
Aestox เป็น Botulinum Toxin ความบริสุทธิ์ 99.5% มีจุดเด่นที่เห็นผลไว
การฉีดฟิลเลอร์ (Filling substance) ช่วยเติมเต็มผิวชั่วคราว แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก หรือปรับรูปหน้าบางจุด
รายละเอียด
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าโปรหน้าเรียว ฉีด Botulinum Toxin เกาหลี Aestox ไม่จำกัดยูนิต ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน เพื่อลดกรามและลิฟต์กรอบหน้า 1 ครั้ง
- ค่าฉีดฟิลเลอร์ Neuramis Deep 1 ซีซี บริเวณคาง 1 ครั้ง
- ค่าฉีดเมโสแฟต Babi 10 ซีซี บริเวณใบหน้าที่มีปัญหา 1 ครั้ง
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 30-60 นาที
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ปวด บวม แดง ร้อน คัน หนังตาตก มุมปากตก ปวดศีรษะ ปวดคอ เห็นภาพซ้อน ตาแห้ง มีอาการแพ้หรือหายใจไม่สะดวก ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ทันที
- โดยทั่วไปจะเห็นผลภายใน 2-4 สัปดาห์ สามารถทำได้ทุก 3 เดือน
- ไม่ควรฉีดมากกว่าครั้งละ 300 ยูนิต หรือฉีดซ้ำภายในเวลาน้อยกว่า 3 เดือน เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อยา
- ผู้ที่เพิ่งทำหัตถการอย่างอื่น เช่น ร้อยไหม HIFU ฉีดสารเติมเต็ม เลเซอร์ ฉีดฝ้า ฉีดผิว สามารถฉีด Botulinum Toxin ได้เลย
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- ห้ามรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด 1 สัปดาห์ก่อนทำ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค พอนสแตน วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย โสม St. John's wort น้ำมันกระเทียม เพราะมีผลต่อยาต้านการแข็งตัวของเลือด (ควรปรึกษาแพทย์ที่รักษาก่อนหยุดยา)
- งดทายาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A) Retinols Retinoids Glycolic Acid หรือครีมในกลุ่ม Anti-Aging อย่างน้อย 3 วันก่อนทำ
- งดแว็กซ์ผิว ขัดผิว สครับผิว นวดหน้า โกนขน ดึงขน เลเซอร์ บริเวณที่จะทำอย่างน้อย 3 วันก่อนทำ
- หากมีโรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ หรือแพ้ยา ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทำ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ 24 ชั่วโมงก่อนทำ
- งดกิจกรรมที่ส่งผลให้มีการสูบฉีดไหลเวียนของเลือดมากขึ้น เช่น การออกกำลังกาย ซาวน่า ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนทำ
การดูแลหลังรับบริการ
- ทันทีหลังจากฉีด ควรบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อให้ท็อกซินถูกปลายประสาทดูดซึมเข้าไปให้มากที่สุด (ทำได้โดยการยิ้ม หยีตา ยักคิ้ว ขมวดคิ้ว ย่นจมูก ย่นหน้าผาก เคี้ยวหมากฝรั่ง)
- ภายใน 3-4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด ห้ามนอนราบ และควรหนุนหมอนสูงในคืนแรกหลังฉีด
- ภายใน 6-8 ชั่วโมงแรกหลังฉีด ไม่นวด กด บีบ คลึง บริเวณที่ฉีด
- หากมีอาการบวมแดงหรือช้ำในช่วง 1-2 วันแรกหลังการฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติจากเข็มฉีดยา ให้ใช้น้ำแข็งประคบ แต่ควรประคบให้ถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์
- ภายใน 2 สัปดาห์แรก ไม่ควรให้บริเวณที่ฉีด สัมผัสกับความร้อน
- หลังฉีดงดแต่งหน้าและทาครีมบำรุง 1 วัน
- หลังฉีดสามารถล้างหน้าได้อย่างเดียว งดล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ควรทำความสะอาดหน้าด้วยโฟมล้างหน้า และซับให้แห้ง 1 วัน
- หลังฉีดไม่ควรแช่น้ำหรือว่ายน้ำ 1 วัน
- หลังฉีดงดออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก งดการสัมผัสโดนความร้อน เช่น ซาวน่า ตากเเดดเป็นเวลานาน งดการนวดหน้า การกดสิว การทำเลเซอร์ งดดื่มเหล้าสูบบุหรี่ 1 สัปดาห์
- กรณีฉีดริ้วรอยรอบดวงตางดใส่แว่นตาว่ายน้ำ 1 สัปดาห์
- หากมีอาการปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
ก่อนตัดสินใจ
