• นัดหมายวันและเวลาล่วงหน้าก่อนรับบริการ
• ระยะเวลารับบริการประมาณ 15-30 นาที
• ดูแลและรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรง
• หลังทำจะเกิดรอยแดง และสะเก็ดบางๆ เล็กน้อย ซึ่งสามารถหลุดออกไปได้เองในวลาไม่นาน โดยไม่ต้องพักฟื้น สามารถแต่งหน้ากลบทับได้
• เห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรก แต่ควรทำอย่างต่อเนื่อง 3-5 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
• จำนวนครั้งในการรักษาขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล และการประเมินของแพทย์

การเตรียมตัวก่อนรับบริการ

• ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
• ห้ามรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด 1 สัปดาห์ก่อนทำ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค พอนสแตน วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย โสม St. John's wort น้ำมันกระเทียม เพราะมีผลต่อยาต้านการแข็งตัวของเลือด (ควรปรึกษาแพทย์ที่รักษาก่อนหยุดยา)
• งดทายาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A) Retinols Retinoids Glycolic Acid หรือครีมในกลุ่ม Anti-Aging อย่างน้อย 3 วันก่อนทำ
• งดแว็กซ์ผิว ขัดผิว สครับผิว นวดหน้า โกนขน ดึงขน เลเซอร์ บริเวณที่จะทำอย่างน้อย 3 วันก่อนรับบริการ
• หากมีโรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ หรือแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนรับบริการ
• งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ 24 ชั่วโมงก่อนทำ
• งดกิจกรรมที่ส่งผลให้มีการสูบฉีดไหลเวียนของเลือดมากขึ้น เช่น ออกกำลังกาย ซาวน่า ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนรับบริการ

การดูแลหลังรับบริการ

• หลีกเลี่ยงการออกไปที่แดดจัดในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังทำ หรือหากจำเป็นต้องเผชิญแสงแดด ให้ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
• ใช้เจลเย็นประคบผิว เพราะหลังจากทำ Fractional RF เสร็จแล้วอาจรู้สึกแสบร้อนเหมือนผิวไหม้แดดใน 1-3 ชั่วโมงแรก แต่โดยปกติอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง
• สามารถใช้เครื่องสำอางได้ตามปกติ ทั้งนี้เพื่อปกปิดรอยแดงที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ Fractional RF แต่ให้หลีกเลี่ยงการใช้มาส์กบำรุงผิว หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ
• ควรทามอยซ์เจอร์ไรเซอร์สร้างความชุ่มชื้นแก่ผิว เพราะผิวอาจแห้งและหลุดลอกหลังทำ Fractional RF ซึ่งเป็นผลมาจากการผลัดเซลล์ผิวใหม่ของชั้นผิวแท้
• ห้ามแกะผิวที่หลุดลอก เพราะจะทำให้รู้สึกแสบผิวและเป็นแผลได้ ทางที่ดีให้ทาโลชั่น หรือมอยเจอร์ไรเซอร์ไปเรื่อยๆ แล้วผิวจะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติเองภายใน 1 สัปดาห์