รายละเอียด
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าเสริมจมูกแบบปิด ซิลิโคนอเมริกา สำหรับเคสเสริมครั้งแรก ฟรี! ฉีด Botulinum Toxin เกาหลี Aestox จำนวนยูนิตตามแพทย์ประเมิน บริเวณรอบดวงตา 1 ครั้ง
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 60-90 นาที
- ควรนัดหมายล่วงหน้าร
- แพ็กเกจนี้ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนาน 15 ปี
- ซิลิโคนที่ใช้คือซิลิโคนอเมริกา
- ศัลยกรรมเสริมจมูกแบบ Close Technique มีรายละเอียดดังนี้
- ผ่าตัดเปิดแผลขนาดเล็กภายในช่องจมูก
- ออกแบบทรงจมูกและเหลาซิลิโคนแบบเคสต่อเคส
- ล็อคซิลิโคนใต้เยื่อหุ้มกระดูก ไม่ทำให้เบี้ยวเอียง
- ตะไบฮัมพ์ ปรับฐานจมูกใหม่ทุกเคส ทำให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ แเกิดการบวมช้ำน้อยมาก
- ปรึกษาเลือกทรงจมูกได้ ทุกแบบ
- ทีมดูแลหลังการผ่าตัดอย่างใกล้ชิด
ฉีด Botulinum Toxin
- แพทย์จะตรวจสอบสภาพผิวก่อนฉีด
- บางรายอาจมีอาการบวมแดงหรือช้ำในช่วง 1-2 วันแรกหลังฉีด ให้ใช้น้ำแข็งประคบเบาๆ ได้
- หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ปวด บวม แดง ร้อน คัน หนังตาตก มุมปากตก หนังตาตก ปวดศีรษะ ปวดคอ เห็นภาพซ้อน ตาแห้ง มีอาการแพ้หรือหายใจไม่สะดวก ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ทันที
- โดยทั่วไปจะเห็นผลภายใน 2-4 สัปดาห์ สามารถทำได้ทุก 3 เดือน
- ไม่ควรฉีดมากกว่าครั้งละ 300 ยูนิต หรือฉีดซ้ำภายในเวลาน้อยกว่า 3 เดือน เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อยา
- ผู้ที่เพิ่งทำหัตถการอย่างอื่น เช่น ร้อยไหม HIFU ฉีดสารเติมเต็ม เลเซอร์ ฉีดฝ้า ฉีดผิว สามารถฉีด Botulinum Toxin ได้เลย
ก่อนตัดสินใจ
- เฉพาะกรณีทำครั้งแรก ไม่รวมเคสแก้
- ผลลัพธ์ของการเสริมความงามขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากพบอาการผิดปกติหลังรับบริการควรปรึกษาแพทย์
การเสริมจมูก
ข้อห้ามสำหรับการผ่าตัดเสริมจมูก
- สตรีตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- ไม่ควรผ่าตัดเสริมจมูกในผู้ที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี หรือยังมีการเจริญเติบโตของใบหน้าไม่เต็มที่
- ใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โรคหลอดเลือดผิดปกติต่างๆ เช่น เส้นเลือดตีบ
- มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการผ่าตัด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- ติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
- เป็นหวัด มีแผลติดเชื้อ ควรรักษาให้หายก่อนทำ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- ความเสี่ยงทั่วไปจากการผ่าตัด เช่น มีเลือดออก เกิดการติดเชื้อ แพ้ยาชาหรือยาสลบที่ใช้
- มีอาการบวม ชาบริเวณจมูก
- มีแผลเป็นบริเวณฐานจมูก
- เส้นประสาทถูกทำลายถาวร
- สังเกตเห็นซิลิโคนที่ใช้เสริม
- อาจต้องมีการผ่าตัดแก้ไขเพิ่มในภายหลัง เนื่องจากซิลิโคนเคลื่อน เบี้ยว หรือทะลุ
ฉีด Botulinum Toxin
สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีดโบท็อกซ์
- ประวัติแพ้ยา สารอื่นๆ หรือโบท็อกซ์ไม่ว่ายี่ห้อใดๆ
- ยาและวิตามินที่ใช้อยู่
- เคยมีปัญหาเลือดหยุดยาก
- เป็นโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและประสาท เช่น ALS, myasthenia gravis หรือ Lambert-Eaton syndrome
- มีโรคประจำตัวหรือเข้ารับการรักษาอื่นๆ
- ได้รับการฉีดโบท็อกซ์ครั้งสุดท้ายมาไม่เกิน 4 เดือน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- ควรพบแพทย์ทันที หากมีปัญหาการกลืน การพูด การหายใจ
- ผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีปัญหาด้านการมองเห็น เวียนศีรษะภายในชั่วโมงหรือหลายสัปดาห์หลังจากฉีด หากมีอาการเหล่านี้ ห้ามขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมอื่นที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย
- เกิดความผิดปกติจากการกระจายของโบท็อกซ์ไปที่บริเวณอื่นของร่างกาย เช่น หนังตาตก เสียงเปลี่ยน มีปัญหาการควบคุมปัสสาวะ
อาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น
- มีอาการคัน เป็นผื่น บวม มีรอยแดงคัน
- หากมีอาการหายใจลำบาก หายใจหอบ เวียนศีรษะ หรือจะเป็นลม ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
ข้อมูลทั่วไป
การเสริมจมูก
การเสริมจมูก⠀เป็นศัลยกรรมความงามบนใบหน้าเพื่อปรับเปลี่ยนขนาดหรือรูปทรงของจมูก ให้ได้สัดส่วนที่ต้องการ และเหมาะสมเข้ากับรูปหน้ามากขึ้น
จมูกเป็นจุดที่อยู่ส่วนกลางของใบหน้า การปรับเปลี่ยนที่ส่วนนี้จะทำให้ใบหน้าโดยรวมเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ง่าย จึงทำให้การเสริมจมูกค่อนข้างได้รับความนิยม
วัสดุที่ใช้เสริมจมูก
การเสริมจมูกสามารถใช้เนื้อเยื่อตัวเอง หรือใช้วัสดุอื่นอย่างซิลิโคน ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่าสำหรับชาวเอเชีย โดยซิลิโคนที่ใช้ควรเป็นชนิดที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ (medical grade)
ซิลิโคนที่ใช้เสริมจมูกแตกต่างกันอย่างไร?
