มีการตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด และให้คำปรึกษาโดยแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย
รายละเอียด
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย
- ค่าซักประวัติ และตรวจร่างกาย (Physical Examination)
- ค่าวัดสัดส่วนองค์ประกอบของร่างกาย Body Composition Analysis
- ค่าตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง 216 รายการ (IgG)
- ค่าตรวจระดับวิตามินดี 3 (Vitamin D3 Level)
- ค่าตรวจระดับฮอร์โมนตั้งต้น DHEAs (Pro Hormone)
- ค่าตรวจระดับกรดอะมิโนโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine)
- ค่าตรวจระดับแร่ธาตุซิงค์ (Zinc)
- ค่าตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC Complete Blood count)
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลาเจาะเลือดประมาณ 10-20 นาที
- ระยะเวลารอผลการตรวจประมาณ 7-10 วัน
- แพทย์จะนัดเข้าพบอีกครั้งหลังจากผลตรวจออก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ควรสวมเสื้อที่ถอดง่าย สะดวกต่อการเจาะเลือดที่ข้อพับแขน
- หากมีผลตรวจสุขภาพครั้งล่าสุดให้นำมาด้วย
- หากมียา วิตามิน หรือสมุนไพร ที่รับประทานเป็นประจำ ควรนำมาด้วยหรือจดบันทึก/ถ่ายรูปฉลากมาแทนได้
- ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร
- ไม่จำเป็นต้องงดยาแก้แพ้จำพวกแอนตี้ฮิสทามีน (Antihistamine) ก่อนการตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง
การดูแลหลังรับบริการ
- ควรปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะการรับประทานอาหารและโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารที่อยู่ในกลุ่มสีแดง และสีส้ม เพื่อลดความอักเสบในร่างกาย
ก่อนตัดสินใจ
การตรวจระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ผู้ที่ควรใส่ใจเรื่องการปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่ท้องเสีย/ท้องผูกเป็นประจำ หรือมีภาวะลำไส้แปรปรวน
- ผู้ที่อาจมีภาวะภูมิแพ้อาหารแฝง เช่น รับประทานอาหารแล้วท้องอืด อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย สิวขึ้น มีผื่นแพ้ไม่ทราบสาเหตุ ปวดหัว มีอาการบวมน้ำ เป็นต้น
- มีความเครียดเป็นประจำ
- นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
- ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือรับประทานอาหารไม่ถูกสัดส่วน ไม่รับประทานผักผลไม้
การตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง
- หากเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง สามารถเข้ารับบริการได้เลย
- หากเป็นผู้ที่มีอาการแพ้และรับประทานยาแก้แพ้หรือสเตียรอยด์อยู่ ควรพบแพทย์เพื่อประเมินความจำเป็นในการหยุดยา ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการแพ้ในแต่ละคน
- ผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรังจะมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อหยุดอาหารที่ร่างกายต่อต้านไประยะหนึ่ง
ฃผู้ที่ควรใส่ใจเรื่องการปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่ท้องเสีย/ท้องผูกเป็นประจำ หรือมีภาวะลำไส้แปรปรวน
- ผู้ที่อาจมีภาวะภูมิแพ้อาหารแฝง เช่น รับประทานอาหารแล้วท้องอืด อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย สิวขึ้น มีผื่นแพ้ไม่ทราบสาเหตุ ปวดหัว มีอาการบวมน้ำ เป็นต้น
- มีความเครียดเป็นประจำ
- นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
- ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือรับประทานอาหารไม่ถูกสัดส่วน ไม่รับประทานผักผลไม้
ข้อมูลทั่วไป
การตรวจระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) มีหน้าที่สำคัญในการป้องกันและทำลายเชื้อโรค รวมถึงสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย และกำจัดเซลล์ปกติที่เสื่อมสภาพหรือเซลล์กลายพันธ์ุที่อาจก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็งออกจากร่างกาย
การรักษาสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากภูมิคุ้มกันมีมากหรือน้อยเกินไป จะทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ภูมิแพ้อาหาร หรือภูมิแพ้อากาศ ที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้มากเกินไป
ปัจจัยที่มีผลต่อสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะมีความปกติหรือมีความสมดุล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- สุขภาพของลำไส้ แม้จะดูไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ลำไส้มีส่วนสำคัญโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกัน หากมีการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ลำไส้ผิดปกติไป ก็จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเสียสมดุลได้ เช่น
- จุลินทรีย์ในสำไส้ไม่สมดุล
- เกิดภาวะภูมิแพ้อาหารแฝง
- ความเครียด เมื่อร่างกายมีความเครียด จะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนบางชนิด ที่ส่งผลยับยั้งการทำงานระบบภูมิคุ้มกัน
