ยาคุม Melodia (เมโลเดีย) 21 เม็ด
- ปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับยา ทั้งชนิดของยา การใช้ยาอย่างเหมาะสม และข้อควรระวังของยา
- HDmall.co.th จะติดต่อร้านขายยาที่ใกล้ที่สุด ให้คุณปรึกษาและใช้บริการจัดส่งยาจากร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตโดยตรง
- HDmall.co.th ไม่ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยตรง รวมถึงไม่ได้กระทำธุรกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ทั้งหมดในหน้านี้มีไว้เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงเท่านั้น
- 🤝 สนใจเป็นหนึ่งในร้านขายยาที่ช่วยให้คำปรึกษาผู้ใช้ด้านยาหรือไม่? สมัครและใช้งานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
รายละเอียด
ลักษณะของยา (Product Description)
เมโลเดียมีลักษณะเป็นยาเม็ดกลมนูนทั้งสองด้านเคลือบฟิล์มสีเหลือง
ยาคุมกำเนิด เมโลเดีย (Melodia)
✔ ตรวจสอบโดย ภญ. กมลจันทร์ รัตนพรเจริญ
สาระสำคัญ
- เมโลเดียเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแบบรับประทาน เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์
- ใน 1 แผง มี 21 เม็ด แต่ละเม็ดประกอบด้วยตัวยาสำคัญ 2 ชนิด คือ ดรอสไพรีโนน (drospirenone) 3 มิลลิกรัม เอทธินิลเอสตราไดออล (ethinylestradiol) 0.03 มิลลิกรัม
- เมโลเดียยับยั้งการตกไข่และมีผลต่อการฝังของตัวอ่อน (ไข่ที่ได้รับการผสม)
- ไม่ทำให้เกิดอาการบวม อ้วน
ตัวยาสำคัญ
ดรอสไพรีโนน (drospirenone) 3 มิลลิกรัม
เอทธินิลเอสตราไดออล (ethinylestradiol) 0.03 มิลลิกรัม
ข้อมูลทั่วไป
เมโลเดียเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแบบรับประทาน เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ละเม็ดประกอบด้วยตัวยาสำคัญ 2 ชนิด คือ ดรอสไพรีโนน (drospirenone) 3 มิลลิกรัม และเอทธินิลเอสตราไดออล (ethinylestradiol) 0.03 มิลลิกรัม นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของแลคโตส
เมโลเดียเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม แต่ละเม็ดประกอบด้วยฮอร์โมนเพศหญิง 2 ชนิด ที่แตกต่างกันในปริมาณต่ำ ได้แก่ ดรอสพรีโนน (ฮอร์โมนโปรเจสโตรเจน) และเอทธินิลเอสตราไดออล (ฮอร์โมนเอสโตรเจน) เนื่องจากเมโลเดียมีฮอร์โมนในปริมาณต่ำจึงจัดเมโลเดียเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนต่ำ ยาทุกเม็ดในแผงประกอบด้วยฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดในสัดส่วนที่เท่ากัน (monophasics)
เมโลเดียมีฤทธิ์ลดการทำงานของ gonadotropins ซึ่งยับยั้งการตกไข่และมีผลต่อการฝังของตัวอ่อนที่ปากมดลูกและที่เยื่อบุโพรงมดลูก ไม่ทำให้เกิดอาการบวม อ้วนหรือ น้ำหนักเพิ่มที่เกิดจากการคั่งของน้ำในร่างกาย ลดความมันของสิวและเส้นผม ทำให้ผู้เป็นสิวอาการดีขึ้น
ยา เมโลเดีย ออกฤทธิ์อย่างไร?
เอทธินิลเอสตราไดออลมีฤทธิ์กดการตกไข่จากรังไข่ และดรอสไพรีโนนมีฤทธิ์ทำให้ผนังมดลูกไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน (ไข่ที่ได้รับการผสม) นอกจากนี้ดรอสไพรีโนนยังมีคุณสมบัติลดการคั่งของน้ำตามเซลล์ต่างๆ ทำให้ไม่อ้วนขึ้น ไม่บวม ป้องกันสิว
รูปแบบของยา
เมโลเดียเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแบบรับประทาน แต่ละแผงมี 21 เม็ด แต่ละเม็ดประกอบด้วยตัวยาสำคัญ 2 ชนิด คือ ดรอสพรีโนน (drospirenone) 3 มิลลิกรัม และเอทธินิลเอสตราไดออล (ethinylestradiol) 0.03 มิลลิกรัม
ลักษณะของยา (Product Description)
เมโลเดียมีลักษณะเป็นยาเม็ดกลมนูนทั้งสองด้านเคลือบฟิล์มสีเหลือง
ลักษณะของยา
เมโลเดียมีลักษณะเป็นยาเม็ดกลมนูนทั้งสองด้านเคลือบฟิล์มสีเหลือง
วิธีการใช้ และขนาดยาที่แนะนำ
- รับประทานยาเมโลเดียชนิด 21 เม็ด ทุกวันพร้อมน้ำดื่ม ควรรับประทานในเวลาเดียวกันทุกวัน โดยรับประทานยาพร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้
