แพ็กเกจนี้จำเป็นต้องให้แพทย์ตรวจประเมินก่อนรับบริการ และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากที่ระบุไว้บนเว็บไซต์
รายละเอียด
ทำไมคนอื่นซื้อแพ็กเกจนี้?
🌈 ก้าวสู่ชีวิตใหม่ด้วยการแปลงเพศ! คุณเคยรู้สึกว่าไม่สามารถเป็นตัวเองได้หรือไม่? การแปลงเพศจากชายเป็นหญิงด้วยเทคนิคการใช้เยื่อบุช่องท้อง (PPV) ที่โรงพยาบาลยันฮี จะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์และชีวิตของคุณได้ตามที่คุณต้องการ!
🏥 บริการแปลงเพศชายเป็นหญิง (PPV) ที่โรงพยาบาลยันฮี มาพร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้คุณมั่นใจในผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยไม่ต้องตัดต่อลำไส้ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง
💡 ทำไมต้องเลือกบริการนี้?
- รับการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงน้อยและฟื้นตัวเร็ว
- สามารถสร้างช่องคลอดที่มีความลึกและมีน้ำหล่อลื่นได้
- รับบริการที่มีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยตรง
💔 อย่าให้ความรู้สึกไม่สบายใจนี้อยู่กับคุณนานเกินไป! หากปล่อยไว้อาจทำให้คุณรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง หรือพบปัญหาทางจิตใจที่รุนแรงยิ่งขึ้น การแปลงเพศจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและทำให้คุณมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น
🚀 จองบริการ กับเราที่ HDmall.co.th วันนี้ เพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ! คุณสามารถเลือกที่จะ สนทนากับเรา หรือทำการ ชำระเงินได้ทันที 📅
มาทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นกันเถอะ!
รายละเอียด
รายละเอียดราคา แปลงเพศชายเป็นหญิง
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าแก้ไขแปลงเพศชายเป็นหญิงจากที่อื่น ด้วยเยื่อบุช่องท้อง
- ค่าบริการห้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล 4 คืน
สิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่ม
- ค่าบริการโรงพยาบาล 250 บาท
- ค่าแพทย์ 1,000 บาท หรือมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับแพทย์แต่ละท่าน
- ค่าตรวจคัดกรอง COVID-19 ก่อนผ่าตัด (แพทย์จะเป็นผู้แจ้งอีกครั้ง ว่าต้องตรวจด้วยวิธีใด)
- กรณีตรวจ ATK ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 800 บาท
- กรณีตรวจ RT-PCR ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 2,250 บาท
หมายเหตุ
- ราคานี้สำหรับผู้ที่ทำร่วมกับการจัดฟัน แต่ยังไม่รวมค่าจัดฟัน
- ถ้ามารับบริการที่โรงพยาบาลเป็นครั้งแรก จะมีค่าลงทะเบียนผู้ป่วยใหม่ 20 บาท
- ถ้าเคยฉีดสารต่างๆ มาก่อน เช่น ซิลิโคน สารเติมเต็ม เป็นต้น และต้องการปรึกษาแพทย์ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มดังนี้
- ค่าแพทย์ 1,000 บาท (กรณีที่ไม่รับบริการในวันที่ปรึกษา)
- ค่าบริการโรงพยาบาล 250 บาท
- ถ้าต้องการปรึกษาแพทย์ท่านอื่นเพิ่ม จะต้องจ่ายค่าแพทย์เพิ่มประมาณ 1,000 บาท
- กรณีวันผ่าตัดมีญาติมาเฝ้าไข้ ต้องตรวจ ATK ที่โรงพยาบาล มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- อาจมีค่ายาบางรายการเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน
- Cashback ที่ได้รับจะไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นนอกเหนือจากบริการที่จอง เช่น ค่ายาผู้ป่วยนอก ค่าตรวจวินิจฉัย เป็นต้น
- หากวันที่ไปประเมินมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม HD จะออกค่าประเมินให้เฉพาะครั้งแรก โดยไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากการประเมิน (เช่น ตรวจโควิด หรือค่ายา เป็นต้น)
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ แปลงเพศชายเป็นหญิง
- ควรนัดหมายล่วงหน้า เพื่อปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัดแปลงเพศ
- ผู้ที่สามารถรับบริการนี้ได้ จะต้องเข้าเงื่อนไขดังนี้
- อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือหากอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 20 ปี ต้องมีผู้ปกครองร่วมลงนามรับรอง
- ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นคนข้ามเพศ (Gender Dysphoria)
- ไม่มีโรคประจำตัวหรือโรคทางจิตเวช ที่อาจเป็นอันตรายต่อการผ่าตัดใหญ่ หรือการดมยาสลบ
- ผ่านการใช้ฮอร์โมนข้ามเพศ อย่างน้อย 1 ปี
- ผ่านการใช้ชีวิตเป็นเพศตรงข้าม อย่างน้อย 1 ปี
- การผ่าตัดด้วยเทคนิคต่อลำไส้และเยื่อบุช่องท้อง ผู้รับบริการจะนอนโรงพยาบาล 4 คืน ได้แก่ ก่อนผ่าตัด 1 คืน และหลังผ่าตัด 3 คืน โดยแพทย์จะเปิดผ้าก๊อซปิดแผลทั้งหมดในวันที่ 4 ถอดสายสวนปัสสาวะและสายเดรนออก และสอนให้ขยายช่องคลอด หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ สามารถกลับบ้านได้
- ราคานี้สงวนสิทธิ์เฉพาะคนไทยเท่านั้น
- กรณีซื้อผ่าน HDmall.co.th ในวันที่เข้ารับบริการลูกค้าจะได้ใบแจ้งหนี้ (Invoice) เท่านั้นไม่สามารถออกใบเสร็จได้
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- แพทย์จะตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด และเอกซเรย์ หากพบว่ามีความผิดปกติหรือมีโรคประจำตัว จะส่งปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อร่วมประเมินด้วย
- กรณีที่ผู้รับบริการรับประทานยาหรืออาหารเสริมอยู่ ซึ่งอาจมีฤทธิ์ทำให้เลือดออกง่าย เช่น ยาแอสไพริน (Aspirin) โคลพิโดเกรล (Clopidogrel) สมุนไพร เช่น ถั่งเช่า แปะก๊วย โสม กระเทียม น้ำมันตับปลา คอลลาเจน และวิตามินอี จะต้องหยุดรับประทานก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้เสียเลือดมากระหว่างการผ่าตัด
- ควรหยุดยาฮอร์โมนข้ามเพศทุกชนิดก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำระหว่างการผ่าตัด (Deep Venous Thrombosis)
- ผู้ที่สูบบุหรี่หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบนิโคติน เช่น บุหรี่ไฟฟ้า หมากฝรั่งนิโคติน หรือแผ่นแปะสำหรับเลิกบุหรี่ ต้องหยุดใช้ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 2 เดือน เนื่องจากนิโคตินจะส่งผลให้แผลผ่าตัดหายช้าลง
- ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- ช่วง 1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด ควรรับประทานอาหารอ่อนที่มีกากน้อย เพื่อเตรียมลำไส้ให้สะอาด
- งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
- พักผ่อนให้เพียงพอ 8-12 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
