ทำไมต้องตรวจสุขภาพ

การตรวจสุขภาพจะทำให้เรารู้ล่วงหน้าว่ามีความเสี่ยงเกิดขึ้นหรือมีสัญญาณในร่างกายเกิดขึ้นก่อน ส่งผลให้เราสามารถรับมือกับโรคร้ายที่ไม่มีอาการในช่วงแรกได้ทัน เช่น โรคมะเร็ง ปอดติดเชื้อ โรความดัน โรคไต เป็นต้น จากที่กล่าวมานี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของโรคที่สามารถมีอาการรุนแรงจนเสียชีวิตได้ ยังมีอีกหลายโรคที่เป็นภัยเงียบที่อาจจะรู้ตัวเมื่อสายไปแล้วก็ได้

• เป็นการทำการตรวจร่างกายในสภาวะที่ร่างกายเป็นปกติดี ไม่มีอาการเจ็บป่วยให้เห็นเด่นชัด
• เพื่อหาความเสี่ยงและภาวะที่ผิดปกติในร่างกาย
• เพื่อวางแผนและหาแนวทางการป้องการในการเกิดโรคที่ร้ายแรงได้ในอนาคต

ควรจะตรวจสุขภาพอะไรบ้าง

รายการตรวจสุขภาพในปัจจุบันมีหลากหลายแพ็กเกจให้เลือก ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับบุคคลนั้นเป็นหลัก เช่น การอยู่ใกล้ชิดกับคนที่สูบบุหรี่ การมีญาติเป็นโรคร้ายแรงที่เสี่ยงต่อการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เป็นต้น

แต่โดยส่วนมาก รายการตรวจสุขภาพประจำปีที่พบเห็นได้บ่อยในหลายแพ็กเกจ อาจมีดังนี้

• วัดดัชนีมวลกาย (BMI)
• วัดความดันโลหิต
• ตรวจร่างกายทั่วไปโดยแพทย์ ซักประวัติ
• ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count)
• ตรวจน้ำตาลในเลือด (Fasting Blood Sugar)
• ตรวจ Cholesterol และ Triglyceride
• ตรวจไขมันในเลือด HDL-C และ LDL-C
• ตรวจการทำงานของตับ SGPT และ SGOT
• ตรวจการทำงานของไต BUN และ Creatinine
• ตรวจกรดยูริก (Uric Acid: Causes of Gout)

อย่างไรก็ตาม รายการตรวจอาจมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละแพ็กเกจ สิ่งสำคัญคือควรเลือกให้เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด เพื่อทำให้การตรวจสุขภาพนั้นมีประสิทธิภาพกับตัวเรามากที่สุดนั่นเอง

ไม่ตรวจสุขภาพได้ไหม

อันนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลของแต่ละท่าน เพราะไม่มีข้อบังคับหรือกฏหมายที่จะให้ตรวจเช็คสุขภาพเป็นประจำ แต่การที่ตรวจนั้นก็จะมีผลดีที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น โดยที่อย่างน้อยในชีวิตคนเราจะมีการตรวจสุขภาพอยู่แล้ว เช่น การตรวจสุขภาพก่อนเข้าเรียน หรือการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน เป็นต้น

ถ้านอกจากนี้เราไม่อยากตรวจสุขภาพอีกก็ทำได้ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ต้องตระหนักและคิดไว้เสมอว่าโรคร้ายหลายโรคไม่มีสัญญาณหรืออาการบอกล่วงหน้า ซึ่งทำให้อาจจะพบโรคในวันที่มีอาการหนักแล้วก็ได้ ทางที่ดีควรตรวจเช็คเป็นประจำ ไม่ว่าจะตรวจตามช่วงวัยแล้ว เราก็ยังสามารถตรวจโรคอื่นๆที่เราอาจมีความเสี่ยง เพื่อที่ทำให้เราปลอดภัยห่างไกลโรคร้ายได้อีกด้วย

