การฝังแท่งคุมกำเนิด จะใช้หลอดยายาวประมาณ 3 ซม. ซึ่งบรรจุฮอร์โมนกลุ่มโปรเจสติน มาฝังไว้บริเวณท้องแขน ช่วยคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของยา
รายละเอียด
ทำไมคนอื่นซื้อแพ็กเกจนี้?
🌸 ควบคุมอนาคตของคุณด้วยการฝังยาคุมกำเนิด! คุณเคยรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ที่ไม่ตั้งใจหรือไม่? การควบคุมอนาคตของคุณเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อคุณมีแผนในชีวิตที่ต้องการความมั่นคง! บริการฝังยาคุมกำเนิดชนิด 3 ปี ที่ คลินิกหมอถิรนัน จะช่วยให้คุณปล่อยวางความกังวลเหล่านั้น
🏥 ทำไมต้องเลือกการฝังยาคุมกำเนิด?
- ประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์ มีอัตราความล้มเหลวต่ำสุดเพียง 0.1%
- สะดวกสบาย ใช้เวลาเพียง 20-30 นาที และสามารถควบคุมได้ยาวนานถึง 3 ปี
- ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนและเสี่ยงต่อมะเร็งได้
💡 คุณเหมาะสมกับบริการนี้หรือไม่?
- หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ที่ไม่ตั้งใจ
- หากคุณต้องการวิธีคุมกำเนิดที่ยาวนานและมีประสิทธิภาพ
- หากคุณต้องการลดอาการปวดประจำเดือน
อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องอนาคตมารบกวนคุณ! จองบริการฝังยาคุมกำเนิด ได้ง่าย ๆ ผ่าน HDmall.co.th และเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงที่คุณต้องการในชีวิตได้แล้ววันนี้ 📅
ควบคุมอนาคตของคุณ เริ่มต้นที่นี่!
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าฝังยาคุมกำเนิดชนิด 3 ปี สำหรับผู้หญิง
- ค่าแพทย์
- ค่าบริการโรงพยาบาล
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 20-30 นาที ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผู้เข้ารับบริการ
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- ชาวต่างชาติสามารถเข้ารับบริการได้
- บริการนี้ทำโดยสูตินรีแพทย์
- ฝังบริเวณต้นแขนด้านใน
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- ควรทำภายใน 5 วันแรก หลังมีประจำเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์
- หากมีโรคประจำตัว หรือรับประทานยาชนิดใดเป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
การดูแลหลังรับบริการ
- หลังฝังแท่งคุมกำเนิดครบ 24 ชั่วโมง สามารถนำผ้าพันแผลออกเองได้ โดยใช้พลาสเตอร์ปิดแผลไว้ 3-5 วัน
- ระวังไม่ให้แผลถูกน้ำเป็นเวลา 7 วัน
- ควรงดมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 7 วันแรก หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยคุมกำเนิดไปก่อน
- ห้ามยกของหรือออกกำลังกายหนัก และระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระแทกบริเวณที่ฝังยาคุมกำเนิด
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีอาการคล้ายตั้งครรภ์ แผลมีเลือด มีน้ำเหลือง มีหนอง บวมแดง ฯลฯ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
- หลังฝังแท่งคุมกำเนิด ควรระมัดระวังในการใช้ยา เพราะยาบางชนิดมีผลต่อแท่งคุมกำเนิด เช่น ยารักษาโรคเอดส์ (HIV) ยารักษาโรคลมชัก (Epilepsy) รวมทั้งยาปฏิชีวนะบางชนิด ดังนั้นก่อนใช้ยาชนิดใด ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
ก่อนตัดสินใจ
- การฝังแท่งคุมกำเนิด จะต้องงดใช้ยาบางชนิดที่มีผลต่อแท่งคุมกำเนิด ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ เช่น ยาไรฟาบิวติน (Rifabutin) หรือยาไรแฟมพิซิน (Rifampicin) ยารักษาโรคเอดส์ (HIV) ยารักษาโรคลมชัก (Epilepsy) แต่หากจำเป็นต้องใช้ยาเหล่านี้ช่วงระยะสั้น ควรใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นเพิ่มเติม ในระหว่างหรือหลังจาก 28 วันที่ใช้ยาข้างต้น แต่หากต้องใช้ยาเหล่านี้ในระยะยาว ควรเลือกวิธีการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นๆ แทนการฝังแท่งคุมกำเนิด