รูปแบบ⠀ปกติแล้วมีซิลิโคนให้แพทย์เลือกใช้ 2 รูปแบบ ได้แก่ ซิลิโคนสำเร็จรูป และซิลิโคนแท่ง (แบบเหลาเอง) ซิลิโคนสำเร็จรูปค่อนข้างใช้ง่ายกว่าซิลิโคนแท่ง เนื่องจากถูกขึ้นมาเป็นรูปทรงให้แล้ว แพทย์ไม่ต้องเสียเวลาปรับแต่งมาก
ความแข็งหรือความอ่อนนิ่ม
สามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับ ได้แก่ แข็งมาก แข็งปานกลาง และนิ่ม
- ซิลิโคนแข็ง⠀จะคงรูปได้ดี ไม่ยุบตัวง่าย แต่อาจทะลุได้หากเนื้อจมูกไม่หนาพอ จึงมักเลือกใช้ซิลิโคนชนิดแข็งปานกลาง เพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยงาม ไม่ทะลุง่าย และไม่ยุบตัวหลังทำ
- ซิลิโคนนิ่ม⠀เหมาะกับคนที่เนื้อจมูกไม่หนา เสริมแล้วจมูกดูเนียนเป็นธรรมชาติ แต่อาจยุบตัวได้เมื่อเวลาผ่านไป
ประเทศที่ผลิต⠀ซิลิโคนที่นิยมในปัจจุบัน อาจมีที่มาจากอเมริกา เกาหลี และอื่นๆ - ซิลิโคนอเมริกา (USA)⠀เป็นซิลิโคนมาตรฐานพิเศษ มีความแข็งปานกลาง ยืดหยุ่นดี เหมาะกับคนที่อยากได้จมูกรูปทรงโด่งสวยงาม และไม่แข็งจนเกินไป
- ซิลิโคนเกาหลี (Korea)⠀เป็นซิลิโคนมาตรฐานพิเศษเช่นกัน ค่อนข้างนิ่มโดยเฉพาะช่วงโคนและปลายจมูก มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง เหมาะกับคนที่อยากได้จมูกรูปทรงสวยเป็นธรรมชาติ
หมายเหตุ
- แม้จะใช้ซิลิโคนชนิดเดียวกัน ผลที่ได้หลังการผ่าตัดเสริมจมูกจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบที่เลือก ลักษณะเดิมของจมูก และความชำนาญของแพทย์
- การผ่าตัดจมูกแบบปิดเป็นการผ่าภายในจมูก ใช้เวลาน้อย เน้นการเสริมให้จมูกโด่งขึ้นอย่างเดียว ในขณะที่การผ่าแบบเปิด แพทย์จะสามารถวิเคราะห์และแก้ปัญหาอื่นๆ ของจมูกได้ด้วย เช่น การแก้ไขปัญหาสันจมูกโด่งเกินไป
- การรองปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อตัวเองหรือเนื้อเยื่อเทียม จะทำให้ซิลิโคนไม่สัมผัสกับเนื้อจมูกโดยตรง ทำให้ปลายจมูกดูเหมือนเนื้อธรรมชาติ และป้องกันซิลิโคนทะลุได้
- ทรงจมูกที่นิยมในปัจจุบันมีหลายแบบ ก่อนทำสามารถนำรูปตัวอย่างไปปรึกษากับแพทย์เพื่อวางแผนการผ่าตัด
- หากมีเนื้อจมูกน้อยหรือบางมากๆ ไม่แนะนำให้เสริมจมูกด้วยซิลิโคน
ฉีด Botulinum Toxin
Botulinum Toxin เป็นสารที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นิยมใช้ในวงการแพทย์เพื่อความงามในการลดริ้วรอยบนใบหน้า
ปัจจุบัน โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อที่ใช้เรียกทั่วไปแทนผลิตภัณฑ์สาร BotulinumtoxinA (botulinum toxin ชนิด A) ซึ่งผลิตได้จากเชื้อ Clostridium botulinum
Botulinum Toxin ลดริ้วรอยได้อย่างไร?
