ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี (แบบส่องกล้องแผลเดียว)
ถ้าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ยังไงก็ต้องผ่า เป็นวิธีรักษาเดียวที่ได้ผล
ผ่าตัดส่องกล้องแบบแผลเดียวเป็นวิธีที่แผลเล็กและเสียเลือดน้อยที่สุดตอนนี้
ปรึกษาทีมหมอ HDcare ฟรีวันนี้! ขอความเห็นได้จากหลายท่านจนมั่นใจ เลือกได้ทั้งแพทย์ประสบการณ์ 2,000+ เคส ทั้งอาจารย์แพทย์
ไม่แน่ใจเป็นนิ่วในถุงน้ำดีมั้ย? ทักแอดมินหาแพ็กเกจตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบนได้เลย
รายละเอียด
HDcare สรุปให้
นิ่วในถุงน้ำดีหายเองไม่ได้ ต้องผ่าตัดเท่านั้น
- ผู้หญิงมีโอกาสเป็นนิ่วมากกว่าผู้ชาย 1-2 เท่า
- ผู้หญิงวัย 40 ปี เสี่ยงเป็นนิ่วในถุงน้ำดี เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้คอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง
- เครื่องสลายนิ่วใช้รักษานิ่วในท่อไตเท่านั้น รักษานิ่วในถุงน้ำดีไม่ได้
- ยาสลายนิ่วใช้รักษานิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะเท่านั้น รักษานิ่วในถุงน้ำดีไม่ได้
ผ่าตัดส่องกล้องแบบแผลเดียว เป็นวิธีที่แผลเล็กและเสียเลือดน้อยที่สุดตอนนี้
- เปิดแผลเล็กแค่ 1 จุดที่สะดือ เทียบกับการผ่าตัดส่องกล้องปกติที่เปิดแผล 3-5 จุด
- เสียเลือดน้อยกว่าผ่าตัดด้วยเทคนิคอื่นมากและแทบไม่เห็นแผลหลังผ่าตัด
- แต่แบบแผลเดียวมีราคาสูงกว่าการผ่าตัดส่องกล้องแบบปกติ ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่นิยม เพราะแผลเล็กกว่า เจ็บน้อยกว่า และพักฟื้นน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
- ดูรายละเอียดการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีแบบส่องกล้องปกติ [คลิกที่นี่]
ไม่มั่นใจ ต้องผ่านิ่วในถุงน้ำดีแบบไหน ปรึกษาทีมแพทย์ HDcare ได้ฟรี!
รีบรักษา ก่อนแย่ลง ยิ่งรอนาน นิ่วก็สะสมมากขึ้น
- คนที่มีอาการมักเข้าใจผิดว่าเป็นโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน เลยเลือกกินยาแทน กว่าจะรู้ว่าเป็นนิ่วถุงน้ำดี อาการก็รุนแรงแล้ว
- ปวดท้องนิ่ว คือปวดท้องส่วนบนหรือด้านขวา
- อาการยิ่งแรงขึ้น อาจอักเสบเฉียบพลันหรือติดเชื้อ หรือกลายเป็นมะเร็งถุงน้ำดีได้
- ถ้ามีพังผืดหรืออักเสบมาก อาจต้องผ่าแบบเปิดแแทน
รู้จักโรคนี้
เกิดก้อนนิ่วในถุงน้ำดีได้อย่างไร?
