รายละเอียด
ทำไมคนอื่นซื้อแพ็กเกจนี้?
💉 ป้องกันสุขภาพด้วยวัคซีนที่คุณไม่ควรมองข้าม! หากคุณหรือคนที่คุณรักอายุ 65 ปีขึ้นไป การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่, ปอดอักเสบ และงูสวัด เป็นสิ่งที่สำคัญมาก! การป่วยจากโรคเหล่านี้อาจทำให้คุณต้องเผชิญกับความยุ่งยากในการใช้ชีวิต และอาจมีอาการแทรกซ้อนที่ร้ายแรงตามมาได้
🏥 แพ็กเกจวัคซีนที่ครบวงจร ที่ โรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ ประกอบด้วยวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2023 สายพันธุ์ 4 แบบ, วัคซีนปอดอักเสบ IPD 23 สายพันธุ์, และวัคซีนงูสวัด (Sky Zoster) เพียง 1 เข็ม โดยบริการนี้จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้าย
🌟 ทำไมต้องเลือกวัคซีน?
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่
- วัคซีนปอดอักเสบช่วยป้องกันการติดเชื้อรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น
- วัคซีนงูสวัดช่วยลดอาการปวดหลังการติดเชื้อได้ถึง 66.5%
✅ อย่ารอช้า! หากปล่อยให้สุขภาพของคุณอ่อนแอไปเรื่อย ๆ อาจทำให้คุณต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงขึ้นในอนาคต 📉 จองบริการ ผ่าน HDmall.co.th วันนี้เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักมีสุขภาพดีขึ้น!
เริ่มต้นการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้นด้วยการป้องกันที่เหมาะสม!
รายละเอียด
รายละเอียดราคา
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2023 4 สายพันธ์ุ 1 เข็ม + ฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบ IPD 23 สายพันธุ์ 1 เข็ม + ฉีดวัคซีนวัคซีนป้องกันงูสวัด 1 เข็ม (Sky Zoster) สำหรับผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป
- ค่าบริการ
หมายเหตุ
- กรณีพบแพทย์ มีค่าแพทย์เพิ่มเติมเริ่มต้น 500 บาท
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผู้เข้ารับบริการในวันนั้น
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- สงวนสิทธิ์เฉพาะชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในไทย (Expat) โดยชาวต่างชาติต้องใช้พาสปอร์ตเพื่อยืนยันตัวตน
- กรณีซื้อผ่าน HDmall.co.th ในวันที่เข้ารับบริการ ลูกค้าจะได้ใบแจ้งหนี้ (Invoice) เท่านั้น ไม่สามารถออกใบเสร็จได้
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- หากมีอาการป่วยหนัก อาจต้องเลื่อนนัดหมายฉีดวัคซีนออกไปก่อน แต่หากเป็นหวัดเพียงเล็กน้อยและไม่มีไข้ สามารถฉีดวัคซีนได้
- หากมีประวัติการแพ้ยาใด ๆ ต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนฉีดวัคซีน
การดูแลหลังรับบริการ
- หากปวดหรือบวมบริเวณที่ฉีด ให้ประคบด้วยผ้าเย็น
- หากมีไข้ให้รับประทานยาลดไข้ในขนาดที่เหมาะสม
- หากมีอาการรุนแรงหรือเป็นมาก ควรปรึกษาแพทย์ทันทีและแจ้งอาการให้ทราบโดยละเอียด
- หากต้องการฉีดวัคซีนอื่นๆ ควรเว้นระยะอย่างน้อยประมาณ 1 สัปดาห์ระหว่างวัคซีนแต่ละชนิด เพื่อป้องกันอาการเจ็บ การเป็นไข้ และปวดเมื่อยมาก
ก่อนตัดสินใจ
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
- สายพันธุ์ของวัคซีนอาจเปลี่ยนไปในแต่ละปี ตามแต่องค์การอนามัยโลกและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคกำหนด ควรฉีดวัคซีนปีละครั้งเพื่อลดการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้ 100% แต่ผู้ที่รับวัคซีนจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน
ข้อห้ามสำหรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
- เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน
- ผู้มีประวัติแพ้ไก่หรือไข่
- ผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่
- ผู้ที่เพิ่งหายจากอาการเจ็บป่วยเฉียบพลันไม่เกิน 7 วัน
- ผู้ที่ยังควบคุมอาการของโรคประจำตัวไม่ได้ หรือมีอาการกำเริบในช่วงที่เข้ารับการฉีดวัคซีน
สิ่งที่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
- ประวัติการแพ้ยาและอาหาร
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- อาจมีอาการบวม แดง ตุ่มนูนบริเวณที่ฉีด หรือมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อาการจะเกิดขึ้นประมาณ 1-2 วัน และจะหายไปเอง
ข้อมูลทั่วไป
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการ
โรคไข้หวัดใหญ่ (Flu) เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำให้ร่างกายเจ็บป่วยได้ตั้งแต่ระดับความรุนแรงปานกลางจนถึงอันตรายต่อชีวิต เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อผ่านทางระบบทางเดินหายใจ ทั้งทางจมูก ลำคอ และปอด
ภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่
- อาการกำเริบของโรคหอบหืด
- หลอดลมฝอยอักเสบ
- ติดเชื้อในช่องหู
- การทำงานของหัวใจผิดปกติ
- ภาวะปอดบวม
- การติดเชื้อในโพรงจมูก
วัคซีนไข้หวัดใหญ่คืออะไร?