Botulinum Toxin จะไปยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทตรงปลายประสาทที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดตัว ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด Botulinum Toxin คลายตัว ริ้วรอยจึงลดลง
ในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์ Botulinum Toxin หลายยี่ห้อด้วยกัน แต่ละตัวอาจมีความแรงในการออกฤทธิ์และคุณสมบัติอื่นแตกต่างกันบ้าง แม้ว่าจะมีสารสำคัญเดียวกันคือ BotulinumtoxinA
คุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ Botulinum Toxin แต่ละชนิดเหมาะกับการแก้ปัญหาต่างๆ บนใบหน้า และเทคนิคที่ใช้ในการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแตกต่างกัน ดังนั้นประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์จึงมีความสำคัญมาก
หมายเหตุ
- ปัจจัยบางอย่างทำให้ผลิตภัณฑ์ Botulinum Toxin แต่ละตัวแตกต่างกัน เช่น ชนิดของสายพันธุ์เชื้อที่ใช้ผลิต กระบวนการผลิต ขนาดโมเลกุลของสาร ปริมาณสารต่อยูนิต และส่วนผสมอื่นในผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
- เนื่องจากสารสำคัญ BotulinumtoxinA ในแต่ละผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกัน จึงมีการใช้ชื่อเฉพาะ เช่น OnabotulinumtoxinA (Botox), IncobotulinumtoxinA (Xeomin), AbobotulinumtoxinA (Dysport), PrabotulinumtoxinA (Nabota)
- หน่วยที่เป็นยูนิตของแต่ละผลิตภัณฑ์ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ ทั้งในแง่ของความแรง และคุณสมบัติเฉพาะอื่นๆ จึงทำให้ไม่สามารถใช้แทนกันเพื่อหวังผลลัพธ์ที่เหมือนกัน
แพ็กเกจนี้ใช้ผลิตภัณฑ์ Aestox®️
ส่วนประกอบสำคัญ: Clostridium botulinum (Toxin Type A) 50 ยูนิต
เลขทะเบียนตำรับยา: 1C 5/62 (BF) (50 ยูนิต)
ชื่อผู้รับอนุญาต: บริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด
รายละเอียดผู้ผลิต: - (เกาหลีใต้)
Aestox®️ มีความบริสุทธิ์สูงมากกว่า 99.5% ผ่านการวิจัยอย่างต่อเนื่องจากสถาบันมาตรฐานระดับสากล และทำการวิจัยร่วมกับโรงพยาบาลศิริราชมากกว่า 5 ปี เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย ตอบโจทย์ ลดกราม ลิฟต์หน้า ลดริ้วรอย อย่างเป็นธรรมชาติ
หมายเหตุ
- ปัจจัยบางอย่างทำให้ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์แต่ละตัวแตกต่างกัน เช่น ชนิดของสายพันธุ์เชื้อที่ใช้ผลิต กระบวนการผลิต ขนาดโมเลกุลของสาร ปริมาณสารต่อยูนิต และส่วนผสมอื่นในผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
- เนื่องจากสารสำคัญ BotulinumtoxinA ในแต่ละผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกัน จึงมีการใช้ชื่อเฉพาะ เช่น OnabotulinumtoxinA (Botox), IncobotulinumtoxinA (Xeomin), AbobotulinumtoxinA (Dysport), PrabotulinumtoxinA (Nabota)
- หน่วยที่เป็นยูนิตของแต่ละผลิตภัณฑ์ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ ทั้งในแง่ของความแรง และคุณสมบัติเฉพาะอื่นๆ จึงทำให้ไม่สามารถใช้แทนกันเพื่อหวังผลลัพธ์ที่เหมือนกัน
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ DAC Clinic ผ่าน HDmall
ขั้นตอนการจ่ายเงินและรับแคชแบ็ก
- จองแพ็กเกจกับ HDmall จากนั้นเจ้าหน้าที่จะส่งคูปองให้ทางอีเมล
- เข้ารับบริการที่คลินิกตามวันที่นัดหมาย
- ชำระเงินที่คลินิกเต็มจำนวนตามที่แพทย์ประเมิน
- ทักไลน์ @hdcoth และกดปุ่ม “ทำนัด/ขอแคชแบ็ก” กรอกลิงก์ที่เจ้าหน้าที่ส่งให้พร้อมแนบใบเสร็จภายใน 30 วันหลังรับบริการ
หมายเหตุ
- ผู้ที่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม ประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิต จะไม่สามารถรับสิทธิ์พิเศษต่างๆ รวมถึงไม่สามารถเบิก Cashback จาก HDmall.co.th ได้
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 30-60 วัน ตามที่ระบุในคูปอง)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่คลินิกได้โดยตรง
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ DAC Clinic อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th