นิ่วถุงน้ำดี เป็นเม็ดแข็งที่อาจเล็กขนาดมากประมาณเม็ดทราย ไปจนถึงใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ ที่เกิดในถุงน้ำดี คนไข้อาจมีนิ่วเพียงก้อนเดียวหรือมีหลายก้อนก็ได้
สาเหตุของการเกิดนิ่วถุงน้ำดีมาจากสารละลายหลักในถุงน้ำดีเสียสมดุล ซึ่งสารละลายเหล่านั้น ได้แก่ คอเลสเตอรอล ไขมัน ฟอสเฟต และกรดน้ำดี หินปูนหรือคอเลสเตอรอลจึงตกตะกอนกลายเป็นนิ่วในที่สุด
สัญญาณที่ต้องตรวจ
- คนที่มีอาการของนิ่วในถุงน้ำดีมักเข้าใจผิดว่าเป็นโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน เลยเลือกกินยาแทน กว่าจะรู้ว่าเป็นนิ่วถุงน้ำดี อาการก็รุนแรงแล้ว
- ส่วนใหญ่มีอาการหลังกินอาหารมันๆ หรือช่วงกลางคืน และมักจะเป็นอยู่ 1-2 ชม. ก็หาย
- ถ้าเริ่มมีอาการ ก็มักจะเป็นต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น (เพราะก้อนนิ่วไม่ได้หาย แต่จะสะสมเรื่อยๆ)
**ช่วงแรกอาการจะไม่รุนแรง **เกิดขึ้นเป็นระยะๆ หลังกินอาหารไขมันสูง เพราะไปกระตุ้นให้บวมตึงในถุงน้ำดี มีอาการที่สังเกตได้ดังนี้
- แน่นท้อง ท้องอืด มีลมมาก
- ปวดจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ และอาจปวดร้าวไปบริเวณสะบักขวา
- อาจมีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย
ถ้าเริ่มมีก้อนนิ่วในถุงน้ำดี ก็มีโอกาสเกิดภาวะถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันได้ตลอด (Acute Cholecystitis) โดยมีอาการดังนี้
- ปวด จุกแน่น 4-6 ชม. ก็ไม่หาย
- ปวดท้องแบบรุนแรง หรือปวดจุกเสียดรุนแรงตรงลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา
- มีอาการดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง
- ปัสสาวะเหลืองเข้ม หรืออุจจาระสีซีด
- เป็นไข้ มีอาการหนาวสั่น (ร่วมกับอาการอื่นๆ)
- คลื่นไส้ อาเจียน (ร่วมกับอาการอื่นๆ)
นิ่วอาจอุดกั้นการไหลของน้ำดีไม่ให้ไปเข้าระบบย่อยอาหาร หรืออาจไหลออกไปส่วนอื่นของร่างกายทำให้เกิดอาการผิดปกติดังนี้
- **ถ้านิ่วไหลไปอุดกั้นท่อถุงน้ำดี **จะทำให้แน่นท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย หรือปวดท้องบริเวณชายโครงขวาเป็นเวลานานต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังมื้ออาหารที่มีไขมัน
- ถ้านิ่วไหลไปอุดกั้นท่อน้ำดีใหญ่ จะทำให้เกิดดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง และปวดท้อง
- ถ้านิ่วขนาดเล็กตกลงไปอุดกั้นท่อตับอ่อน ลำไส้เล็กส่วนตับ อาจทำให้ตับอ่อนอักเสบ ทำให้ปวดท้องบริเวณลิ้นปี่รุนแรงจนถึงปวดร้าวลามไปบริเวณหลัง
ตรวจโรคนี้อย่างไรได้บ้าง
- แพทย์จะซักถามอาการ ตรวจร่างกาย และตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีและง่ายในการตรวจนิ่วในถุงน้ำดี
- ตรวจเลือดดูการทำงานของตับ
- ส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (Endoscopic Retrograde cholangiopancreatography: ERCP) จะทำในกรณีที่สงสัยว่ามีนิ่วในท่อน้ำดี
- ใช้เข็มเจาะผ่านตับเข้าไปในท่อน้ำดี (Percutaneous Transhepatic Cholangiography: PTC) จะทำในกรณีท่อน้ำดีอุดตัน
ส่วนใหญ่โรคนิ่วในถุงน้ำดีมักไม่รู้ตัวในระยะแรกๆ และจะตรวจเจอโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพ หรือหลังจากมีอาการแล้วค่อยไปตรวจ แนะนำถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยงควรตรวจเชิงป้องกันไว้ก่อน
รักษาโรคนี้ได้วิธีไหนบ้าง
