รายละเอียด
รายละเอียด
- ราคานี้อยู่ในช่วง 32,000-37,000 บาท ขึ้นอยู่กับทันตแพทย์ประเมิน
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าจัดฟันแบบโลหะ
- ค่าตรวจและให้คำปรึกษาจากทันตแพทย์
- ค่าติดเครื่องมือ
- ค่าถอดเครื่องมือ
- ฟรี! รีเทนเนอร์แบบลวดหรือแบบใส สำหรับฟันบนและฟันล่าง 2 ชิ้น
- ฟรี! Follow up หลังจัดฟันเสร็จ
สิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่ม
- ค่าพิมพ์ปาก 500 บาท
- ค่าเอกซเรย์ 700 บาท
หมายเหตุ
- ถ้าต้องเคลียร์ช่องปากก่อนรับบริการ (สามารถจองแพ็กเกจ ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน และผ่าฟันคุดผ่าน HDmall.co.th ได้) มีค่าบริการเพิ่มเติมดังนี้
- ค่าขูดหินปูน 500-900 บาท
- ค่าอุดฟัน เริ่มต้นด้านละ 500 บาท ด้านต่อไป 100 บาท
- ค่าถอนฟัน ซี่ละ 500-800 บาท
- ค่าผ่าฟันคุด ซี่ละ 1,500-3,000 บาท
- ถ้ามีการรักษาพิเศษ เช่น การขยายขากรรไกร หรือมีค่าบริการอื่นๆ เพิ่มเติม ทันตแพทย์จะแจ้งให้ทราบในวันแรกที่เข้ารับบริการ
- กรณีแบร็กเกตหลุด จะมีค่าติดใหม่ตัวละ 300 บาท
รูปแบบการชำระค่าบริการ
- เดือนที่ 1-4 จ่าย 1,500 บาท เดือนที่ 5 เป็นต้นไปจ่ายเดือนละ 1,000 บาท จนครบราคาแพ็กเกจตามที่ทันตแพทย์ประเมิน
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- กรณีที่จัดฟันเสร็จก่อน ทันตแพทย์จะเรียกเก็บส่วนที่เหลือก่อนถอดเครื่องมือ
- กรณีครบคอร์สแล้วยังจัดฟันไม่เสร็จ ต้องมาตามที่นัดหมายทุกเดือน ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- ต้องเซ็นหนังสือยินยอมและปฏิบัติตามเงื่อนไขของทางคลินิก
- ระยะเวลารับบริการประมาณครั้งละ 30-60 นาทีของการเข้าพบแพทย์
- เข้าพบแพทย์ตามการนัดหมาย เพื่อติดตามความคืบหน้าของการรักษา
- ก่อนเข้าสู่กระบวนการจัดฟันต้องพบทันตแพทย์ประมาณ 4 ครั้ง (ขึ้นอยู่กับสภาพและปัญหาฟันของแต่ละคน) ดังนี้
- ครั้งที่ 1 นัดปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อให้ทันตแพทย์ประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้น และประเมินแผนการจัดฟัน จะทราบราคาคอร์สจัดฟันรวมถึงค่าเคลียร์ช่องปาก (ถ้ามี) ในขั้นตอนนี้
- ครั้งที่ 2 พิมพ์ปากและเอกซเรย์เพื่อเก็บรายละเอียดฟันก่อนจัดฟัน
- ครั้งที่ 3 เคลียร์ช่องปาก เช่น ผ่าฟันคุด ขูดหินปูน ฯลฯ
- ครั้งที่ 4 ติดอุปกรณ์ เริ่มจัดฟัน
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- ควรดูแลรักษาฟันให้อยู่ในสภาพปกติก่อนการตรวจ
- กรณีที่ผ่านการตรวจประเมินจากทันตแพทย์แล้ว ควรเคลียร์ช่องปากโดยตรวจฟันผุ อุดฟันให้ครบทุกซี่ รักษารากฟันหากมีฟันผุ ขูดหินปูน และผ่าฟันคุดให้เรียบร้อย
การดูแลหลังรับบริการ
- ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่แข็ง กรอบ หรือเหนียวมากๆ เพราะอาจทำให้ยางรัดฟันหลุด เหล็กดัดฟันโค้งงอ หรือมีเศษอาหารไปติดกับเครื่องมือจัดฟันได้
- แปรงฟันให้ทั่วถึงทั้งด้านนอกและด้านในตัวฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือหลังการรับประทานอาหารมื้อหลักทั้ง 3 มื้อ
- แปรงบริเวณเครื่องมือทั้งตัว Braces และลวดจัดฟันให้ทั่ว อย่างน้อยซี่ละ 5 ครั้ง
- ใช้ไหมขัดฟันและใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ
- ไปพบทันตแพทย์ตามนัดทุก 3-5 สัปดาห์ เพื่อเปลี่ยนยางรัดฟัน เพื่อไม่ให้ยางรัดฟันเสื่อมสภาพและมีการสะสมของเชื้อโรค
ก่อนตัดสินใจ
- ต้องให้ทันตแพทย์ประเมินก่อนว่าเหมาะสำหรับการจัดฟันแบบใด เนื่องจากการจัดฟันแต่ละแบบเหมาะกับปัญหาที่ต่างกัน
- บางกรณีอาจต้องถอนฟันแท้ กรอฟัน หรือผ่าตัดกระดูกขากรรไกรร่วมด้วย
- ระหว่างจัดฟัน จะมีข้อจำกัดด้านการรับประทานอาหาร เช่น ห้ามกัดของแข็ง เคี้ยวหมากฝรั่ง เพราะอาจทำให้เครื่องมือจัดฟันเสียหาย
- ช่วงแรกของการจัดฟันอาจรู้สึกตึง ปวด เจ็บ เป็นปกติ จากนั้นอาการจะค่อยๆ หายไปเอง
ข้อมูลทั่วไป
การจัดฟัน คือ การใช้เครื่องมือค่อยๆ เปลี่ยนโครงสร้างฟันอย่างช้าๆ ใช้ในการแก้ไขความผิดปกติของฟันที่มีการเรียงตัวผิดปกติ ไม่สมดุล ให้เรียงตัวอย่างเหมาะสมและสามารถสบฟันได้พอดี
ควรเริ่มจัดฟันเมื่ออายุเท่าไร?
