เกี่ยวกับประกันสุขภาพ

ประกันสุขภาพ (Health Insurance) คือประกันที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ และการรักษาอาการเจ็บป่วยตามที่เงื่อนไขของแผนประกันนั้นๆ ระบุไว้ เช่น ได้รับค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุและต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล รวมค่ายา ค่าแพทย์ เป็นต้น

แม้แผนประกันจะมีให้เลือกมากมายหลายแบบ แต่หลักๆ แล้วสามารถแบ่งให้เข้าใจได้ง่ายอยู่ 2 ประเภท ดังนี้

1. ประกันค่ารักษาพยาบาล เป็นแผนประกันสุขภาพที่ได้รับความนิยมสูง โดยจะคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาของคุณเมื่อต้องเข้ารักษาแบบผู้ป่วยในจากอุบัติเหตุต่างๆ แต่ละแผนจะมีรายละเอียดวงเงินให้เลือกหลายแบบ และสามารถเบิกได้ตามค่ารักษาจริงในใบเสร็จ
2. ประกันค่ารักษาโรคร้ายแรง เป็นแผนประกันที่ให้เงินคุ้มครองการรักษาโรคที่เลือกตามเงื่อนไข เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ บางแผนอาจไม่ได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ในโรงพยาบาล หรืออาจให้เงินช่วยเหลือกรณีที่ไม่สามารถกลับมาทำงานในขณะทำการรักษาด้วย

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่เงื่อนไขของแผนประกันที่คุณเลือก ซึ่งอาจมีความแตกต่างจากที่ยกตัวอย่างไว้ข้างต้น

แม้ไม่มีใครอยากเจ็บป่วย หรือเกิดเหตุไม่คาดฝัน อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถวางแผนป้องกันได้อย่าง 100% ด้วยความเครียด มลภาวะ และรูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ก็อาจทำให้เราต้องการการรักษาพยาบาล ณ ช่วงหนึ่งช่วงใดของชีวิต

อย่างที่ทราบกันดีว่าค่ารักษาโรคร้ายแรง หรือโรคเรื้อรังอย่างโรคมะเร็ง โรคหัวใจ อาจใช้ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงถึงหลักแสนขึ้นไปได้ ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนแบบนี้ทำให้หลายคนอาจได้รับผลกระทบเมื่อต้องใช้เงินก้อนในการรักษายามป่วย การประกันสุขภาพจึงเป็นเหมือนการวางแผนรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิดนั่นเอง

ประโยชน์ของประกันสุขภาพ

ประโยชน์หลักๆ ของประกันสุขภาพ อาจแบ่งได้ 3 ข้อหลักๆ ดังนี้

1. ช่วยลดค่ารักษาพยาบาลได้

แผนประกันสุขภาพแต่ละแผน จะกำหนดความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่างกันไปในแต่ละกรณี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแผนประกัน ยกตัวอย่างเช่น กรณีบาดเจ็บจนเสียอวัยวะจากการขับขี่จักรยานยนต์ อาจได้รับเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท แต่หากเป็นการเสียอวัยวะจากกรณีอื่นๆ อาจได้รับเงินคุ้มครองสูงสุด 300,000 บาท ทำให้ผู้บาดเจ็บเสียค่าใช้จ่ายในสัดส่วนที่น้อยลง หรืออาจจ่ายเพียงส่วนต่างที่นอกเหนือจากวงเงินประกันเท่านั้น

2. อาจได้รับความคุ้มครองถึงค่าใช้จ่ายยิบย่อย

เมื่อต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากโรคร้าย อาจต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานขึ้น ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่นๆ นอกเหนือจากค่ารักษา เช่น ค่าห้องพัก ค่าบริการโรงพยาบาล ค่าอาหาร ค่ายา เป็นต้น แผนประกันสุขภาพบางแผนอาจให้ความคุ้มครองถึงค่าใช้จ่ายยิบย่อยนี้ด้วย ช่วยให้คุณคลายความกังวลว่าค่าใช้จ่ายจะบานปลายขณะรับการรักษาอยู่นั่นเอง

3. ช่วยให้มั่นใจในการเข้ารับการรักษามากขึ้น

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าโรคร้ายแรงบางโรค เช่น โรคมะเร็ง มักมีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง หลายคนเมื่อเริ่มรู้สึกถึงอาการบางอย่างของโรคมะเร็ง จึงไม่กล้าไปรับการตรวจวินิจฉัย เนื่องจากกังวลว่าหากเจอแล้วจะเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง กว่าจะตัดสินใจเข้ารับการรักษาก็อาจเป็นมากจนทำให้การรักษายากขึ้น การทำประกันสุขภาพไว้ล่วงหน้าจึงอาจช่วยให้ผู้ถือกรมธรรม์มีความมั่นใจในการเข้ารับการดูแลสุภาพมากขึ้นด้วย

ข้อควรรู้ก่อนเลือกแผนประกันสุขภาพ

ปัจจุบันมีแผนประกันสุขภาพหลายแบบให้เลือก แต่ละแผนก็มีรายละเอียดการครอบคลุมแตกต่างกันไป ทำให้หลายคนสับสนว่าควรทราบข้อมูลส่วนไหนมาประกอบการตัดสินใจบ้าง ต่อไปนี้เป็น 10 ข้อควรรู้ที่ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกแผนประกันได้ดีขึ้น

1. การจ่ายเบี้ยประกันเป็นอย่างไร?