ทำไมต้องตรวจสุขภาพทุกปี

หลายคนอาจสงสัย นั่นเป็นเพราะว่าการที่เราดูแค่สภาพร่างกายภายนอกนั้นไม่ได้บ่งบอกว่าภายในนั้นปกติเสมอไป หากไม่ได้เจาะลึกเข้าไปดูอาจเกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของเราได้ ดังนั้น การตรวจเช็คสุขภาพในด้านต่างๆ จะทำให้เกิดการเข้าใจสภาพร่างกายภายในว่ามีโอกาสเป็นโรคอะไร หรือมีความปกติมากน้อยเพียงใดบ้าง เพื่อรับมือป้องกันสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น นั่นคือการเจ็บป่วยเพราะ “การไม่มีโรค นั้นเป็นลาภอันประเสริฐ” ดังนั้นทุกคนควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อห่างไกลจากโรคร้าย และถ้าป้องกันแต่เนิ่นๆ สามารถลดค่าใช้จ่ายในการรักษาเมื่อโรคมีอาการร้ายแรงแล้วได้อีกด้วย

การตรวจสุขภาพนั้นเหมาะสำหรับใครบ้าง

เหมาะสำหรับทุกคน เนื่องจากเพื่อทำให้ได้รู้สถานะของร่างกายตนเองว่ามีจุดบกพร่องตรงไหนบ้าง หากมีจะได้ทำการรักษาได้ทันเวลา ซึ่งมีโอกาสที่จะหายได้ง่ายกว่าปล่อยให้เรื้อรังจนกลายเป็นโรคที่มีอาการร้ายแรง

ตรวจสุขภาพอายุเท่าไหร่ดี

โดยปกติแล้วการตรวจร่างกายควรจะเริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ในกรณีที่มีความสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงโรคก็สามารถเข้ารับการตรวจได้ทันทีเช่นกัน เพราะบางโรคต้องพึ่งเวลาในการรักษาที่รวดเร็ว แต่ละช่วงอายุนั้นมีการตรวจที่ต้องให้ความสำคัญแตกต่างกันไปเนื่องจากบางโรคจะมีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นสูงในอายุนั้นๆ เพราะด้วยปัจจัยหลายอย่างที่เอื้ออำนวยให้โรคสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ โดยมีรายการที่ต้องเน้นในแต่ละช่วงวัย

ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ควรเข้ารับการตตรวจสุขภาพ เพราะสุขภาพที่ดีนั้นต้องทำการตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอ เพราะอาจไม่มีการแสดงอาการที่เด่นชัดออกมา แต่ถ้าปล่อยให้เรื้อรังอาจทำให้โรคแสดงออกมาเป็นอาการที่ร้ายแรงได้

เลือกโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีแบบไหนดี

จะเห็นได้ว่ามีโปรแกรมให้เลือกมากมายหลากหลายมากในท้องตลาด จนทำให้อาจสับสนในบางทีว่าควรเลือกตรวจโปรแกรมไหน หลักการหลักที่ใช้ในการเลือกคือเลือกตามช่ววงอายุนั่นเอง ในแต่ละแพ็กเกจมักจะมีบอกอายุว่าเหมาะกับช่วงอายุไหน เราก็สามารถเลือกได้ตามที่โปรแกรมแนะนำได้เลย หรืออาจเลือกจากความเสี่ยงที่คิดว่าตนมีมากกับโรคนั้นๆ เช่น โรคที่มีคนในครอบครัวเป็นและกังวลว่าจะสามารถส่งมาต่อได้ทางพันธุกรรมหรือไม่ หรืออาการต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ถ้าช่วงอายุที่เราเลือกไม่มีการตรวจตามอาการที่เรามี สามารถเลือกแพ็กเกจอื่นๆ ได้ แม้อายุจะไม่ได้ตรงกับชื่อแพ็กเกจก็ตามเพราะการที่เลือกตามอาการที่มีนั้น เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตรวจสุขภาพ

ทำไมต้องตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน

• เนื่องจากสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญจึงต้องมีการตรวจสอบสุขภาพก่อนเข้าทำงาน โดยจุดประสงค์ดังนี้
• เสริมความมั่นใจให้กับองค์กรและผู้ร่วมงาน
• ตรวจสอบโรคติดต่อก่อนเข้างานเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
• ตรวจสอบอาการป่วยร้ายแรงหรือเรื้อรังของลูกจ้าง

ตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน มีตรวจอะไรบ้าง?

