รายละเอียด
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าจัดฟันโลหะ ฟันบนและล่าง
- ค่าตรวจและให้คำปรึกษาจากทันตแพทย์จัดฟันเฉพาะทาง
- ค่าถ่ายรูปช่องปากโดยทันตแพทย์จัดฟันเฉพาะทาง สำหรับประเมินการรักษา
- ค่าติดเครื่องมือ สำหรับฟันบนและล่าง
- ค่าปรับเครื่องมือ สำหรับฟันบน-ล่าง ในแต่ละเดือน
- ค่าถอดเครื่องมือ เมื่อจัดฟันเสร็จจบครบคอร์ส
- ค่าเครื่องมือหลุด ฟรี 2 ตัวแรก
- ฟรี! รีเทนเนอร์ 2 ชิ้นฟันบนและล่าง เมื่อจัดฟันเสร็จ มูลค่า 5,000 บาท
สิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่ม
- ค่าปลอดเชื้อ ครั้งละ 80 บาท
- ค่าพิมพ์ปาก 1,000 บาท
- ค่าเอกซเรย์ช่องปากด้านหน้าและด้านข้าง ด้วยเครื่อง OPG 2 ฟิลม์ รวม 1,400 บาท (สำหรับประเมินการรักษา)
หมายเหตุ
- หากปรึกษาแพทย์แล้วตัดสินใจยังไม่ทำ จะมีค่าบริการ 200 บาท
- ค่าถอดอุปกรณ์จัดฟัน 5,000 บาท (กรณีจัดฟันมาจากที่อื่น)
- ค่าหมุดเคลื่อนฟัน ตัวละ 2,000 บาท (กรณีแพทย์ประเมินว่าต้องใช้)
- ค่าเครื่องมือหลุด ตัวที่ 3 ขึ้นไป ตัวละ 300 บาท
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณครั้งละ 30-60 นาที
- ควรนักหมายล่วงหน้า
- ในกรณีที่ผ่านการตรวจประเมินจากทันตแพทย์แล้ว ควรเคลียร์ช่องปากโดยการตรวจฟันผุ อุดฟัน รักษารากฟันหากมีปัญหาฟันผุ ขูดหินปูน และผ่าฟันคุดให้เรียบร้อย
- ต้องเข้าพบแพทย์ตามการนัดหมาย เพื่อติดตามความคืบหน้าของการรักษา
- กรณีที่เป็นเคสยากและมีระยะเวลารักษาเกินกว่า 24 เดือน หากลูกค้ามาพบคุณหมอตามกำหนดการปรับเครื่องมือเป็นประจำทุกเดือน จะไม่มีค่าปรับเครื่องมือเพิ่มเติม ซึ่งในเคสปกติส่วนใหญ่จะจัดฟันเสร็จและสามารถถอดเครื่องมือจัดฟันได้ภายในระยะเวลา 24 เดือน
การดูแลหลังรับบริการ
- ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง กรอบ หรือเหนียวมากๆ เพราะอาจทำให้ยางรัดฟันหลุด เหล็กดัดฟันโค้งงอ หรือมีเศษอาหารไปติดกับเครื่องมือจัดฟันได้
- แปรงฟันให้ทั่วถึงทั้งด้านนอกและด้านในตัวฟันบอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือหลังการรับประทานอาหารมื้อหลักทั้ง 3 มื้อ
- ควรแปรงบริเวณเครื่องมือทั้งตัว Braces และลวดจัดฟันให้ทั่ว อย่างน้อยซี่ละ 5 ครั้ง
- ควรใช้ไหมขัดฟันและใช้น้ำยาบ้วนปาก เพื่อขจัดคราบตามซอกฟันหรือซอกเครื่องมือที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง
- ต้องพบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อให้การเคลื่อนฟันเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ก่อนตัดสินใจ
- ต้องให้ทันตแพทย์ประเมินก่อนว่าเหมาะสำหรับการจัดฟันแบบใด เนื่องจากการจัดฟันแต่ละแบบเหมาะกับปัญหาที่ต่างกัน
- บางกรณีอาจต้องถอนฟันแท้ กรอฟัน หรือผ่าตัดกระดูกขากรรไกรร่วมด้วย
- ระหว่างจัดฟัน จะมีข้อจำกัดด้านการรับประทานอาหาร เช่น ห้ามกัดของแข็ง เคี้ยวหมากฝรั่ง เพราะอาจทำให้เครื่องมือจัดฟันเสียหาย
- ช่วงแรกของการจัดฟันอาจรู้สึกตึง ปวด เจ็บ เป็นปกติ จากนั้นอาการจะค่อยๆ หายไปเอง
ข้อมูลทั่วไป
การจัดฟัน คือ การใช้เครื่องมือค่อยๆ เปลี่ยนโครงสร้างฟันอย่างช้าๆ ใช้ในการแก้ไขความผิดปกติของฟันที่มีการเรียงตัวผิดปกติ ไม่สมดุล ให้เรียงตัวอย่างเหมาะสมและสามารถสบฟันได้พอดี
ควรเริ่มจัดฟันเมื่ออายุเท่าไร?