- รักษาสุขอนามัยอวัยวะเพศ ด้วยการล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าหรือสบู่สำหรับจุดซ่อนเร้น
- หากผู้รับบริการมีการต่อเล็บมือ เช่น เล็บเจล อะคริลิค หรือพีวีซี ต้องถอดเล็บก่อนเข้ารับบริการ (ทางโรงพยาบาลไม่มีบริการถอดเล็บให้) เนื่องจากระหว่างการทำหัตถการอาจจะต้องสวมเครื่องวัดออกซิเจนที่ปลายนิ้วเพื่อความปลอดภัย
การดูแลหลังรับบริการ
- หลังผ่าตัดแก้ไขการแปลงเพศด้วยเทคนิคต่อลำไส้และเยื่อบุช่องท้อง ควรหยุดพักรักษาตัวประมาณ 2 สัปดาห์
- ห้ามนั่งยองหรือแยกขาก่อนที่แผลผ่าตัดจะหายสนิท เนื่องจากจะทำให้แผลปริแยกได้
- ช่วง 3-6 เดือนแรกหลังผ่าตัด อาจมีกลิ่นภายในช่องคลอด เนื่องจากยังมีคราบเลือดที่ยังหลงเหลืออยู่ ไม่ควรใช้น้ำสบู่สวนล้างช่องคลอดเพราะอาจเกิดการระคายเคืองได้
- โดยทั่วไปแพทย์จะอนุญาตให้มีเพศสัมพันธ์ภายหลังจากผ่าตัด 1-2 เดือน (เมื่อแผลภายในช่องคลอดหายสนิท)
- ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัดและของหมักดอง เพราะอาจทำให้บริเวณที่ผ่าตัดบวมนานขึ้น
- การดูแลแผลภายนอก มีรายละเอียดดังนี้
- แพทย์จะจ่ายยาทาแผลมี 2 ชนิด คือ โพวิโดนไอโอดีนชนิดน้ำ (Povidone Lodine Solution) และโพวิโดนไอโอดีนชนิดเจล (Povidone Lodine Gel) ยาชนิดน้ำใช้สำหรับทาแผลแคมนอก ส่วนยาชนิดเจลใช้สำหรับทาแผลบริเวณแคมในและรอบท่อปัสสาวะ
- ภายหลังขับถ่ายและขยายช่องคลอด ควรทำความสะอาดบาดแผลร่วมกับทายาทุกครั้ง และสวมใส่ผ้าอนามัยเพื่อซับคราบเลือด
- โดยทั่วไปแผลผ่าตัดจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน
- การดูแลแผลภายในช่องคลอด
- ควรสวนล้างช่องคลอดทุกครั้งหลังขยายช่องคลอดเสร็จ โดยใช้น้ำเกลือผสมกับยาโพวิโดนไอโอดีนชนิดน้ำ ในอัตราส่วน 1:10 (เช่น ผสมน้ำ 100 ซีซี เข้ากับยา 10 ซีซี) ควรสวนล้างช่องคลอดครั้งละ 100-200 ซีซี หรือตามแพทย์แนะนำ
ก่อนตัดสินใจ
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
โรคหรือภาวะที่ต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติมหรือแก้ไขก่อนผ่าตัดแปลงเพศ
- โรคประจำตัวหรือความพิการแต่กำเนิดที่ส่งผลต่อระบบการทำงานในร่างกาย เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับ หรือโรคไตชนิดรุนแรง
- โรคเรื้อรังที่อยู่ระหว่างกระบวนการรักษา เช่น โรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ตัวเอง (SLE)
- โรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบซี
- ความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น หนังหุ้มปลายองคชาตตีบ (phimosis and paraphimosis) ภาวะรูเปิดท่อปัสสาวะต่ำกว่าปกติ (hypospadias) อัณฑะค้างอยู่ในช่องท้อง (cryptorchidism) ก้อนหรือเนื้องอกของอวัยวะเพศ หรือมีประวัติเคยฉีดสารแปลกปลอมในอวัยวะเพศ เป็นต้น
- โรคไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ (inguinal hernia) และไส้เลื่อนผนังหน้าท้อง (abdominal hernia)
โรคหรือภาวะที่ไม่สามารถผ่าตัดแปลงเพศได้
- โรคประจำตัวที่ยังควบคุมได้ไม่ดี
- โรคทางจิตเวชที่อาการยังไม่คงที่
- ใช้สารเสพติดผิดกฎหมาย
ข้อมูลทั่วไป
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการแปลงเพศชายเป็นหญิง