- ผลลัพธ์ของการเสริมความงามขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากพบอาการผิดปกติหลังรับบริการควรปรึกษาแพทย์
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีโรคประจำตัวหรือกำลังรับประทานยาหรืออาหารเสริมอยู่
ข้อห้ามสำหรับการฉีด Botulinum Toxin Aestox®️
- ผู้ที่อายุไม่เกิน 18 ปี
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
สิ่งที่ควรแจ้งให้ทราบก่อนรับบริการ
- ประวัติแพ้ยา สารอื่นๆ หรือ Botulinum Toxin ไม่ว่ายี่ห้อใดๆ
- ยาและวิตามินที่ใช้อยู่
- เคยมีปัญหาเลือดหยุดยาก
- เป็นโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและประสาท เช่น ALS, myasthenia gravis หรือ Lambert-Eaton syndrome
- มีโรคประจำตัวหรือเข้ารับการรักษาอื่นๆ
- ได้รับการฉีด Botulinum Toxin ครั้งสุดท้ายมาไม่เกิน 4 เดือน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- มีอาการคัน เป็นผื่น บวม มีรอยแดงคัน
- ผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีปัญหาด้านการมองเห็น เวียนศีรษะภายในชั่วโมงหรือหลายสัปดาห์หลังจากฉีด หากมีอาการเหล่านี้ ห้ามขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมอื่นที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย
- เกิดความผิดปกติจากการกระจายของ Botulinum Toxin ไปที่บริเวณอื่นของร่างกาย เช่น หนังตาตก เสียงเปลี่ยน มีปัญหาการควบคุมปัสสาวะ
ข้อควรระวัง
- หากมีอาการหายใจลำบาก หายใจหอบ เวียนศีรษะ หรือจะเป็นลม ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
- หากมีปัญหาการกลืน การพูด การหายใจ ควรพบแพทย์ทันที
ข้อห้ามสำหรับการฉีดฟิลเลอร์
- กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่อายุต่ำกว่า 22 ปี
- ผิวหนังอักเสบหรือมีการติดเชื้อใกล้กับบริเวณที่จะฉีด
- แพ้สารที่เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์
- เคยมีปัญหาเลือดหยุดยาก
- มีประวัติเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง
- รักษาด้วยเลเซอร์ ขัดผิว หรือใช้สารลอกผิว
- ใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โรคหลอดเลือดผิดปกติต่างๆ เช่น เส้นเลือดตีบ
สิ่งที่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
- ยาหรืออาหารเสริมที่ใช้อยู่
- ประวัติแพ้ยา
- การรักษาอื่นๆ ที่ทำอยู่
- โรคประจำตัว
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- อาจมีอาการฟกช้ำ บวม หรือแดงเล็กน้อย
- อาการตึงบริเวณที่ฉีดและจะคลำเจอก้อนฟิลเลอร์ใต้ชั้นผิวหนังในช่วง 1 สัปดาห์หลังทำ เป็นอาการปกติเเละมักหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์เมื่อเซ็ตตัวเข้าที่แล้ว
ข้อห้ามสำหรับการฉีดเมโสแฟต
- สตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี
- ผู้ที่ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องให้อินซูลินอยู่เป็นประจำ
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหรือระบบไหลเวียนเลือด เช่น เส้นเลือดในสมองตีบ เส้นเลือดในสมองอุดตัน มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
- มีประวัติเลือดหยุดยาก หรือต้องใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งหรือโรคที่จำเป็นต้องใช้ยารักษาจำนวนมาก
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- มีอาการแพ้
- บวมหรือฟกช้ำบริเวณที่ฉีด
- เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง
- ผิวหนังบริเวณที่ฉีดสารมีสีเปลี่ยนแปลงไป
- เกิดแผลเป็นบริเวณที่ฉีดสารเข้าไป
- เกิดโรคชั้นไขมันอักเสบ (Panniculitis)
ข้อมูลทั่วไป
Botulinum Toxin
เป็นสารที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นิยมใช้ในวงการแพทย์เพื่อความงามในการลดริ้วรอยบนใบหน้า
ปัจจุบัน โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อที่ใช้เรียกทั่วไปแทนผลิตภัณฑ์สาร BotulinumtoxinA (botulinum toxin ชนิด A) ซึ่งผลิตได้จากเชื้อ Clostridium botulinum
Botulinum Toxin⠀ลดริ้วรอยได้อย่างไร?
