รู้ไหม ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี โดยสถิติปี พ.ศ.2564 พบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ถึง เกือบ 140,000 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งกว่า 87,000 คน โดยโรคมะเร็ง 5 อันดับแรกที่พบมากที่สุด ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และมะเร็งปากมดลูก

จากสถิติเหล่านี้ทำให้เห็นว่าโรคมะเร็งไม่ใช่โรคไกลตัว แต่มีโอกาสเกิดกับทุกๆ คนได้ทุกเมื่อ ดังนั้นประกันมะเร็งจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่หลายคนนึกถึง โดยเหตุผลหลักๆ ที่ควรซื้อประกันมะเร็งคือ

1. จำกัดความเสี่ยง ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษา

    “มะเร็ง” โรคร้ายแรงและ (อาจ) เรื้อรัง ต้องรักษาอย่างต่อเนื่องและใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน ดังนั้นสิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูง เริ่มตั้งแต่การตรวจยืนยันผลด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ตรวจเลือด X-ray ทำ CT Scan หรือ MRI ที่ค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลรัฐอยู่ในหลักหมื่น หากตรวจพบและต้องวางแผนรักษา ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด ให้เคมีบำบัด หรือการฉายแสง ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึงหลักแสน หรือหากเลือกรักษาโรงพยาบาลเอกชนอาจสูงถึงหลักล้าน และยังมีค่าใช้จ่ายในการตรวจติดตามผลหลังการรักษาอีกด้วย

    ดังนั้นการมีประกันมะเร็งก็จะช่วยลดภาระด้านค่าใช้จ่าย ทำให้คุณมีเวลารักษาและฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างเต็มที่ และได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ที่คุณเลือกได้

    2. มีเงินสำรองให้ครอบครัวกรณีกำลังรักษาพยาบาลหรือเสียชีวิต

    ประกันมะเร็งมี 2 ลักษณะด้วยกัน ได้แก่

    • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล หากตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็ง สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง ไม่เกินวงเกินสุงสุดที่เงื่อนไขกำหนด
    • จ่ายเงินเต็มจำนวนทันที หากตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็ง บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์เป็นเงินก้อนให้เต็มจำนวนสูงสุด ตามเงื่อนไขที่กำหนด

    กรณีที่ 2 นี้มีข้อดีคือ คุณสามารถนำเงินผลประโยชน์ที่ได้รับ มาจ่ายค่ารักษาพยาบาล หรือนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในช่วงที่กำลังพักรักษาตัว หรือเก็บไว้เป็นเงินทุนสำรองสำหรับคนในครอบครัวต่อไป

    แตกต่างจากการซื้อประกันสุขภาพ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น (หรือบางกรมธรรม์อาจมีค่าชดเชยรายวันตามเงื่อนไขที่กำหนด) ดังนั้นหากคุณมีประกันสุขภาพอยู่แล้ว การซื้อประกันมะเร็งเพิ่มเติม ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาลลงไปได้ด้วย

    3. ค่าเบี้ยประกันไม่สูง

      ประกันมะเร็งส่วนใหญ่ ค่าเบี้ยประกันมักไม่สูง โดยเริ่มต้นที่ประมาณ 1,000 บาท ต่อปี (ประมาณ 80-90 บาทต่อเดือน หรือประมาณ 3 บาท ต่อวัน) โดยมีวงเงินคุ้มครองสูงสุด ประมาณ 200,000 บาท ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับความคุ้มครองที่จะได้รับ หากเกิดเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง ก็ถือว่าคุ้มค่า

      4 ข้อควรรู้ ก่อนซื้อประกันมะเร็ง

      แต่ก่อนจะซื้อประกันมะเร็ง ต้องตรวจสอบและอ่านรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ได้กรมธรรม์ที่เหมาะสมและตรงความต้องการมากที่สุด โดยข้อที่ควรรู้ มี 4 ข้อ ดังนี้