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มีใช้ในประเทศไทยจะผลิตจากเชื้อไวรัสที่ตายแล้ว เป็นวัคซีนสำหรับฉีด ทำขึ้นเพื่อป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ 3-4 สายพันธุ์ ตามที่หน่วยงานด้านการเฝ้าระวังการระบาดของไข้หวัดใหญ่ระดับโลกแนะนำว่าเป็นสายพันธุ์ที่จะมีการระบาดมากที่สุดในปีนั้นๆ
การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่อาจระบาดในฤดูกาลนั้นๆ ได้มากกว่า ทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนมีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยลง
ฉีดวัคซีนอย่างไร?
ส่วนใหญ่จะฉีดที่กล้ามเนื้อต้นแขน แต่ในทารกและเด็กเล็กจะฉีดที่กล้ามเนื้อต้นขา ส่วนการฉีดเข้าใต้ชั้นผิวหนังสามารถทำได้ในผู้ที่มีอายุ 18-64 ปี
สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 8 ขวบ ควรฉีด 2 เข็มในปีแรก โดยเว้นระยะห่างกันครั้งละ 1 เดือน
โรคปอดอักเสบ IPD (Invasive Pneumococcal Disease) หรือโรคติดเชื้อนิวโมคอกคัส (Invasive Pneumococcal Infection) เกิดจากร่างกายติดเชื้อนิวโมคอกคัส ที่สามารถติดต่อระหว่างคนสู่คนได้ง่ายผ่านทางการไอ จาม สัมผัส และทำให้เกิดโรคในหลายส่วนของร่างกายตามมาได้ โดยเฉพาะปอดอักเสบ
หากได้รับเชื้ออาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด หรือลามไปที่สมองจะทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีอายุไม่เกิน 2 ปี และผู้สูงอายุ เนื่องจากภูมิคุ้มกันในร่างกายยังมีไม่เพียงพอ โรคนี้มักแพร่กระจายได้ง่ายในสถานที่ที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่นกว่าปกติ หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก
กลุ่มที่มีความเสี่ยง
- เด็กอายุไม่เกิน 2 ปี และผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีผู้คนหนาแน่นมาก
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคปอดอักเสบลุกลาม
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ตัดม้ามออกแล้ว ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคตับ โรคเบาหวาน โรคปอด น้ำในสมองรั่วและไขสันหลังรั่ว เป็นต้น
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- ผู้ที่ได้รับการฝังเครื่องมือแพทย์ที่หูชั้นใน หรือฝังประสาทหูเทียม
วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ มีกี่แบบ?
วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ แบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่
- ชนิดคอนจูเกต (PCV) สำหรับใช้ในเด็กอายุตั้งแต่ 6 สัปดาห์-5 ปี และผู้ใหญ่อายุมากกว่า 50 ปี มีทั้งแบบ 10 สายพันธุ์ (PCV-10) และ 13 สายพันธุ์ (PCV-13) วัคซีนชนิดนี้สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี ป้องกันได้ทั้งโรคปอดอักเสบ และการติดเชื้อในกระแสเลือด
- ชนิดโพลีแซคคาไรด์ (PPSV) สำหรับฉีดในเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป และใช้ฉีดสำหรับผู้ใหญ่ สามารถป้องกันเชื้อได้มากถึง 23 สายพันธุ์ (PPSV-23) วัคซีนชนิดนี้กระตุ้นภูมิคุ้มกันไม่ดีเท่าชนิดคอนจูเกต แต่เน้นการป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือด
ตารางเวลาการให้วัคซีน
วัคซีน IPD แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ สำหรับผู้ใหญ่และสำหรับเด็ก ดังนี้
วัคซีนสำหรับเด็ก
- กรณีเริ่มฉีดตั้งแต่อายุ 2 เดือน จะฉีดวัคซีนชนิด PCV ทั้งหมด 4 เข็ม เมื่ออายุ 2, 4, 6 เดือน และเข็มสุดท้ายฉีดกระตุ้นเมื่ออายุ 12-15 เดือน
- กรณีเริ่มฉีดหลังจากอายุ 2 เดือน ถึง 6 เดือน จะฉีด 4 เข็มเช่นกัน โดย 3 เข็มแรกแต่ละเข็มห่างกัน 6-8 สัปดาห์ และเข็มสุดท้ายฉีดกระตุ้นเมื่ออายุ 12-15 เดือน
- กรณีเริ่มฉีดหลังอายุ 6 เดือน แต่ไม่ถึง 1 ปี จะฉีด 3 เข็ม โดย 2 เข็มแรกห่างกัน 2 เดือน และเข็มสุดท้ายฉีดกระตุ้นเมื่ออายุ 12-15 เดือน
- เด็กอายุ 1-5 ปี จะฉีด 2 เข็ม โดยแต่ละเข็มห่างกัน 2 เดือน
- เด็กที่อายุ 5-18 ปี ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่จำเป็นต้องฉีดแม้จะไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน เพราะภูมิคุ้มกันในร่างกายสามารถป้องกันเชื้อได้แล้ว
วัคซีนสำหรับผู้ใหญ่
- ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป ควรฉีดวัคซีนชนิด PPSV ทุกๆ 5 ปี
- ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป หากไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคนี้มาก่อน แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนชนิด PCV เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันก่อน แล้วตามด้วย PPSV เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อก่อโรคให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยฉีดห่างกัน 12 เดือน
- ผู้ที่อยู่ระหว่างอายุ 19-64 ปี และมีสุขภาพแข็งแรง ไม่จำเป็นต้องฉีด เพราะภูมิคุ้มกันในร่างกายสามารถป้องกันเชื้อได้
ฉีดวัคซีนป้องกันโรคได้ 100% หรือไม่?
การฉีดวัคซีนนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อนิวโมคอกคัสบางสายพันธุ์เท่านั้น จึงไม่สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ 100% และไม่สามารถป้องกันโรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสหรือเชื้อรา แต่การฉีดวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคที่เกิดจากเชื้อนิวโมคอกคัสลง
หมายเหตุ
- การฉีดวัคซีนป้องกัน IPD จะฉีดเข้ากล้ามเนื้อ โดยอาการข้างเคียงส่วนใหญ่เป็นอาการเฉพาะที่ เช่น ปวดบวมบริเวณที่ฉีด มักไม่รุนแรงและหายได้เองภายใน 2-3 วัน
- การรับบริการขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์
โรคงูสวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับอีสุกอีใส หลังหายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว เชื้อจะยังฝังตัวอยู่ในปมประสาท เมื่อร่างกายอ่อนแอ มีภูมิคุ้มกันต่ำ เชื้อไวรัสจะไปตามเส้นประสาทจนถึงผิวหนัง เกิดอาการปวดปลายประสาทบริเวณที่เป็นผื่น ถึงผื่นจะหายแต่อาการปวดยังอยู่ และอาจปวดมาก มีไข้ ปวดศีรษะ หรือการมองเห็นผิดเพี้ยนร่วมด้วย
งูสวัดเป็นโรคติดต่อทางการสัมผัส เชื้อไวรัสในแผลที่มีตุ่มน้ำใสสามารถแพร่ไปถึงคนอื่นได้ ทั้งยังเกิดได้ในทุกช่วงวัย สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการทำให้ร่างกายแข็งแรงเสมอ
วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด
ในประเทศไทยมีวัคซีนป้องการโรคงูสวัดเพียงชนิดเดียว คือ วัคซีนที่เตรียมจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ ชนิดที่เชื้อถูกทำให้อ่อนแรงลง
ฉีดวัคซีนกี่เข็ม?
ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง 1 ครั้ง โดยภูมิคุ้มกันจะขึ้นเต็มที่หลังฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 4 สัปดาห์ สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ 69.8% และป้องกันการเกิดอาการแทรกซ้อนคือ อาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัดได้ 66.5%
หมายเหตุ
- ผู้หญิงที่รับวัคซีนต้องคุมกำเนิดอย่างน้อย 1 เดือนหลังฉีดวัคซีน
- วัคซีนป้องกันงูสวัดไม่ได้มีไว้เพื่อป้องกันโรคอีสุกอีใส
- ผู้รับวัคซีนที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับวัคซีน
- หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์
โรงพยาบาลและคลินิกอื่น ที่ให้บริการ ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ โรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ ผ่าน HDmall
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 1-3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 60 วัน)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่โรงพยาบาลได้โดยตรง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ โรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th