ผ่าตัดต้อกระจก สลายต้อด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ เลนส์พิเศษ กรองแสง พับได้ ชัด 1 ระยะ

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการ

โรคต้อกระจก (Cataract)⠀หมายถึง เลนส์แก้วตาที่ขุ่นมัว มีลักษณะเป็นสีขาว หรือขาวอมน้ำตาล โดยจะเรียกว่าต้อกระจกก็ต่อเมื่อความขุ่นของเลนส์แก้วตาส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการมองเห็น เช่น เกิดปัญหาตามัว
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดต้อกระจก คือ การเสื่อมสภาพของเลนส์ตาตามอายุ จึงมักพบในผู้สูงอายุ แต่บางรายอาจเป็นตั้งแต่กำเนิด หรือเกิดหลังอุบัติเหตุต่อดวงตาก็ได้
อย่างไรก็ตาม โรคต้อกระจกสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด หรือที่เรียกว่า “ลอกต้อ” เอาเลนส์ตาธรรมชาติที่ขุ่นจนเป็นต้อกระจกออก และใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่

แพ็กเกจนี้ใช้วิธีรักษาต้อกระจกด้วย การผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Phacoemulsification)

การผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง⠀เป็นการผ่าตัดโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) เข้าไปสลายเลนส์ที่เสื่อมสภาพในถุงหุ้มเลนส์ แล้วดูดออกมาผ่านท่อขนาดเล็กมาก ถุงหุ้มเลนส์จึงยังคงอยู่ครบสมบูรณ์ ทำให้สามารถใส่เลนส์แก้วตาเทียมขนาดเล็กเข้าไปแทนที่เลนส์แก้วตาเดิมได้

การรักษาต้อกระจกด้วยวิธีนี้ มีข้อดีอย่างไร?
การผ่าตัดด้วยวิธีนี้มีข้อดี คือ ใช้เวลาไม่นาน ประมาณข้างละ 30 นาที และมักไม่ต้องเย็บแผล เนื่องจากแผลมีขนาดเล็กมากจนสามารถติดกันโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ ข้อดีของการที่แผลมีขนาดเล็กจะลดโอกาสเกิดการอักเสบและใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน โดยปกติวันถัดไปหลังการผ่าตัดก็สามารถมองเห็นได้แล้ว

การดูแลตาข้างที่ได้รับการผ่าตัด

• เช็ดตาอย่างน้อย วันละ 1 ครั้ง ในทุกๆ เช้า โดยใช้อุปกรณ์ที่ได้รับจากโรงพยาบาล เช็ดตามขั้นตอนที่พยาบาลแนะนำอย่างเบามือ⠀(ขณะเช็ดตา ไม่ควรมีการกวาดบ้านหรือเปิดพัดลม เพราะฝุ่นละอองและเชื้อโรคอาจฟุ้งกระจายเข้าตาได้)
• ถ้ามีขี้ตา น้ำตาไหล คัน หรือเคืองตาสามารถเช็ดตาซ้ำได้อีก
• หยอดตา ป้ายยา และรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
• ห้ามขยี้ตาข้างที่ได้รับการผ่าตัด เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อและแผลอาจฉีกขาดได้

การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดตา

• ห้ามโดนน้ำเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดใบหน้าโดยเว้นบริเวณที่ครอบตา หรือตาข้างที่ผ่าตัดแทน
• สามารถแปรงฟันได้ตามปกติ แต่ต้องแปรงเบาๆ ไม่ส่ายหน้าไปมาขณะแปรงฟัน และไม่กลั้วคอ เพราะจะทำให้เกิดการสะเทือนไปถึงตาข้างที่ได้รับการผ่าตัด
• หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกรอบ แข็ง เหนียว หรือเคี้ยวยาก เพราะอาจสะเทือนตาได้
• งดรับประทานอาหารรสจัด อาหารที่มีกลิ่นฉุน หรือมีกลิ่นเครื่องเทศแรงๆ เพราะอาจทำให้น้ำตาไหล หรือไอจามได้
• หลีกเลี่ยงการไอจามแรงๆ ถ้าจำเป็นให้อ้าปากกว้างๆ เวลาไอ หรือจาม เพื่อลดแรงดันที่จะขึ้นไปที่ดวงตา
• หลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระ เพราะจะทำให้แรงดันขึ้นศีรษะ อาจทำให้ปวดตา หรือเลือดออกในดวงตาได้
• หลีกเลี่ยงการก้มหน้าต่ำกว่าเอว การสะบัดหน้าแรงๆ และการยกของหนัก
• หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจสร้างความระคายเคืองต่อดวงตาที่ผ่าตัดได้ เช่น การออกกำลังกาย การเล่นกีฬา การทำงานบ้าน การเล่นกับเด็ก หรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง
• ห้ามนอนตะแคงทับตาข้างที่ได้รับการผ่าตัด และห้ามนอนคว่ำหน้า เพราะอาจทำให้ที่ครอบตาและผ้าปิดตาไปครูดกับกระจกตาจนทำให้เป็นแผลได้
• สามารถรับประทานยาได้ตามปกติ แต่ควรสอบถามแพทย์ก่อน