Botulinum Toxin จะไปยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทตรงปลายประสาทที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดตัว ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด Botulinum Toxin คลายตัว ริ้วรอยจึงลดลง
ในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์ Botulinum Toxin หลายยี่ห้อด้วยกัน แต่ละตัวอาจมีความแรงในการออกฤทธิ์และคุณสมบัติอื่นแตกต่างกันบ้าง แม้ว่าจะมีสารสำคัญเดียวกันคือ BotulinumtoxinA
คุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ Botulinum Toxin แต่ละชนิดเหมาะกับการแก้ปัญหาต่างๆ บนใบหน้า และเทคนิคที่ใช้ในการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแตกต่างกัน ดังนั้นประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์จึงมีความสำคัญมาก
แพ็กเกจนี้ใช้ผลิตภัณฑ์ Aestox®️
ส่วนประกอบสำคัญ: Clostridium botulinum (Toxin Type A) 50 ยูนิต
เลขทะเบียนตำรับยา: 1C 5/62 (BF) (50 ยูนิต)
ชื่อผู้รับอนุญาต: บริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด
รายละเอียดผู้ผลิต: - (เกาหลีใต้)
Aestox®️ มีความบริสุทธิ์สูงมากกว่า 99.5% ผ่านการวิจัยอย่างต่อเนื่องจากสถาบันมาตรฐานระดับสากล และทำการวิจัยร่วมกับโรงพยาบาลศิริราชมากกว่า 5 ปี เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย ตอบโจทย์ ลดกราม ลิฟต์หน้า ลดริ้วรอย อย่างเป็นธรรมชาติ
หมายเหตุ
- ปัจจัยบางอย่างทำให้ผลิตภัณฑ์ Botulinum Toxin แต่ละตัวแตกต่างกัน เช่น ชนิดของสายพันธุ์เชื้อที่ใช้ผลิต กระบวนการผลิต ขนาดโมเลกุลของสาร ปริมาณสารต่อยูนิต และส่วนผสมอื่นในผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
- เนื่องจากสารสำคัญ BotulinumtoxinA ในแต่ละผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกัน จึงมีการใช้ชื่อเฉพาะ เช่น OnabotulinumtoxinA (Botox), IncobotulinumtoxinA (Xeomin), AbobotulinumtoxinA (Dysport), PrabotulinumtoxinA (Nabota)
- หน่วยที่เป็นยูนิตของแต่ละผลิตภัณฑ์ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ ทั้งในแง่ของความแรง และคุณสมบัติเฉพาะอื่นๆ จึงทำให้ไม่สามารถใช้แทนกันเพื่อหวังผลลัพธ์ที่เหมือนกัน
เปรียบเทียบคุณสมบัติของ Botulinum Toxin
⠀การดื้อยา
Xeomin เป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่ไม่ทำให้เกิดการดื้อยา เนื่องจากไม่มีโปรตีนส่วนที่ไม่ใช่สารสำคัญในการออกฤทธิ์ (complexing protein) ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นอาจทำให้เกิดการดื้อยาได้หากได้รับมากเกินไป
การดื้อยาและการป้องกัน
การดื้อยาสำหรับ Botulinum Toxin จะเป็นลักษณะที่ฉีดแล้วเห็นผลน้อยลงหรือไม่ได้ผล อาจเกิดขึ้นได้หากฉีดในปริมาณมากหรือถี่จนเกินไป ซึ่งอาจป้องกันได้ดังนี้
- ควรฉีดในปริมาณน้อยที่สุดที่สามารถลดริ้วรอยที่ต้องการได้ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน
- ฉีดแต่ละครั้งควรห่างกันมากกว่า 12 สัปดาห์
ฟิลเลอร์ (Dermal filler) เป็นสารที่ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มผิวหนัง สามารถปรับให้บริเวณผิวที่บางดูเต็มขึ้นได้ จึงนิยมนำมาใช้ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องผิวตอบ ผิวไม่สม่ำเสมอ และริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า
สารสำคัญหลักของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยสารไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic acid) หรือเรียกว่า HA อาจอยู่ในรูปของสารโซเดียมไฮยาลูรอเนต (Sodium Hyaluronate) ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ชั่วคราวที่ค่อนข้างปลอดภัย เห็นผลทันทีหลังฉีด และสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้
ไฮยาลูรอนิกแอซิดเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่อยู่ในชั้นหนังแท้ มีหน้าที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะถูกสังเคราะห์ให้ใกล้เคียงกับสารในชั้นผิว จึงมักไม่ก่อให้เกิดการแพ้
ฟิลเลอร์ลดริ้วรอยได้อย่างไร?