- ขณะฝังแท่งคุมกำเนิด ควรรับประทานแคลเซียมให้เพียงพอ เพราะการใช้ยาเป็นเวลานานอาจทำให้ความหนาแน่นของแร่ธาตุในกระดูกลดลงเล็กน้อย แต่จะกลับเป็นปกติได้เมื่อหยุดใช้ยา
ข้อห้ามสำหรับฝังแท่งคุมกำเนิด
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่ากำลังจะตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีประวัติหรือกำลังป่วยเป็นมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์ หรือมะเร็งเต้านม
- ผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการทำงานของตับ เช่น เป็นโรคตับ ตับแข็ง ตับอักเสบ มีเนื้องอกในตับ
- ผู้ที่มีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือนหรือหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือมีเลือดออกจากช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบการแข็งตัวของเลือด มีภาวะเลือดออกง่ายและหยุดยาก
- ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแดง (Arterial Disease) มีประวัติเป็นโรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง
- ผู้ที่มีเนื้องอกชนิดไวต่อฮออร์โมนโปรเจสเตอโรน หรือฮอร์โมนที่มีฤทธิ์คล้ายโปรเจสเตอโรน
- ผู้ที่มีการอักเสบของหลอดเลือดดำร่วมกับมีลิ่มเลือด (Thrombophlebitis) หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับลิ่มเลือดหลุดอุดหลอดเลือด (Thromboembolic Disorders)
ผลข้างเคียงของการฝังแท่งคุมกำเนิด
ผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก และมักหายไปภายใน 2-3 เดือนแรก
- อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ มามาก มาน้อย หรือไม่มาเลยได้
- อาจเกิดการอักเสบที่แผลฝังยาคุมกำเนิด หรือมีรอยแผลเป็นได้
- อาจมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น มีอาการบวมน้ำ ปวดศีรษะ เจ็บเต้านม ปวดท้อง คลื่นไส้ ผมอาจบางลง
- อาจทำให้เป็นสิว ขนดก ความต้องการทางเพศลดลง
- อาจมีอารมณ์แปรปรวน หรือ มีภาวะซึมเศร้า
- หากเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น อาจมีโอกาสการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้มากกว่าปกติ
- หากฝังแท่งยาตื้นเกินไป อาจทำให้รู้สึกเจ็บ รบกวนการรับความรู้สึกที่ผิวหนังบริเวณที่ฝังแท่งยาและเกิดผิวหนังอักเสบโดยไม่มีการติดเชื้อ
- หากฝังแท่งยาใต้ผิวหนังลึกไป จะเสี่ยงต่อการเคลื่อนที่ของแท่งยา ทำให้ตัวยาปล่อยสู่กระแสเลือดมากขึ้น และยังเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายจากแท่งยาได้อีกด้วย
- หากฝังแท่งยาไม่ถูกต้อง อาจเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดและเส้นประสาท
- หากใช้เป็นเวลานานอาจทำให้ความหนาแน่นแร่ธาตุในกระดูก (Bone Mineral Density) ลดลงเล็กน้อย แต่ไม่เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคกระดูกพรุนหรือกระดูกหัก
- หากฝังไม่ถูกวิธี อาจเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดและเส้นประสาทได้
ข้อมูลทั่วไป
การฝังแท่งคุมกำเนิด เป็นวิธีคุมกำเนิดแบบชั่วคราวที่มีประสิทธิภาพสูง โดยจะใช้การฝังหลอดยาไว้ใต้ผิวหนัง ซึ่งภายในบรรจุฮอร์โมนในกลุ่มโปรเจสติน (Progestin) ซึ่งจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้เป็นเวลา 3 หรือ 5 ปี ตามชนิดของยา
ยาฝังคุมกำเนิดที่นิยมใช้ในปัจจุบันจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ
- Implanon® ชนิดฝัง 1 แท่ง จะเป็นฮอร์โมน Etonogestrel 68 มิลลิกรัม คุมกำเนิดได้ 3 ปี
- Jadelle® ชนิดฝัง 2 แท่ง จะเป็นฮอร์โมน Levonorgestrel 75 มิลลิกรัม คุมกำเนิดได้ 5 ปี
แท่งคุมกำเนิดทำงานอย่างไร?