โดยทั่วไปสามารถเข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องการจัดฟันได้ตั้งแต่ฟันน้ำนมหลุดออกหมดแล้ว หรืออายุราว 11-12 ปี ทันตแพทย์จะตรวจสอบดูสภาพช่องปากและปัญหาฟันของแต่ละคนว่าสามารถจัดฟันได้หรือยัง ซึ่งบางกรณีอาจต้องรักษาด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น ผ่าตัดขากรรไกร ตัดเหงือก ถอนฟันแท้
มีคำแนะนำว่าควรจัดฟันตั้งแต่อายุยังไม่มาก เนื่องจากระหว่างฟันเคลื่อนที่ กระดูกที่รองรับฟันและที่อยู่รอบๆ รากฟันจะมีการทำลายตัวและสร้างขึ้นใหม่ ในเด็กหรือคนอายุน้อยๆ กระบวนการเสริมสร้างกระดูกจะรวดเร็วและดีกว่าในผู้ใหญ่
ประเภทของการจัดฟัน
การจัดฟันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
- การจัดฟันแบบติดแน่น สามารถแบ่งประเภทย่อยลงไปได้อีกตามเครื่องมือที่ใช้ เช่น จัดฟันแบบโลหะหรือเหล็กจัดฟัน จัดฟันแบบเซรามิก จัดฟันแบบไม่ใช้ยางหรือที่เรียกกันว่า จัดฟันดามอน ตามชื่อยี่ห้อเครื่องมือ
- การจัดฟันแบบถอดได้ จะเป็นการใช้เครื่องมือจัดฟันแบบใส ซึ่งมีให้เปลี่ยนใส่จำนวนหลายชุด เพื่อค่อยๆ ปรับการเรียงตัวของฟัน อุปกรณ์จัดฟันใสมีหลายยี่ห้อ เช่น Invisalign, Clear Aligner, Senyum
แพ็กเกจนี้ใช้การจัดฟันแบบโลหะ หรือจัดฟันลวด
เป็นการจัดฟันแบบมาตรฐานที่พบเห็นได้ทั่วไป วัสดุที่ใช้คือแบร็กเกตโลหะ ลวดสำหรับงานทันตกรรม และมีการใช้ยางซึ่งมีหลากสีสันให้เลือก รัดแบร็กเกตกับลวดให้ยึดติดกับซี่ฟัน
ประมาณ 4-6 สัปดาห์ ยางจะเสื่อม ดังนั้นผู้รับการจัดฟันจึงต้องพบทันตแพทย์เพื่อเปลี่ยนยาง และทันตแพทย์จะทำการดึงลวดให้ตึงขึ้นเพื่อให้ฟันเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม
จัดฟันลวด ใช้เวลานานเท่าไหร่?
ขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้วใช้เวลาประมาณ 1-3 ปี
ข้อดีของการจัดฟันลวด
- ใช้แก้ปัญหาฟันได้เกือบทุกรูปแบบ เช่น ฟันซ้อน เก ห่าง สบคร่อม สบลึก
- สามารถเปลี่ยนสียางยึดเครื่องมือจัดฟันได้ทุกเดือน
ข้อเสียของการจัดฟันลวด
- เห็นชัดว่าจัดฟันอยู่
- อาจมีปัญหาตะขออุปกรณ์เกี่ยวกับเนื้อเยื่อในช่องปากได้
- การดูแลรักษาความสะอาดของเครื่องมือจัดฟันแบบนี้ ยากกว่าการรักษาความสะอาดเครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ SmileDC Dental Clinic ผ่าน HDmall
นัดคิวเข้าไปให้คุณหมอตรวจประเมิน แล้วทักมาจ่ายเงินที่ HDmall.co.th เพื่อรับส่วนลด
- จองแพ็กเกจกับ HDmall จากนั้นเจ้าหน้าที่จะส่งคูปองให้ทางอีเมล
- เข้ารับการประเมินที่คลินิกตามวันที่นัดหมาย
- เมื่อทราบราคาประเมินแล้ว ทักไลน์ @hdcoth มาชำระเงินและรับส่วนลดกับ HDmall โดยพิมพ์ HDexpress หรือกดปุ่ม “ชำระเงินหลังประเมิน” ขณะอยู่ที่คลินิก
- เมื่อชำระเงินแล้ว เจ้าหน้าที่จะส่งคูปองให้ลูกค้าเพื่อรับบริการ
*ระยะเวลาผ่อนชำระขึ้นอยู่กับราคาแพ็กเกจ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 30-60 วัน ตามที่ระบุในคูปอง)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ ทางคลินิกจะสรุปค่าใช้จ่ายให้ทราบหลังแพทย์ตรวจประเมิน
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ SmileDC Dental Clinic อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th