รวมการตรวจสุขภาพตาแบบละเอียดรวมถึงการขยายรูม่านตาและตรวจจอประสาทตาด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ถ่ายภาพ (Fundus camera), การตรวจด้วยเครื่อง Slit Lamp, การวัดสายตาสำหรับตัดแว่นโดยแพทย์เฉพาะทาง, การตรวจสุขภาพตาด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์และจักษุแพทย์, รวมถึงการตรวจภาวะต้อหินและต้อกระจก.
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ สามารถลงได้ที่ BTS สถานีสนามเป้า ออกทางออกที่ 1 แล้วเดินมาทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ประมาณ 150 เมตร
แพ็กเกจอื่นที่คุณอาจสนใจ
รายละเอียด
ทำไมคนอื่นซื้อแพ็กเกจนี้?
👁️ ตรวจสุขภาพตา เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจน! คุณรู้หรือไม่ว่าอาการตามัว ปวดตา หรือเห็นภาพซ้อน อาจเป็นสัญญาณเตือนให้คุณต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพตา? การตรวจสุขภาพตาที่โรงพยาบาลพญาไท 2 เป็นหนึ่งในบริการที่สำคัญในการป้องกันและวินิจฉัยปัญหาทางสายตาที่อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคุณ!
🏥 บริการตรวจตาพร้อมวัดสายตาสำหรับตัดแว่น จะช่วยคุณประเมินสุขภาพตาอย่างละเอียด โดยการตรวจจะรวมถึงการขยายรูม่านตา ตรวจจอประสาทตา และการวัดสายตาเพื่อให้คุณสามารถเลือกแว่นสายตาที่เหมาะสมที่สุดได้
💡 ทำไมต้องตรวจสุขภาพตา?
- เพื่อป้องกันโรคต้อหิน และต้อกระจกซึ่งอาจทำให้สูญเสียการมองเห็น
- ตรวจสอบความผิดปกติที่อาจเกิดจากโรคประจำตัว เช่น เบาหวานหรือความดันโลหิตสูง
- เพื่อประเมินความจำเป็นในการเปลี่ยนแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์
🔍 การตรวจสุขภาพตาเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน! หากคุณมีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือมีอาการผิดปกติทางตา อย่าปล่อยให้ความกังวลเหล่านี้รบกวนคุณต่อไป! จองบริการ กับเราได้ง่ายๆ ผ่าน HDmall.co.th พร้อมรับผลการตรวจภายใน 1 วันทำการ 📅
ให้การมองเห็นที่ชัดเจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ เริ่มต้นที่นี่!
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าตรวจสุขภาพตาสำหรับตัดแว่น รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล มีรายการตรวจดังนี้
- ขยายรูม่านตา (Pupil Dilatation) และ/หรือ ตรวจจอประสาทตาด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ถ่ายภาพ (Fundus camera)
- ตรวจวัดตาทั่วไปแบบละเอียด (Slit Lamp)
- วัดสายตาสำหรับตัดแว่นโดยแพทย์เฉพาะทาง
- ตรวจสุขภาพตาแบบละเอียดโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ และตรวจโดยจักษุแพทย์
- ตรวจสุขภาพตาทั่วไป ตรวจภาวะต้อหิน และตรวจภาวะต้อกระจก
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผู้รับบริการ
- หลังจากตรวจเสร็จแพทย์จะอธิบายผลการตรวจให้ทราบโดยทันที
- สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย สามารถซื้อแพ็กเกจในราคาคนไทยได้ก็ต่อเมื่อมีคุณสมบัติอย่างน้อย 1 ข้อดังต่อไปนี้
- เป็นผู้ที่ทำงานในประเทศไทย โดยสามารถแสดงรับสิทธิ์ด้วยการแสดงใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)
- เป็นผู้ที่ศึกษาในประเทศไทย
- เป็นผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทย
- เป็นผู้มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู)
- เป็นผู้มีคู่สมรสเป็นชาวไทย
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- หลีกเลี่ยงการเสริมสวยบริเวณดวงตา เช่น การติดขนตาปลอม การใช้อายไลน์เนอร์เขียนขอบตา
- นำแว่นสายตา หรือคอนแทคเลนส์ที่ใช้อยู่ไปด้วย เพื่อให้แพทย์ประเมินว่าควรเปลี่ยนแว่น หรือคอนแทคเลนส์ใหม่ให้เหมาะกับสายตาหรือไม่ รวมถึงเปรียบเทียบค่าการวัดสายตาขณะใส่แว่นและไม่ใส่ด้วย
- แจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัว ประวัติการรักษาโรคต่างๆ และยารักษาโรคทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ เพราะอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อสายตา หรือสุขภาพตาได้
การดูแลหลังรับบริการ
- ควรเตรียมแว่นกันแดดและหมวกปีกกว้างสำหรับใส่กลับบ้าน เพราะในขั้นตอนการตรวจ แพทย์อาจหยดยาหยอดตาเพื่อขยายรูม่านตา ซึ่งจะส่งผลให้ดวงตาเปิดรับแสงเต็มที่ชั่วขณะ ทำให้ตาพร่ามัว เห็นภาพสามมิติได้
- ควรมีญาติมาช่วยพากลับบ้านเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง และไม่ควรขับรถกลับเอง
ก่อนตัดสินใจ
ผู้ที่เหมาะกับบริการนี้
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงและควรเข้ารับการตรวจ ได้แก่
- ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีอาการทางตาต่างๆ เช่น ปวดตา ตาแดง ตามัว เห็นภาพซ้อน น้ำตาไหล ปวดกระบอกตา หรือปวดศีรษะบ่อยๆ เป็นต้น
- ผู้ที่คนในครอบครัวเคยเป็นโรคต้อหิน หรือตาบอดข้างหนึ่ง โดยไม่ทราบสาเหตุ
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไทรอยด์
- ผู้ที่ทำงานใช้สายตามาก
- ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ
- ผู้มีปัจจัยเสี่ยงต่อจอตาฉีกขาด เช่น เคยได้รับอุบัติเหตุที่ดวงตา หรือเคยได้รับการผ่าตัดตา
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวและต้องใช้ยาที่มีผลต่อดวงตาเป็นประจำ เช่น ยาอีแทมบูทอล (Ethambutol) ยาคลอโรควิน (Chloroquine) หรือยาในกลุ่มสเตียรอยด์
ข้อมูลทั่วไป
การตรวจสุขภาพตา เป็นการตรวจโดยใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อให้พบปัญหาทางสายตา ปัญหาการมองเห็น หรือโรคทางตาที่พบบ่อย เช่น ต้อหิน ต้อกระจก หรือตาบอดสี
โรคตาบางชนิดอาจไม่แสดงอาการผิดปกติในระยะแรก อย่างไรก็ตาม การตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกัน และแก้ไขไม่ให้สายตาผิดปกติมากขึ้นจนสูญเสียการมองเห็นได้
การตรวจสุขภาพตาโดยทั่วไป ตรวจอะไรบ้าง?
