้อยที่การทดสอบจะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด
- Transesophageal Echocardiogram อาจทำให้ลำคอระคายเคือง และปวดเล็กน้อยในช่วงไม่กี่ชั่วโมงหลังการตรวจ ทั้งยังมีโอกาสที่แท่งตรวจจะสร้างความเสียหายภายในลำคอ
ข้อมูลทั่วไป
ตรวจ EST
การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test: EST⠀หรือ⠀Exercise Tolerance Test: ETT)⠀ใช้สำหรับตรวจหาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือตรวจหาการเต้นของหัวใจผิดจังหวะที่เกิดขึ้นขณะออกกำลังกาย โดยดูว่าในขณะที่ร่างกายออกกำลังอย่างหนัก กล้ามเนื้อหัวใจได้รับเลือดและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงเพียงพอหรือไม่
การตรวจ EST มีเครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบ 2 แบบ คือ สายพานไฟฟ้า (Treadmill) และจักรยาน (Bicycle Ergometer)
ผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจ EST
- ผู้ชายอายุ 45 ปีขึ้นไป และผู้หญิงอายุ 55 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีอาการผิดปกติที่อาจเป็นภาวะหัวใจขาดเลือด เช่น เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่ายกว่าปกติ หรือเหนื่อยมากเมื่อออกกำลังกาย
- ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจขาดเลือด เช่น ผู้สูบบุหรี่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดของอวัยวะอื่นอยู่แล้ว หรือครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหัวใจ หรืออัมพาต
- นักกีฬา เพราะการวิ่งสายพานจะช่วยให้รู้ระดับการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับระดับการเต้นของหัวใจ
ขั้นตอนการตรวจ EST
- แพทย์ประเมินหาข้อห้ามในการทดสอบ
- ทำการติดเครื่องวัดความดันโลหิตและชีพจรแบบอัตโนมัติ และติดสายวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจบริเวณหน้าอก
- แพทย์บันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจก่อนการทดสอบ ในท่านอนและท่ายืน
- แพทย์ติดตามการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจในขณะออกกำลังกาย รวมไปถึงวัดความดันโลหิตและชีพจรเป็นระยะๆ
หมายเหตุ
- ไม่แนะนำผู้ที่มีข้อจำกัดในการวิ่ง เช่น ปวดเข่า เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดกระดูกและข้อที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว หรือมีอาการขาอ่อนแรง
ตรวจ ECHO
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง หรือ เอ็กโคคาร์ดีโอแกรม (Echocardiogram)⠀หรือที่นิยมเรียกสั้นๆ ว่า ตรวจเอ็กโค (Echo) เป็นการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงที่หัวใจและแสดงการเต้นของหัวใจ
กระบวนการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง แพทย์จะส่งคลื่นเสียงที่ปลอดภัยเข้าไปในทรวงอก และรับเสียงที่สะท้อนออกมาไปแปลเป็นภาพให้เห็นบนจอ ซึ่งจะแสดงถึงรูปร่าง ขนาด และการทำงาน ของกล้ามเนื้อหัวใจและลิ้นหัวใจว่าปกติหรือไม่
ประเภทของการตรวจ Echocardiogram
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูงผ่านทางผนังหน้าอก (Transthoracic Echocardiogram) เป็นการตรวจที่เป็นมาตรฐาน และจะใช้หัวตรวจเคลื่อนที่ไปทั่วๆ ผนังหน้าอกเพื่อให้เห็นภาพของหัวใจ
- การตรวจคลื่นสะท้อนหัวใจผ่านทางหลอดอาหาร (Transesophageal Echocardiogram) การตรวจนี้จะใส่ท่อขนาดเล็กที่มีหัวตรวจอยู่ภายในเข้าไปทางคอหอยและหลอดอาหาร ทำให้ได้ภาพของหัวใจที่ชัดมากขึ้น โดยเฉพาะผนังด้านหลังของหัวใจ
- การตรวจคลื่นสะท้อนหัวใจระหว่างออกกำลังกาย (Stress Echocardiogram) เป็นการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงก่อนและหลังจากการเดินสายพานหรือการปั่นจักรยาน ช่วยให้สามารถระบุปัญหาที่เกิดขึ้นกับเส้นเลือดที่เลี้ยงหัวใจได้
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
หมายเหตุ
- คุณจะได้รับใบเสร็จจากคลินิกหรือรพ. ในวันที่เข้ารับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 1-3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 60 วัน)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่โรงพยาบาลได้โดยตรง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ โรงพยาบาลพิษณุเวช พิษณุโลก อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th
สาขาหรือแผนกที่ให้บริการ

รีวิวของแพ็กเกจ
เราสามารถทำการตรวจ ECHO และ EST พร้อมกันได้หรือไม่?
ต้องเข้ารับการตรวจ ECHO หรือ EST ทุกปีหรือไม่?
ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนเข้ารับการตรวจ?
คูปองมีอายุใช้งานนานแค่ไหน?
แพ็กเกจอื่นใน ตรวจหัวใจและหลอดเลือด (Heart Screening)


HDmall แนะนำ : ตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดราคาสุดคุ้ม ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งวางแผนป้องกันได้ดี

ตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดแบบเจาะลึก (ตรวจค่า TMAO + Cardiovascular Panel 7 รายการ)

ตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดเบื้องต้น (ตรวจค่า TMAO)
