เป็นการตรวจประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรูปร่างของหัวใจ การทำงานของหัวใจและลิ้นหัวใจ
แพ็กเกจอื่นที่คุณอาจสนใจ
รายละเอียด
ทำไมคนอื่นซื้อแพ็กเกจนี้?
🌟 ตรวจสุขภาพเพื่อชีวิตที่สดใสกว่า! คุณผู้หญิงที่อายุ 40-49 ปี เคยรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองไหม? สัญญาณเล็กๆ เช่น อ่อนเพลีย บวม หรือการเปลี่ยนแปลงในร่างกายอาจไม่ควรมองข้าม! โปรแกรมตรวจสุขภาพตามช่วงอายุ 41 รายการ ที่โรงพยาบาลพญาไท 3 จึงถูกออกแบบมาเพื่อคุณ!
🏥 โปรแกรมที่ครอบคลุม ครอบคลุมการตรวจสุขภาพที่สำคัญ เช่น การตรวจคลื่นเสียงหัวใจ (ECHO) การตรวจเลือด และการตรวจอัลตราซาวด์ ทั้งยังมีการพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสุขภาพของคุณอย่างละเอียด โปรแกรมนี้จะช่วยให้คุณสามารถตรวจจับปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนที่จะสายเกินไป!
💡 ทำไมต้องตรวจสุขภาพ?
- ช่วยตรวจหาโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจ
- ลดความเสี่ยงจากโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
- วางแผนการรักษาและดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น
⏰ อย่ารอช้า! ทุกวันล่าช้าคือโอกาสที่ปัญหาสุขภาพของคุณจะรุนแรงขึ้น หากคุณต้องการชีวิตที่มีคุณภาพและสุขภาพที่ดีขึ้น จองโปรแกรมตรวจสุขภาพกับเราที่ HDmall.co.th ได้เลยวันนี้! 📅
เริ่มต้นการดูแลสุขภาพของคุณที่นี่ แล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้นในทุกๆ วัน!
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าโปรแกรมตรวจสุขภาพตามช่วงอายุ 41 รายการ รวมตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (ECHO) สำหรับผู้หญิงอายุ 40-49 ปี มีรายการตรวจดังนี้
- ตรวจสุขภาพโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ (Physical Examination)
- วัดความดันโลหิต ชีพจร ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง (Vital Signs)
- เอกซเรย์ปอด (Chest X-ray)
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiography: EKG)
- ตรวจคลื่นเสียงหัวใจ (Echocardiography)
- ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องทั้งหมด (Ultrasound Whole Abdomen)
- ตรวจเอกซเรย์ และอัลตราซาวด์เต้านมด้วยเครื่องดิจิทัล (Digital Mammography)
- พบแพทย์เฉพาะทางรักษ์เต้านม (Breast Physical Examination)
- ตรวจมะเร็งปากมดลูกและตรวจภายในสตรี (PV & ThinPrep PAP Test)
- พบแพทย์เฉพาะทางสูตินรีเวช (Physical Examination by OB-GYN)
- ตรวจปัสสาวะ (Urine Examination: UA)
- ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count: CBC)
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting Blood Sugar: FBS)
- ตรวจติดตามควบคุมเบาหวาน (HbA1c)
- ตรวจการทำงานของไต (Creatinine)
- ตรวจการทำงานของไต (BUN)
- ตรวจเพื่อดูการทำงานของตับ (SGOT)
- ตรวจเพื่อดูการทำงานของตับ (SGPT)
- ตรวจเพื่อดูการทำงานของตับ (Alk Phosphatase)
- ตรวจเพื่อดูการทำงานของตับ (Total Protain)
- ตรวจเพื่อดูการทำงานของตับ (Albumin)
- ตรวจเพื่อดูการทำงานของตับ (Total Bilirubin)
- ตรวจเพื่อดูการทำงานของตับ (Direct Bilirubin)
- ตรวจเพื่อดูการทำงานของตับ (Gamma GT: GGT)
- ตรวจเพื่อดูการทำงานของตับอ่อน (Amlase (P-Amylase))
- ตรวจปริมาณไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด (Total Cholesterol)
- ตรวจปริมาณไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด (Triglyceride)
- ตรวจปริมาณไขมันดีในเลือด (HDL-Cholesterol)
- ตรวจปริมาณไขมันไม่ดีในเลือด (LDL-Cholesterol)
- ตรวจระดับกรดยูริก (Uric Acid)
- ตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ (Thyroid Stimulating Hormone: TSH)
- ตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ (FT3)
- ตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ (FT4)
- ตรวจระดับฮอร์โมนต้านความเครียด (DHEAs)
- ตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งตับ (Alpha Fetoprotein: AFP)
- ตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งทางเดินอาหาร (CEA)
- ตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งตับอ่อน (CA19-9)
- ตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งรังไข่ (CA125)
- ตรวจระดับวิตามินดี (Vitamin D)
- ตรวจอุจจาระ (Stool Examination)
- ตรวจอุจจาระ (Occult Blood)
- ค่าแพทย์
- ค่าบริการโรงพยาบาล
- สมุดรายงานการตรวจสุขภาพ
- คูปองอาหารว่าง
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ ตรวจสุขภาพผู้หญิง
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 3-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผู้รับบริการ
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 1-2 วัน
- งดเครื่องดื่มและงดอาหาร อย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง สามารถดื่มน้ำเปล่าได้
- เหมาะสำหรับผู้หญิงที่อายุ 40-49 ปี
- ระยะเวลารอผลตรวจประมาณ 3-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผู้รับบริการ
- แนะนำให้ผู้รับบริการรอฟังผลตรวจเพื่อความถูกต้อง และเพื่อการวางแผนดูแลสุขภาพ กรณีไม่สะดวกรอผลตรวจแนะนำให้คนไข้ดูผ่าน APPLICATION HEALTH UP
- สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย สามารถซื้อแพ็กเกจในราคาคนไทยได้ก็ต่อเมื่อมีคุณสมบัติอย่างน้อย 1 ข้อดังต่อไปนี้
- เป็นผู้ที่ทำงานในประเทศไทย โดยสามารถแสดงรับสิทธิ์ด้วยการแสดงใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)
- เป็นผู้ที่ศึกษาในประเทศไทย
- เป็นผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทย
- เป็นผู้มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู)
- เป็นผู้มีคู่สมรสเป็นชาวไทย
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- งดชาและกาแฟ รวมถึงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนประมาณ 8 ชั่วโมงก่อนรับบริการ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
- ควรสวมเสื้อผ้าหลวมๆ สบายตัว เพื่อความสะดวกในการตรวจ ควรเป็นเสื้อผ้าแบบชุดคนละท่อน และไม่สวมเสื้อชั้นในแบบเต็มตัว
- สำหรับผู้หญิง หากกำลังตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อนตรวจ
- งดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากก่อนการตรวจ เช่น การออกกำลังกาย
- หากเป็นยาที่จำเป็นต้องรับประทานเป็นประจำ เช่น ยารักษาโรคจิตเวช หรือยารักษาโรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนงดรับประทานยาทุกครั้ง
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยา หรืออาหารเสริมที่กำลังรับประทานก่อนเข้ารับการตรวจ และควรนำยามาให้แพทย์ดูด้วย
การดูแลหลังรับบริการ
- สามารถรับประทานอาหาร ยา และทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ เว้นแต่แพทย์จะสั่งห้าม
- หากมีการใช้ยาชาในการตรวจ ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ร้อนจัด หรือเย็นจัด จนกว่าฤทธิ์ยาจะหมด
- หากเป็นการตรวจแบบ Transesophageal Echocardiogram จะไม่สามารถขับขี่ยานพาหนะได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการทดสอบเนื่องจากฤทธิ์ของยาระงับประสาทยังไม่หมด
ก่อนตัดสินใจ
- โรคหรืออาการบางอย่างอาจตรวจไม่พบจากการตรวจสุขภาพทั่วไป หากมีความกังวลด้านใดเป็นพิเศษ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่หรือแพทย์ทราบก่อน แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมโดยใช้วิธีหรือเครื่องมือเฉพาะ
- หากมีโรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำ หรือมีประวัติสุขภาพอื่นๆ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่หรือแพทย์ทราบด้วย
- หากผลการตรวจสุขภาพ ไม่บ่งชี้สัญญาณความผิดปกติใดๆ ก็ควรดูแลสุขภาพให้ดีตามปกติ เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารหลากหลาย ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ
สิ่งที่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
- มีประวัติเคยได้รับการฉายแสงที่บริเวณลำคอ หรือหน้าอก
- เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดอาหารต่างๆ เช่น โรคหลอดอาหารตีบ โรคหลอดอาหารเป็นแผลรุนแรง
- เป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องกับกระดูกสันหลังบริเวณคอ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การตรวจ Echocardiogram เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่หากมีภาวะข้างต้น ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงจากการตรวจบางประเภทได้ ดังนี้
- Stress Echocardiogram ส่งผลให้รู้สึกคลื่นไส้ เวียนศีรษะ และอาจมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วยระหว่างออกกำลังกาย ทั้งยังมีโอกาสเล็กน้อยที่การทดสอบจะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด
- Transesophageal Echocardiogram อาจทำให้ลำคอระคายเคือง และปวดเล็กน้อยในช่วงไม่กี่ชั่วโมงหลังการตรวจ และแท่งตรวจอาจกระทบกระเทือนภายในลำคอ
ข้อมูลทั่วไป
การตรวจสุขภาพ เป็นการตรวจคัดกรองโรคเบื้องต้น ในผู้ที่ยังไม่มีอาการผิดปกติใดๆ หรือเริ่มพบสัญญาณความผิดปกติเกิดขึ้น เพื่อประเมินความเสี่ยงหรือค้นหาโรคที่อาจยังไม่ปรากฏอาการแน่ชัด เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน เป็นต้น
การพบโรคแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความรุนแรง เพิ่มโอกาสในการรักษา และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระยะยาวได้
เริ่มตรวจสุขภาพได้ตั้งแต่อายุเท่าไร?
สำหรับบุคคลทั่วไปสามารถเริ่มตรวจสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป แต่หากมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น มีภาวะน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน บุคคลในครอบครัวมีโรคประจำตัวที่อาจถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือมีอาการผิดปกติใดๆ ในร่างกาย อาจเริ่มตรวจสุขภาพหลังจากอายุ 15 ปีก็ได้เช่นกัน
หมายเหตุ
- โปรแกรมตรวจสุขภาพแต่ละโปรแกรม มีรายการตรวจที่แตกต่างกัน ซึ่งเหมาะกับช่วงวัย เพศ หรือประวัติสุขภาพที่แตกต่างกัน ควรศึกษาข้อมูลโดยละเอียด เพื่อเลือกโปรแกรมตรวจสุขภาพที่เหมาะสมที่สุด
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง หรือ เอ็กโคคาร์ดีโอแกรม (Echocardiogram) หรือที่นิยมเรียกสั้นๆ ว่า ตรวจเอ็กโค (Echo) เป็นการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงที่หัวใจและแสดงการเต้นของหัวใจ
กระบวนการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง แพทย์จะส่งคลื่นเสียงที่ปลอดภัยเข้าไปในทรวงอก และรับเสียงที่สะท้อนออกมาไปแปลเป็นภาพให้เห็นบนจอ ซึ่งจะแสดงถึงรูปร่าง ขนาด และการทำงาน ของกล้ามเนื้อหัวใจและลิ้นหัวใจว่าปกติหรือไม่
ประเภทของการตรวจ Echocardiogram
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูงผ่านทางผนังหน้าอก (Transthoracic Echocardiogram) เป็นการตรวจที่เป็นมาตรฐาน และจะใช้หัวตรวจเคลื่อนที่ไปทั่วๆ ผนังหน้าอกเพื่อให้เห็นภาพของหัวใจ
- การตรวจคลื่นสะท้อนหัวใจผ่านทางหลอดอาหาร (Transesophageal Echocardiogram) การตรวจนี้จะใส่ท่อขนาดเล็กที่มีหัวตรวจอยู่ภายในเข้าไปทางคอหอยและหลอดอาหาร ทำให้ได้ภาพของหัวใจที่ชัดมากขึ้น โดยเฉพาะผนังด้านหลังของหัวใจ
- การตรวจคลื่นสะท้อนหัวใจระหว่างออกกำลังกาย (Stress Echocardiogram) เป็นการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงก่อนและหลังจากการเดินสายพานหรือการปั่นจักรยาน ช่วยให้สามารถระบุปัญหาที่เกิดขึ้นกับเส้นเลือดที่เลี้ยงหัวใจได้
โรงพยาบาลและคลินิกอื่น ที่รับ ตรวจสุขภาพ ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ โรงพยาบาลพญาไท 3 ผ่าน HDmall
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 1-3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 60 วัน)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่โรงพยาบาลได้โดยตรง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ โรงพยาบาลพญาไท 3 อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th