เทคนิคการแปลงเพศโดยใช้เยื่อบุช่องท้อง จะต้องผ่าตัดช่องท้องแล้วใช้ผนังเยื่อบุช่องท้องมาสร้างเป็นช่องคลอดใหม่ ไม่ต้องตัดต่อลำไส้ วิธีนี้มักจะใช้สำหรับผ่าตัดแก้ไข แต่อาจทำเป็นการผ่าตัดครั้งแรกก็ได้เช่นกัน ในกรณีที่ผู้รับบริการมีผิวหนังอวัยวะเพศน้อย ไม่เพียงพอสำหรับการต่อกราฟต์
เยื่อบุช่องท้องสามารถสร้างสารหล่อลื่นได้ ซึ่งมีลักษณะเป็นน้ำสีเหลืองใส อย่างไรก็ตาม บริเวณปากทางเข้าช่องคลอดยังคงเป็นผิวหนัง จึงอาจแห้งและเสี่ยงต่อการเกิดแผลถลอกได้ ดังนั้นแพทย์มักแนะนำให้ใช้สารหล่อลื่นทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
ลักษณะของอวัยวะเพศภายนอกที่ผ่าตัดด้วยเทคนิคเยื่อบุช่องท้อง จะเหมือนกับเทคนิคต่อกราฟต์และเทคนิคต่อลำไส้ทุกประการ
ข้อดีของเทคนิคการแปลงเพศโดยใช้เยื่อบุช่องท้อง
- ได้ช่องคลอดมีความลึกมากกว่าแบบกราฟต์
- มีน้ำหล่อลื่นภายในช่องคลอด
- สามารถสร้างอวัยวะเพศภายนอกได้ครบถ้วนสมบูรณ์
- มีความรู้สึกทางเพศ และถึงจุดสุดยอดได้
ข้อเสียของเทคนิคการแปลงเพศโดยใช้เยื่อบุช่องท้อ
- ต้องผ่าตัดช่องท้อง
- รอยต่อของเยื่อบุช่องท้องบริเวณปากทางเข้าอาจตีบตันได้ ถ้าหากขยายได้ไม่ดี
- อาจเกิดพังผืด จากการผ่าตัดเข้าช่องท้อง
- มีแผลเป็นบริเวณหน้าท้อง
สถานพยาบาลอื่นที่มีบริการ ผ่าตัดแปลงเพศ ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ โรงพยาบาลยันฮี ผ่าน HDmall
จองแพ็กเกจผ่าน HDmall.co.th แล้วชำระเงินที่โรงพยาบาล จากนั้นเก็บใบเสร็จมารับ แคชแบ็ก* (กรณีลูกค้าใช้สิทธิประกันจะไม่สามารถรับแคชแบ็กได้)
- กดจองแพ็กเกจที่ต้องการและกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน
- รับอีเมลเพื่อยืนยันการจอง พร้อมรหัสคูปองสำหรับขอแคชแบ็กจาก HDmall คูปองมีอายุ 30 วัน
- เช็กคิวหรือทำนัดผ่านแอดมิน HDmall เท่านั้น เพื่อรับสิทธิพิเศษ
- เข้ารับบริการตามวันและเวลานัดที่ระบุในคูปอง เมื่อถึงโรงพยาบาล เพียงแสดงบัตรประชาชน ณ ศูนย์บริการลูกค้า ชั้น 1 โดยไม่ต้องแสดงคูปอง HDmall เข้ารับบริการ ชำระเงินตามยอดที่ฝ่ายการเงินแจ้ง
- แจ้งขอแคชแบ็กจาก HDmall ภายใน 30 วันหลังชำระเงิน ทางไลน์ @hdcoth โดยพิมพ์ '5' หรือ 'ขอแคชแบ็ก' ลูกค้าจะได้รับแคชแบ็กภายใน 7-14 วัน (ตัดรอบโอนเงินทุกวันจันทร์ เวลา 15.00 น. เงินจะเข้าบัญชีของคุณภายในวันศุกร์)
หลักฐานที่ใช้ขอแคชแบ็ก
- รูปใบเสร็จของโรงพยาบาล
- รูปสมุดบัญชี
- รูปรหัสคูปองที่ได้รับ
หมายเหตุ
- แพ็กเกจนี้ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- ลูกค้าต้องชำระค่าแพทย์และค่าบริการปรึกษาแพทย์ในราคาเต็มที่โรงพยาบาลไปก่อน หลังจากนั้นค่อยแจ้งแอดมินทางไลน์ @hdcoth เพื่อกรอกแบบฟอร์มขอแคชแบ็กภายหลัง (ขั้นตอนการขอแคชแบ็กพร้อมรหัสจะแสดงในอีเมล)
- *จะได้รับแคชแบ็กเฉพาะแพ็กเกจที่ร่วมรายการ (สอบถามรายละเอียดได้จากแอดมิน)
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 1-3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 30 วัน)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่โรงพยาบาลได้โดยตรง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ โรงพยาบาลยันฮี อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th