- การนอนหลับ ขณะหลับร่างกายจะหลั่งสารที่ตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอม เชื้อโรค และการอักเสบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองในระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นภูมิคุ้มกันจึงทำงานลดลงหากพักผ่อนไม่เพียงพอ
- สารอาหารที่ได้รับ สารอาหารประเภทโปรตีน รวมถึงวิตามินหลายชนิด มีความจำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน หากร่างกายได้รับสารอาหารเหล่านี้ไม่พอ ก็จะทำภูมิคุ้มกันบกพร่องได้
แนวทางการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
- รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพื้นฐานในแต่ละช่วงวัย
- รักษาสุขอนามัย หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และออกกำลังกายเป็นประจำ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในการช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินซี อี หรือบี เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ทำให้เกิดอาการแพ้อาหาร หรือแพ้อาหารแฝง
- ลดความเครียด เพราะความเครียดจะส่งผลให้เพิ่มการหลั่งฮอร์โมนที่มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
การตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง
ภูมิแพ้แบบแฝง (Food Intolerance) เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถย่อยอาหารบางชนิดได้ตามปกติ แต่จะไม่แสดงอาการทันทีจึงไม่สามารถระบุชนิดอาหารที่แพ้ได้ ต่างจากการแพ้ปกติที่แสดงอาการให้เห็นในเวลาอันสั้น แม้การแสดงออกของการแพ้อาหารแบบแฝงจะไม่รุนแรง แต่ก็ทำให้เกิดอาการเรื้อรังอื่นๆ ได้ จึงควรรีบตรวจหาต้นตอเพื่อการรักษาและดูแลอาการอย่างถูกต้องต่อไป
สาเหตุ
แม้จะเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ แต่มี 2 สาเหตุที่พบบ่อยที่สุด คือ
- ร่างกายขาดเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยอาหารนั้นๆ ทำให้ไม่สามารถย่อยและดูดซึมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ร่างกายไวต่อสารบางชนิดในอาหาร เช่น สารปรุงแต่ง หรือสารที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติในอาหาร อาการจะมีมากขึ้นเมื่อรับประทานอาหารชนิดนั้นมากเกินไป
อาการที่พบบ่อย
- ท้องอืด
- ท้องผูก
- ปวดท้อง
- ท้องเสีย
- ปวดศีรษะ
- ไอ
- น้ำมูกไหล
- ครั่นเนื้อครั่นตัว
- อ่อนเพลีย
- มีผื่นคัน
- ลมพิษ
แม้อาการเหล่านี้อาจเป็นได้ทั้งจากภูมิแพ้อาหารแฝงและปัญหาสุขภาพอื่นๆ แต่หากมีอาการบ่อยๆ หรือรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อรักษา
วิธีตรวจอาการแพ้อาหารแฝงด้วยตัวเอง
- จดบันทึกรายการอาหารที่รับประทานและอาการที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
- งดรับประทานอาหารที่สงสัยว่า อาจเป็นสาเหตุทีละชนิด ราว 2-6 สัปดาห์
- กลับไปรับประทานอาหารชนิดนั้นอีกครั้ง หากกลับมามีอาการ ก็เป็นไปได้ว่าสาเหตุมาจากอาหารชนิดนั้น
นอกจากนี้ยังสามารถเข้ารับการตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันในเลือดที่จำเพาะต่ออาหารแต่ละชนิด (Food specific IgG) เพื่อช่วยระบุชนิดอาหารที่มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดภาวะภูมิแพ้อาหารแฝงได้
หมายเหตุ
- หลังจากได้รับผลการทดสอบแล้วนั้น สามารถนำผลที่ได้มาปรับใช้เลือกกินอาหารที่เหมาะสม เพื่อลดอาหารที่ส่งเสริมอาการแพ้
- ไม่ใช่โปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปี จึงไม่จำเป็นต้องตรวจทุกปี
สถานที่ต่างๆ ที่รับ ตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
จองและจ่ายเงินที่ HDmall.co.th พร้อมรับส่วนลดทันที (มีสิทธิ์ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน*)
- แชทกับแอดมิน เพื่อแจ้งชื่อและข้อมูลของคุณสำหรับจองแพ็กเกจ
- ชำระเงิน สามารถเลือกวิธีโอน จ่ายบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต โดยจ่ายบัตรเครดิตได้เมื่อมียอดชำระ 300 บาทขึ้นไป ผ่อนได้เมื่อมียอดชำระตั้งแต่ 3,000 บาท
- ส่งหลักฐานการชำระเงินให้แอดมิน
- รอรับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง หลังแอดมินตรวจสอบการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว คูปองมีอายุ 60 วัน
- นำคูปองไปยื่นที่คลินิกเพื่อรับบริการ
จองผ่าน HDmall.co.th แล้วไปจ่ายเงินที่คลินิก รับแคชแบ็กหลังรับบริการ
- แชทกับแอดมิน เพื่อแจ้งชื่อและข้อมูลสำหรับจองแพ็กเกจ
- รับคูปองยืนยันการนัดหมายทางอีเมล คูปองมีอายุ 30 วัน
- นำคูปองไปยื่นที่คลินิกเพื่อรับบริการ และชำระค่าแพ็กเกจราคาเต็ม
- ภายใน 30 วันนับจากชำระเงิน กรุณาส่งหลักฐานดังนี้ให้แอดมินทางไลน์ @hdcoth เพื่อรับแคชแบ็ก
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาใบเสร็จของคลินิก
- สำเนาหน้าสมุดบัญชี
- หน้าคูปอง
- รอรับแคชแบ็กภายใน 7-14 วัน (ตัดรอบโอนเงินทุกวันจันทร์ เวลา 15.00 น. เงินจะเข้าบัญชีของคุณภายในวันศุกร์)
หมายเหตุ สำหรับแพ็กเกจที่ต้องให้แพทย์ประเมินก่อน หลังจากแพทย์ประเมินแล้วว่ารับบริการได้ คุณสามารถจ่ายเงินโดยตรง ณ สถานที่ให้บริการ แล้วรับแคชแบ็กภายหลัง หรือจ่ายกับ HDmall.co.th เพื่อรับส่วนลดได้ทันทีพร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่คลินิกได้โดยตรง