การฝังแท่งคุมกำเนิด จะใช้หลอดยาหรือแท่งพลาสติก ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ซึ่งบรรจุฮอร์โมนในกลุ่มโปรเจสตินไว้ นำมาฝังที่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขนด้านใน โดยมีขนาดแผลเพียง 0.3 เซนติเมตรเท่านั้น และใช้เวลาในการฝังยาเพียงประมาณ 2 นาทีโดยการทำงานของแท่งคุมกำเนิดมีดังนี้
- ฮอร์โมนโปรเจสตินจะค่อยๆ ซึมออกมาจากแท่งยา มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของไข่ ทำให้ไข่ไม่ตก
- ฮอร์โมนโปรเจสติน จะทำให้เมือกที่ปากมดลูกเหนียวข้น มีปริมาณน้อย ทำให้อสุจิว่ายผ่านเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ยาก
- ทำให้เยื่อบุผนังมดลูกบาง ไม่เหมาะสมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งทำให้ไข่ที่ถูกผสมแล้วไม่สามารถเกาะที่ผนังมดลูกได้ดี จึงช่วยลดโอกาสเกิดการผสมกับไข่ได้อีกทางหนึ่ง
ข้อดีของการฝังแท่งคุมกำเนิด
- ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง มีอัตราความล้มเหลวไม่เกิน 0.1%
- ประหยัด และสะดวก ฝังครั้งเดียวสามารถคุมกำเนิดได้นาน 3 หรือ 5 ปี ตามชนิดของยา
- หลังจากหยุดใช้ สามารถมีบุตรได้เร็วกว่าการฉีดยาคุม เนื่องจากฮอร์โมนกระจายออกในปริมาณน้อยและไม่สะสมในร่างกาย
- มีส่วนช่วยลดอาการปวดประจำเดือน และลดภาวะประจำเดือนมามาก
- ลดโอกาสการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก โรคมะเร็งรังไข่ และภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน เพราะยาฝังคุมกำเนิด จะทำให้เมือกที่คอมดลูกข้นขึ้น จึงช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเข้าไปสู่มดลูกได้
- หลังจากที่แท้งบุตร คลอดบุตร หรือระหว่างที่ให้นมบุตร สามารถฝังยาคุมกำเนิดได้ทันทีและไม่เป็นอันตราย
- ผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาประเภทเอสโตรเจน หรือผู้ที่น้ำหนักมาก สามารถใช้ได้ แต่ประสิทธิภาพอาจลดลง
ข้อจำกัดในการฝังแท่งคุมกำเนิด
- ไม่สามารถเริ่มใช้หรือหยุดใช้ด้วยตนเอง และไม่สามารถฝังหรือถอดโดยแพทย์ทั่วไปได้ ต้องเป็นบุคลากรทางการแพทย์ผู้มีความชํานาญเท่านั้น
- ในปีแรกอาจมีผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ (Sexually Transmitted Infection) ซึ่งต่างจากการใช้ถุงยางอนามัยที่ช่วยป้องกันได้
- อาจพบปัญหาและภาวะแทรกซ้อนได้ แต่ไม่บ่อย เช่น พบก้อนเลือดคั่งบริเวณที่กรีดผิวหนัง เกิดการติดเชื้อ เจ็บ คัน ระคายผิวและมีรอยช้ำบริเวณที่ฝังยา มีแผลเป็น ผิวหนังฝ่อ เกิดพังผืดรอบแท่งยา เป็นต้น
- อาจมีผลไม่พึงประสงค์ เช่น ประจําเดือนมาผิดปกติ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปวดท้อง อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า รบกวนความรู้สึกทางเพศ เจ็บคัดเต้านม ช่องคลอดอักเสบและแห้ง เกิดฝ้า สิว บวมน้ำ น้ำหนักขึ้น
โรงพยาบาลและคลินิกอื่น ที่ให้บริการ ฉีดยาคุม ทำหมันชาย ทำหมันหญิง ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ คลินิกหมอถิรนัน ผ่าน HDmall
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 1-3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 60 วัน)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่คลินิกได้โดยตรง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ คลินิกหมอถิรนัน อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th