แผนประกันส่วนมากจะต้องจ่ายเบี้ยประกันก่อนที่ความคุ้มครองจะเริ่มต้น ซึ่งอาจมีราคาที่ต่างกันออกไป รวมถึงมีทั้งจ่ายเหมาแบบรายปี จ่ายรายเดือน ควรทำความเข้าใจและชั่งน้ำหนักกับสภาพคล่องของตนเอง เพื่อให้เลือกแผนประกันที่เหมาะสม นอกจากนี้หากเกิดเหตุที่เข้าข่ายที่ประกันสุขภาพคุ้มครอง ควรสอบถามถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าส่วนต่างที่ต้องจ่ายด้วย

2. ควรเลือกแผนประกันที่ไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน

หนึ่งในสิ่งที่ควรทำความเข้าใจคือ การทำประกันสุขภาพเป็นหนึ่งในการวางแผนเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินในอนาคต จึงไม่ควรเลือกแผนประกันสุขภาพที่เบี้ยประกันสูงจนส่งกระทบต่อการเงินในปัจจุบัน

3. สามารถเลือกสถานที่รักษาได้หรือไม่?

ควรสอบถามผู้ให้บริการประกันสุขภาพว่ามีการจำกัดโรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษาหรือไม่ หากมีการจำกัด ควรสอบถามถึงรายชื่อโรงพยาบาลต่างๆ ที่สามารถใช้สิทธิ์ได้ก่อนตัดสินใจทำประกัน

4. หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ต้องทำอย่างไร?

บางแผนประกันสุขภาพอาจกำหนดให้คุณต้องติดต่อ หรือแจ้งสิทธิ์์กับโรงพยาบาลก่อนเข้ารับการรักษา ดังนั้นควรสอบถามรายละเอียดในการรับสิทธิ์หรือแสดงตัวเผื่อไว้สำหรับเหตุฉุกเฉินด้วย

5. เงื่อนไข และข้อยกเว้นต่างๆ ของประกันสุขภาพ

บางแผนประกันสุขภาพอาจปฏิเสธการคุ้มครอง หากผู้ทำประกันหรือคนในครอบครัวมีโรคเรื้อรังอยู่ก่อนซื้อประกันสุขภาพ รวมถึงอาชีพการงานบางอาชีพอาจถูกจำกัด เช่น หากทำอาชีพที่ต้องใกล้ชิดกับกัมมันตภาพรังสี อาจไม่อยู่ในเงื่อนไขการทำประกัน

6. หากเกิดเหตุฉุกเฉินขณะเดินทาง จะได้รับค่าชดเชยอย่างไร?

ควรสอบถามถึงการรับค่าชดเชยกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉินที่เข้าข่ายความคุ้มครองขณะเดินทางอยู่ต่างจังหวัด ต่างประเทศ หรือพื้นที่ห่างไกลอื่นๆ จะมีผลต่อการจ่ายค่าชดเชยอย่างไร

7. ความมั่นคงของบริษัทประกันภัย

บริการประกันสุขภาพเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมาก ดังนั้นควรศึกษาความมั่นคงของบริษัทเบื้องต้นด้วย เนื่องจากบริษัทที่มีความมั่นคงต่ำ อาจมีผลต่อเงื่อนไขของแผนประกัน เช่น มีข้อจำกัดในการชดเชยมาก เป็นต้น

8. เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ต้องสำรองจ่ายก่อนหรือไม่?

บางแผนประกันสุขภาพอาจให้วงเงินคุ้มครองสูงมากถึงหลักล้านก็จริง แต่เมื่อต้องเข้ารับการรักษา ผู้เข้ารับการรักษาอาจต้องสำรองจ่ายด้วยตัวเองก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยนำยอดมาทำเรื่องเบิกกับบริษัทประกัน ผู้ที่เลือกซื้อประกันประเภทนี้จึงต้องวางแผนเก็บเงินสำรองจ่ายในกรณีฉุกเฉินด้วย แม้จะมีกรมธรรม์แล้วก็ตาม

9. ได้รับความคุ้มครองทันทีหลังซื้อเลยหรือไม่?

แม้จะจ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพแล้ว แต่แผนประกันบางแผนอาจเริ่มให้ความคุ้มครองหลังจากนั้น 90-120 วัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท จึงควรสอบถามข้อมูลส่วนนี้เอาไว้ด้วย

10. จำกัดจำนวนครั้งในการรับค่าคุ้มครองหรือไม่?

ควรสอบถามบริษัทประกันว่ามีการจำกัดจำนวนครั้งในการรับความคุ้มครองหรือไม่ เพราะแม้ความคุ้มครองจะเป็นรายปี แต่อาจมีรายละเอียดย่อยลงไปในการรับค่าคุ้มครอง เช่น หลังจากเบิกค่าคุ้มครองความเจ็บป่วยไปรอบหนึ่งแล้ว จะเบิกในวงเงินเต็มได้อีกครั้งหลังจากผ่านไป 1-3 เดือน เป็นต้น