นิ่วในถุงน้ำดี ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น โดยมีทั้งการผ่าตัดแบบเปิด และการผ่าตัดแบบส่องกล้อง
*แพ็กเกจนี้เป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้องแผลเดียว
สัญญาณที่ต้องผ่าตัด
4 อาการนิ่วถุงน้ำดี ที่ควรได้รับการผ่าตัดโดยด่วน
- ปวดท้องด้านขวามากจนร้าวไปที่หลังหรือไหล่ ในลักษณะปวดบีบๆ ต่อเนื่องยาวนาน
- จุกแน่นบริเวณลิ้นปี่หลังกินอาหาร 2-3 ชม. เป็นประจำ โดยเฉพาะมื้อที่มีอาหารไขมันสูง หรือเป็นอาหารมื้อใหญ่
- จุกแน่นเหมือนเป็นโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน
- มีภาวะดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง
อาการเหล่านี้บ่งบอกว่ามีเม็ดนิ่วอุดกั้นในท่อรอบๆ ถุงน้ำดี และอาจมีภาวะอักเสบ ควรผ่าตัดนำถุงน้ำดีออกก่อนจะอักเสบรุนแรง หรือก่อนที่จะมีภาวะแทรกซ้อน จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการผ่าตัด เช่น ยังสามารถผ่าตัดส่องกล้องได้ รวมถึงเพิ่มผลสำเร็จให้การผ่าตัดให้สูงขึ้นด้วย
รู้จักการผ่าตัดนี้
**ผ่าตัดรักษานิ่วถุงน้ำดีผ่านกล้องแผลเดียว หรือภาษาอังกฤษ Single Incision Laparoscopic Cholecystectomy **เป็นการเปิดแผลเพียงรูเดียวที่สะดือประมาณ 5 มม. - 1 ซม. เพื่อใส่อุปกรณ์เข้าไปผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี เป็นเทคนิคที่แทบไม่เหลือแผลเป็นให้เห็นหลังผ่าตัด
**ขั้นตอนการผ่าตัดรักษานิ่วถุงน้ำดีผ่านกล้องแผลเดียว **
- วิสัญญีแพทย์ระงับความรู้สึกด้วยการดมยาสลบ
- เปิดแผลที่สะดือเพียงรู้เดียว แล้วใส่อุปกรณ์เข้าไปในช่องท้อง
- ใส่แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สู่ช่องท้องเพื่อขยายพื้นที่ จากนั้นแพทย์จะเริ่มผ่าตัดนำถุงน้ำดีออกมา
- ผ่าตัดรักษานิ่วถุงน้ำดีผ่านกล้องแผลเดียวใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
เปรียบเทียบการผ่าตัดวิธีต่างๆ
ผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิด
- แพทย์มองเห็นภาพกว้าง ผ่าง่ายกว่าแบบส่องกล้อง และคลำตรวจอวัยวะโดยรอบได้
- ใช้ในกรณีที่นิ่วเกิดการอักเสบ หรือผ่าตัดแบบส่องกล้องไม่ได้
- มีแผลที่หน้าท้องประมาณ 6-7 ซม.
- ปวดแผลมากกว่าและพักฟื้นนานกว่าแบบส่องกล้อง
ผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง [ดูรายละเอียด]
- เห็นภาพผ่านกล้องอย่างละเอียด
- แผลที่หน้าท้องประมาณ 1-2 ซม.
- แผลเล็ก เจ็บน้อย ช้ำน้อย ใช้เวลาพักฟื้นน้อย และโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนก็น้อยกว่าแบบเปิด
- ถ้าทิ้งไว้นานจนเกิดพังผืดหรือเกิดการอักเสบมาก อาจจะทำให้การผ่าตัดส่องกล้องไม่สำเร็จ ต้องเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดแบบเปิดแทน
ผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้องแผลเดียว
- เปิดแผลเดียวที่สะดือ 1 รู
- เสียเลือดน้อยกว่าผ่าตัดด้วยเทคนิคอื่นมาก
- แทบไม่เห็นแผลหลังผ่าตัด
- ราคาสูงกว่าการผ่าตัดส่องกล้องแบบปกติ
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- แจ้งให้แพทย์ทราบถึงภาวะสุขภาพทั้งหมด รวมถึงยาหรืออาหารเสริมที่กินเป็นประจําเพราะอาจมีผลต่อการผ่าตัด แพทย์อาจให้หยุดยาหรืออาหารเสริมบางอย่าง
- งดอาหารและดื่มน้ำก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักน้ำย่อย หรือเศษอาหารจากกระเพาะอาหารเข้าสู่ปอดในระหว่างดมยาสลบ
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การดูแลหลังผ่าตัด
หลังผ่าตัดแบบส่องกล้องต้องพักฟื้นกี่วัน?