      1. คุ้มครองทุกโรคมะเร็งไหม?
        ก่อนตัดสินใจซื้อประกันมะเร็งต้องอ่านเงื่อนไขโดยละเอียดว่า ประกันนั้นๆ ครอบคลุมการป่วยด้วยโรคมะเร็งชนิดใดบ้าง เช่น บางกรมธรรม์อาจคุ้มครองเพียงมะเร็งบางชนิดเท่านั้น หรือบางกรมธรรม์อาจจ่ายผลประโยชน์ในแต่ละโรคมะเร็งที่ต่างกัน ซึ่งหากศึกษาได้ไม่ละเอียดถี่ถ้วนมากพอ เมื่อเจ็บป่วยอาจมีปัญหาเรื่องการจ่ายผลประโยชน์ในภายหลัง
      2. ค่าเบี้ยประกันและวงเงินคุ้มครองเหมาะสมรึเปล่า?
        การซื้อประกันทุกชนิด ไม่เพียงประกันมะเร็งเท่านั้น คือการจ่ายเงินเพื่อจำกัดความเสี่ยงในอนาคต ดังนั้นต้องเลือกประกันที่คุ้มค่าและเหมาะสมมากที่สุด โดยต้องประเมินวงเงินคุ้มครองว่า หากเจ็บป่วยขึ้นมา วงเงินที่จะได้รับนั้น เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาลหรือการใช้จ่ายระหว่างการรักษาตัวหรือไม่ เช่น หากต้องการรักษากับโรงพยาบาลเอกชน ก็จะต้องประเมินว่าค่าใช้จ่ายย่อมสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ เพื่อจะได้เลือกแผนประกันที่วงเงินคุ้มครองเหมาะสมที่สุด เป็นต้น
      3. การจ่ายผลประโยชน์ตรงตามความต้องการไหม?
        อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าประกันมะเร็งมี 2 ลักษณะ ซึ่งแต่ละลักษณะก็เหมาะกับความต้องการที่ต่างกัน ในกรณีที่เป็นการคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล อาจเหมาะกับผู้ที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ และต้องการให้ประกันคุ้มครองเฉพาะการรักษาพยาบาลตลอดการรักษา ขณะที่ประกันแบบจ่ายเงินทันทีที่ตรวจพบมะเร็ง อาจเหมาะกับผู้ที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว หรือยังไม่มีประกันสุขภาพก็ได้ แต่ต้องการเงินก้อน เพื่อนำไปใช้ในการรักษาส่วนเกินจากประกันสุขภาพหรือนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เป็นต้น
      4. เบี้ยคงที่ หรือ เบี้ยปรับเพิ่มตามอายุ?
        การชำระค่าเบี้ยประกันจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ เบี้ยประกันคงที่ ไม่ปรับเพิ่มเติมอายุ และเบี้ยที่ปรับเพิ่มตามอายุเป็นขั้นบันได ผู้ที่ต้องการซื้อประกันควรศึกษาอัตราเบี้ยประกันอย่างรอบคอบ เพื่อวางแผนค่าใช้จ่ายและประเมินความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจซื้อ

      ทั้งนี้ ตัวอย่างแผนประกันมะเร็ง เมืองไทย Smile Cancer จากเมืองไทยประกันภัย เป็นหนึ่งในตัวอย่างแผนประกันที่น่าสนใจและตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้



      ข้อโดดเด่นของประกัน เมืองไทย Smile Cancer จากเมืองไทยประกันภัย คือ

      • ทำประกันภัยโดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ
      • บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์เต็มจำนวนทันทีที่ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง
      • เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 1,124 บาท
      • คุ้มครองมะเร็งทุกชนิดทุกระยะ สูงสุด 700,000 บาท
      • คุ้มครองโรคมะเร็งผิวหนัง “เมลลาโนมา” เต็มทุนประกันภัย
      • คุ้มครองโรคมะเร็งผิวหนังชนิดอื่น 20% ของทุนประกันภัย

      โรคมะเร็งไม่ใช่เรื่องไกลตัว ยิ่งไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน ทั้งการทำงานหนัก ความเครียดสะสม มลภาวะเป็นพิษ อาหาร สารเคมีที่ปนเปื้อน ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เรามีโอกาสป่วยเป็นโรคมะเร็งได้ทุกคน ดังนั้นการจำกัดความเสี่ยงด้านภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา ก็จะช่วยคลายความกังวล ให้คุณได้ฟื้นฟูร่างกายได้อย่างเต็มที่และใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีคุณภาพมากที่สุด

      @‌hdcoth line chat