ฟิลเลอร์ที่เป็นสารกลุ่มไฮยาลูรอนิกแอซิด เมื่อฉีดออกจากเข็มจะมีลักษณะเป็นเจลกึ่งแข็งกึ่งเหลวแทรกตัวอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีด จึงสามารถเติมเต็มผิวให้ริ้วรอยตื้นขึ้นได้
แพ็กเกจนี้ใช้ผลิตภัณฑ์⠀Neuramis®️ DEEP
ส่วนประกอบสารสำคัญ: Sodium Hyaluronate 20 มิลลิกรัมต่อ 1 มิลลิลิตร
ยาชาในสูตร: ไม่มียาชา
เลขทะเบียนเครื่องมือแพทย์: น.31/2563
หมายเหตุ
- เทคโนโลยีและขั้นตอนการผลิตที่ต่างกันทำให้คุณสมบัติต่างๆ ของฟิลเลอร์ไม่เหมือนกัน เช่น ลักษณะความแข็งของเจล การกระจายตัว และระยะเวลาในการสลายตัว แม้จะมีสารไฮยาลูรอนิกแอซิดในปริมาณและความเข้มข้นเดียวกันก็ตาม
- คุณสมบัติที่ไม่เหมือนกันทำให้ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวเหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิวที่บริเวณแตกต่างกันไป
- ผลิตภัณฑ์ที่มียาชาผสมในสูตรจะช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นเล็กน้อยขณะฉีด
เมโสแฟต (Meso Fat)
คือ การฉีดตัวยาที่ช่วยสลายไขมันลงในชั้นไขมันตื้นๆ ใต้ผิวหนัง เพื่อลดไขมันเฉพาะจุด เหมาะกับคนที่ต้องการลดไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย นิยมฉีดเพื่อลดไขมันบนใบหน้าเพื่อลดแก้ม เหนียง ทำให้หน้าเรียวขึ้น ฉีดต้นแขน ต้นขา น่อง สะโพก หรือส่วนที่มีไขมันที่ลดไม่ค่อยลงแม้จะออกกำลังกายแล้ว
ข้อดีของเมโสแฟต
- ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นได้
- ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดหรือเซลลูไลต์ได้
- สามารถลดไขมันได้โดยไม่ต้องดูดไขมันหรือผ่าตัด
ต้องฉีดกี่ครั้งจึงเห็นผล?
หลังฉีดเมโสแฟตมักเห็นความเปลี่ยนแปลงประมาณ 10-20% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และมักต้องทำซ้ำเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการฉีดเมโส แพทย์จะเป็นผู้ประเมินจำนวนครั้งและระยะห่างที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคน
เจ็บหรือไม่?
อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะฉีดยาหรือเดินยา ทางสถานที่ให้บริการอาจใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดอาการเจ็บ หรืออาจแปะยาชาก่อนทำร่วมด้วย
หมายเหตุ
- เพื่อความปลอดภัย ควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และสถานบริการที่เชื่อถือได้
- สารสำหรับฉีดเมโสแฟตมีหลายตัว ควรปรึกษาแพทย์ให้เข้าใจก่อนรับบริการ
- หลังทำควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์หรือพยาบาลอย่างเคร่งครัด
ที่อื่นที่ให้บริการเสริมสวยหลายรายการในแพ็กเดียว ฟื้นฟูผิวหน้า ผิวกาย ดูแลรูปร่าง คอร์สเจ้าสาว ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ IG Clinic ผ่าน HDmall
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 30-60 วัน ตามที่ระบุในคูปอง)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่คลินิกได้โดยตรง
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ IG Clinic อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th
สาขาหรือแผนกที่ให้บริการ
-
วันจันทร์-อาทิตย์ (ทุกวัน) 14.00-19.00 น.
-
มีที่จอดรถหน้าคลินิก
-
วันจันทร์-อาทิตย์ (ทุกวัน) 14.00-19.00 น.
-
มีที่จอดรถหน้าคลินิก