ใช้เวลาพักฟื้นที่ รพ. ประมาณ 2 วัน และกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติภายใน 1 สัปดาห์ (ขึ้นกับแต่ละคน)
หลังผ่าตัดถุงน้ำดี แนะนำให้ดูแลตัวเองดังนี้
- กินยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง ดูแลความสะอาดแผล และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- งดการมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 2-3 สัปดาห์
- งดออกกำลังกายและยกของหนัก 4 สัปดาห์
- กินอาหารที่มีกากใยสูงเพื่อให้ลำไส้เคลื่อนไหวและช่วยในการขับถ่าย
- ลดอาหารที่มีไขมันสักระยะหนึ่ง จนกว่าร่างกายจะปรับตัวได้
- ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ
- เคลื่อนไหวร่างกายแบบเบาๆ ทุกวัน เช่น เดินไปมา เพื่อป้องกันลิ่มเลือดอุดตัน
- ค่อยๆ เพิ่มการทำกิจกรรมต่างๆ ทีละน้อย เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว และกลับมาทำกิจกรรมต่างๆ ตามปกติได้ในที่สุด
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- 10% ของคนที่ไม่มีถุงน้ำดีอาจท้องเสียจากน้ำดีไหลออกมามากเกินไป
- ถุงน้ำดีเป็นเพียงตัวเก็บพักน้ำดี การผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก น้ำดียังคงถูกสร้างจากตับและไหลลงมาตามท่อน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็กเพื่อย่อยไขมันตามปกติ แต่อาจไม่เข้มข้นเท่าเดิม
- ผ่าตัดถุงน้ำดีโดยการส่องกล้องควรทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ตัดโดนท่อน้ำดี ท่อน้ำดีรั่ว หรือท่อน้ำดีตัน
หลังผ่าตัดถุงน้ำดี อาจมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้น้อย ดังนี้
- ความเสี่ยงของการผ่าตัดโดยทั่วไป เช่น คลื่นไส้อาเจียน เจ็บภายในลำคอจากการใส่ท่อช่วยหายใจ ภาวะอักเสบในช่องท้อง ภาวะเป็นฝีในตับ
- อาการปวดหัวไหล่ โดยเฉพาะไหล่ขวา เพราะการผ่าตัดต้องใส่ก๊าซเข้าไปในช่องท้องด้วยแรงดัน ทำให้มีการดึงเหยียดของกระบังลมและระคายเคืองจากก๊าซต่อเส้นประสาทที่มาเลี้ยงกระบังลม ทำให้ปวดหัวไหล่ได้
- ปวดบริเวณแผลผ่าตัด
- มีเลือดหรือน้ำเหลืองคั่งบริเวณแผล
- มีรอยเขียวช้ำบริเวณแผลผ่าตัด
- อาการท้องอืด แน่นท้องหลังผ่าตัด
สาขาศัลยศาสตร์
นพ. ธนเดช วงศ์จารุกร (หมอเจมส์)
ศัลยแพทย์ประสบการณ์ผ่าตัดมากกว่า 10+ ปี รวมผ่าตัดผ่านกล้องขั้นสูง
ข้อมูลของแพทย์
- 2550 แพทย์ศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- 2557 วุฒิบัตรเฉพาะทาง สาขาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
- 2560 ศัลยศาสตร์ส่องกล้อง โรงพยาบาลตำรวจ
- 2561 Certificate of Training of Endoscopic and Laparoscopies Surgery, Fukuoka Red Cross Hospital (Japan)
ข้อมูลอื่นของแพทย์
- ศัลยแพทย์ประสบการณ์ผ่าตัดมากกว่า 10 ปี
- ศัลยแพทย์ชำนาญด้านการผ่าตัดผ่านกล้องขั้นสูง (Advanced Laparoscopic Surgery) ผ่าตัดผ่านกล้องแผลเดียว (Single Incision Laparoscopic Surgery) ผ่าตัดไทรอยด์ผ่านกล้องทางช่องปาก (Transoral Endoscopic Thyroidectomy) ประสบการณ์ผ่าตัดมากกว่า 5 ปี
- ประสบการณ์ผ่าตัดถุงน้ำดีมากกว่า 600 เคส ผ่าตัดไส้เลื่อนมากกว่า 500 เคส