โดยทั่วไปสามารถเข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องการจัดฟันได้ตั้งแต่ฟันน้ำนมหลุดออกหมดแล้ว หรืออายุราว 11-12 ปี ทันตแพทย์จะตรวจสอบดูสภาพช่องปากและปัญหาฟันของแต่ละคนว่าสามารถจัดฟันได้หรือยัง ซึ่งบางกรณีอาจต้องรักษาด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น ผ่าตัดขากรรไกร ตัดเหงือก ถอนฟันแท้
มีคำแนะนำว่าควรจัดฟันตั้งแต่อายุยังไม่มาก เนื่องจากระหว่างฟันเคลื่อนที่ กระดูกที่รองรับฟันและที่อยู่รอบๆ รากฟันจะมีการทำลายตัวและสร้างขึ้นใหม่ ในเด็กหรือคนอายุน้อยๆ กระบวนการเสริมสร้างกระดูกจะรวดเร็วและดีกว่าในผู้ใหญ่
ประเภทของการจัดฟัน
การจัดฟันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
- การจัดฟันแบบติดแน่น สามารถแบ่งประเภทย่อยลงไปได้อีกตามเครื่องมือที่ใช้ เช่น จัดฟันแบบโลหะหรือเหล็กจัดฟัน จัดฟันแบบเซรามิก จัดฟันแบบไม่ใช้ยางหรือที่เรียกกันว่า จัดฟันดามอน ตามชื่อยี่ห้อเครื่องมือ
- การจัดฟันแบบถอดได้ จะเป็นการใช้เครื่องมือจัดฟันแบบใส ซึ่งมีให้เปลี่ยนใส่จำนวนหลายชุด เพื่อค่อยๆ ปรับการเรียงตัวของฟัน อุปกรณ์จัดฟันใสมีหลายยี่ห้อ เช่น Invisalign, Clear Aligner, Senyum
แพ็กเกจนี้ใช้การจัดฟันแบบโลหะ หรือจัดฟันลวด
เป็นการจัดฟันแบบมาตรฐานที่พบเห็นได้ทั่วไป วัสดุที่ใช้คือแบร็กเกตโลหะ ลวดสำหรับงานทันตกรรม และมีการใช้ยางซึ่งมีหลากสีสันให้เลือก รัดแบร็กเกตกับลวดให้ยึดติดกับซี่ฟัน
ประมาณ 4-6 สัปดาห์ ยางจะเสื่อม ดังนั้นผู้รับการจัดฟันจึงต้องพบทันตแพทย์เพื่อเปลี่ยนยาง และทันตแพทย์จะทำการดึงลวดให้ตึงขึ้นเพื่อให้ฟันเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม
จัดฟันลวด ใช้เวลานานเท่าไหร่?
ขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้วใช้เวลาประมาณ 1-3 ปี
ข้อดีของการจัดฟันลวด
- ใช้แก้ปัญหาฟันได้เกือบทุกรูปแบบ เช่น ฟันซ้อน เก ห่าง สบคร่อม สบลึก
- สามารถเปลี่ยนสียางยึดเครื่องมือจัดฟันได้ทุกเดือน
ข้อเสียของการจัดฟันลวด
- เห็นชัดว่าจัดฟันอยู่
- อาจมีปัญหาตะขออุปกรณ์เกี่ยวกับเนื้อเยื่อในช่องปากได้
- การดูแลรักษาความสะอาดของเครื่องมือจัดฟันแบบนี้ ยากกว่าการรักษาความสะอาดเครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ คลินิกทันตกรรมบ้านหมอฟันโกสุม ผ่าน HDmall
ขั้นตอนการจ่ายเงินและรับแคชแบ็ก
- จองแพ็กเกจกับ HDmall จากนั้นเจ้าหน้าที่จะส่งคูปองให้ทางอีเมล
- เข้ารับบริการที่คลินิกตามวันที่นัดหมาย
- ชำระเงินที่คลินิกเต็มจำนวนตามที่แพทย์ประเมิน
- ทักไลน์ @hdcoth และกดปุ่ม “ทำนัด/ขอแคชแบ็ก” กรอกลิงก์ที่เจ้าหน้าที่ส่งให้พร้อมแนบใบเสร็จภายใน 30 วันหลังรับบริการ
หมายเหตุ
- ผู้ที่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม ประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิต จะไม่สามารถรับสิทธิ์พิเศษต่างๆ รวมถึงไม่สามารถเบิก Cashback จาก HDmall.co.th ได้
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 30-60 วัน ตามที่ระบุในคูปอง)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่คลินิกได้โดยตรง
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ คลินิกทันตกรรมบ้านหมอฟันโกสุม อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th