มีการตรวจไม่เหมือนกันในแต่ละสถานที่ มักขึ้นอยู่กับราคาและรายละเอียดของแพ็กเกจว่ามีความครอบคลุมมากเพียงใด แต่โดยหลักแล้วจะมีรายการตรวจที่คล้ายกันดังนี้

1. ถามประวัติส่วนตัว

ในการตรวจสุขภาพการสอบถามประวัติเป็นเรื่องที่ต้องเจอ เพราะเป็นการล่วงรู้ถึงสิ่งที่ใครพบเจอมาต่างๆ โดยข้อมูลที่มักถามจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเราเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น อาชีพการงานที่ทำอยู่ สถานะของความสัมพันธ์ การสอบถามโรคประจำตัว ยาและอาหารเสริมที่รับประทานอยู่ หรือเคยรับประทาน อาการที่เสี่ยงต่อการเป็นโรค หรือความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เพื่อทำให้แพทย์ได้ทำการวินิฉัยโรคได้แม่นยำ หรือหาความเสี่ยงโรคต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้

2. ตรวจวัดสัญญาณชีพ

ตรวจเพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ว่าร่างกายภายในมีการทำงานที่ปกติดีหรือไม่ เพราะสัญญาณชีพมักจะมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายของเราได้ เช่น ความดัน ตรวจสอบการทำงานของหัวใจ หรือจับชีพจร เป็นต้น การตรวจเหล่านี้ควรตรวจปีละครั้ง และอาจจะบ่อยมากกว่าได้ถ้าสุขภาพบางคนเกิดมีการอาการที่ต้องติดตามเป็นประจำ เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงที่เกิดขึ้นต่อไป

3. ตรวจสุขภาพทั่วไป

แพทย์ทำการตรวจสุขภาพตามจุดทั่วไปที่สำคัญเพื่อหาสัญญาณของความไม่ปกติของร่างกายภายนอก เพราะมีหลายโรคที่สามารถสังเกตอาการหรือสัญญาณได้จากภายนอกได้ โดยทำแหน่งหลักที่แพทย์อาจดูมีดังนี้

• ช่องท้อง จากการตรวจเช็คโดยสัมผัสช่องท้องเพื่อหาสิ่งแปลกปลอม
• หน้าอก เพื่อทำการฟังการทำงานของอวัยวะภายใน เช่น ปอด
• ดวงตา ดูสีของตาขาวและดำ และการตอบสนองว่ามีความผิดปกติหรือไม่
• การทำงานของระบบประสาท โดยเช็คจากการพูด

โดยนอกจากนี้อาจมีการตรวจอื่นๆร่วมด้วย เช่น การตรวจทวารหนักและภายใน เพื่อหาความเสี่ยงและสัญญาณต่างๆ ที่เกี่ยวกับมะเร็งและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย

4. ตรวจในห้องปฏิบัติการ

วิธีการตรวจโดยหลักแล้วจะเป็นการนำเลือดของผู้ที่เข้ารับการตรวจสุขภาพไปทำการวินิฉัย เนื่องจากเลือดนั้นสามารถบอกสิ่งไม่ปกดิในร่างกายได้มากมาย เช่น ความสมบูรณ์ของเม็ดลเลือด การทำงานของไต ค่าไทรอยด์ ระดับคอเลสตอรอล เป็นต้น ซึ่งค่าดังกล่าสามารถนำมาเป็นการวิเคราะห์สัญญาณของโรคต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น โรคเบาหวาน ความผิดปกติของตับ โรคความดัน ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น

5. ตรวจหาสารเสพติด

ต้องมีการตรวจสารเสพติดก่อนเข้าทำงานเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้จากการเสพสารเหล่านั้น ที่อาจส่งผลต่อการงานและเพื่อนร่วมงานได้ โดยวิธีการตรวจสอบคือการตรวจจากปัสสาวะจะตรวจสารได้หลายอย่าง เช่น แอมเฟตามีน และ เมทแอมเฟตามีน เป็นต้น สารดังกล่าวข้างต้นจะพบหากมีการเสพ ยาไอซ์ หรือยาบ้า เพราะจะมีการตกค้างอยู่ในปัสสาวะได้นาน