การตรวจสุขภาพตาโดยทั่วไปมักเริ่มจากการซักประวัติโดยจักษุแพทย์ เพื่อสอบถามอาการทั่วไป รวมถึงประวัติสุขภาพตาของคนในครอบครัว ยารักษาโรคที่ใช้อยู่ หรือปัญหาสุขภาพตาที่มีอยู่
หลังจากซักประวัติแล้ว อาจมีการตรวจตาด้วยวิธีการต่างๆ เพิ่มเติม ดังนี้
- ตรวจสายตา หรือความสามารถในการมองเห็น (Visual acuity test) โดยต้องอ่านป้ายที่มีตัวอักษร หรือตัวเลขต่างๆ จากระยะมาตรฐาน 6 เมตร เพื่อดูว่า มองเห็นได้ดีแค่ไหน ระหว่างการทดสอบจะต้องปิดตาไว้หนึ่งข้างแล้วใช้อีกข้างที่เหลือมองดู
- ตรวจวัดค่าสายตา เป็นการให้อ่านป้ายที่มีตัวอักษร หรือตัวเลขผ่านอุปกรณ์วัดสายตา (Phoropter) ซึ่งจะให้ค่าตัวเลขที่กำหนดความสั้น ยาว และเอียงของสายตาอย่างถูกต้อง โดยแพทย์จะแนะนำให้นำค่าที่ได้ไปตัดแว่นสายตา หากมีปัญหาทางสายตาในระดับที่รบกวนการมองเห็น
- ตรวจลานสายตา ตรวจบริเวณที่มองเห็นด้านบน ล่าง ซ้าย และขวา เป็นการตรวจประเมินว่า มีลานสายตากว้าง หรือแคบมากน้อยเพียงใด
- ตรวจความโค้งของกระจกตา หากมีความผิดปกติจะทำให้มีภาวะสายตาเอียงได้
- ตรวจคัดกรองตาบอดสี หากมีปัญหาในการแยกสี คุณอาจได้รับการตรวจตาบอดสีด้วยเช่นกัน ซึ่งทำได้โดยการดูแผ่นป้ายที่มีจุดสีหลายๆ สี
- ตรวจม่านตา ใช้ไฟส่องตาเพื่อดูว่า ม่านตาตอบสนองต่อแสงเป็นปกติหรือไม่ หากม่านตาหดเล็กลงเมื่อเจอแสงจะถือว่าปกติ แต่หากม่านตาขยายใหญ่ หรือไม่ตอบสนอง หมายความว่าอาจมีความผิดปกติของดวงตา
- ตรวจการมองเห็นด้านข้าง ผู้ที่มีการมองเห็นด้านข้างผิดปกติมักไม่รู้ตัวเอง และเป็นสัญญาณความผิดปกติที่บ่งบอกถึงโรคต้อหินได้
- ตรวจการเคลื่อนไหวของดวงตา เพื่อประเมินว่า กล้ามเนื้อตาทำงานเป็นปกติหรือไม่
- ตรวจความดันลูกตา ความดันในลูกตาที่เพิ่มสูงขึ้นอาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงโรคต้อหินได้ หากพบว่ามีความดันลูกตาผิดปกติ แพทย์จะตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียดเพื่อหาว่า เป็นโรคต้อหินหรือไม่
- ตรวจส่วนหน้าของตา เป็นการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ตรวจนัยน์ตาชนิดลำแสงแคบ (Slit lamp) โดยจะช่วยในการตรวจดูเปลือกตา กระจกตา ม่านตา และเลนส์ตา การตรวจวิธีนี้จะทำให้ทราบว่า เป็นโรคต้อกระจก มีแผล หรือรอยถลอกที่กระจกตาหรือไม่
- ตรวจจอประสาทตา และเส้นประสาทตา แพทย์จะหยอดยาขยายรูม่านตา เพื่อตรวจดูว่า ประสาทตา และเส้นประสาทตาเป็นปกติหรือไม่
สถานที่ต่างๆ ที่รับ ตรวจตา รักษาโรคตา ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ โรงพยาบาลพญาไท 2 ผ่าน HDmall
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 1-3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 60 วัน)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่โรงพยาบาลได้โดยตรง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ โรงพยาบาลพญาไท 2 อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th