- ยาหนึ่งแผงประกอบด้วยตัวยา 21 เม็ด วันในสัปดาห์ที่จะรับประทานยาได้พิมพ์กำกับไว้ข้างเม็ดยา เช่น ถ้าเริ่มรับประทานยาวันพุธ ก็ควรรับประทานยาที่มีวันพุธ (WED) กำกับอยู่ และรับประทานตามลูกศรจนครบ 21 เม็ด อีก 7 วันถัดมา ไม่ต้องรับประทานยา ระหว่าง 7 วันที่ไม่ได้รับประทานยา ควรมีเลือดประจำเดือนออกมาตามปกติ
- เลือดประจำเดือนจะออกในวันที่ 2 หรือ 3 ของช่วงเวลาที่หยุดรับประทานยา หลังจากหยุดยาครบ 7 วัน ให้เริ่มรับประทานยาแผงต่อไป ถึงแม้เลือดประจำเดือนจะยังไม่หยุดก็ตาม
- ดังนั้น ควรเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ในวันเดียวกันของสัปดาห์ทุกเดือน
- การใช้เมโลเดียตามที่อธิบายจะได้รับการป้องกันการตั้งครรภ์ในระหว่าง 7 วันที่หยุดยาด้วย
การใช้ยาในสตรีมีครรภ์ / กำลังให้นมบุตร
สตรีมีครรภ์ (Pregnancy)
หากตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานยาเมโลเดีย หากตั้งครรภ์ขณะรับประทานยาเมโลเดีย ควรหยุดใช้ทันทีและปรึกษาแพทย์
สตรีให้นมบุตร (Lactation)
ไม่แนะนำให้ใช้เมโลเดียระหว่างให้นมบุตร หากต้องการใช้ยาคุมกำเนิดระหว่างให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ คลื่นไส้ ปวดท้อง น้ำหนักเพิ่มขึ้น ปวดศีรษะ อารมณ์เปลี่ยนแปลง ซึมเศร้า ปวด/คัดตึงเต้านม
ข้อแนะนำในการใช้
- เริ่มรับประทานเม็ดแรกในวันแรกของการมีประจำเดือน หรือหากเริ่มทานเม็ดแรกในวันอื่น จำเป็นต้องมีการคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น ถุงยางอนามัย เป็นเวลา 7 วัน (เพราะการควบคุมระดับฮอร์โมนจำเป็นต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์) จากนั้นรับประทานเม็ดต่อไปในเวลาเดียวกันของทุกวันจนหมดแผง
- เมื่อรับประทานหมดแผงให้เว้น 7 วัน จึงเริ่มรับประทานแผงใหม่ โดยช่วง 7 วันที่หยุดทานยาจะมีเลือดออกคล้ายประจำเดือน
ข้อห้ามใช้
- ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดอุดตัน,โรคหลอดเลือดสมองอุตตัน (Stroke) หรือเสี่ยงต่อการมีปัญหาของระบบไหลเวียนโลหิตควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยานี้
- มีประวัติเป็นมะเร็ง หรือคาดว่าจะเป็นมะเร็งเต้านม หรือเนื้องอกที่สัมพันธ์กับฮอร์โมนเอสโตรเจน
- โรคตับ
- ตั้งครรภ์
- มีเลือดออกจากช่องคลอด โดยไม่ทราบสาเหตุ
- โรคความดันโลหิตสูง
- ผู้หญิงอายุ >35 ปีที่สูบบุหรี่จัด (>15 มวน/วัน)
ข้อควรระวัง / ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- ควรปรึกษาแพทย์เป็นประจำทุก 6-12 เดือน เพื่อตรวจร่างกาย
- ควรหยุดยาทันที เมื่อทราบว่าตั้งครรภ์
- หยุดใช้และไปพบแพทย์ทันทีหากท่านมีอาการของหลอดเลือดอุดตัน
- ปวดและหรือมีอาการอักเสบที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง
- ปวดหน้าอกรุนแรงทันทีทันใด ซึ่งอาจปวดร้าวมาถึงแขนซ้าย
- หายใจลำบากทันทีทันใด
- ไอทันทีโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ปวดศีรษะผิดปกติอย่างรุนแรงหรือเป็นเวลานาน หรือ การปวดศีรษะไมเกรนที่เลวลง
- สูญเสียการมองเห็นบางส่วนหรือทั้งหมด หรือมองเห็นภาพซ้อน
- พูดลำบากหรือพูดไม่ได้
- เวียนศีรษะหรือเป็นลม
- อ่อนแรง ความรู้สึกผิดปกติ หรือชาที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
วิธีการเก็บรักษา
เก็บยาที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส และเก็บให้พ้นมือเด็ก
คำถามที่พบบ่อย
ถาม: ลืมรับประทานยา ควรทำอย่างไร?
ตอบ: ยาคุมกำเนิด ยี่ห้อ Melodia เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ด
- กรณีลืมทานเม็ดยาที่มีฮอร์โมน 1 เม็ด: ให้ทานเม็ดที่ลืมทันทีที่นึกได้ และทานเม็ดต่อไปตามเวลาปกติ (หมายความว่าในวันนั้นจะกินยารวมเป็น 2 เม็ด) โดยไม่ต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย
- กรณีลืมทานเม็ดยาที่มีฮอร์โมน 2 เม็ดขึ้นไป: ให้ทานเม็ดสุดท้ายที่ลืมทันทีที่นึกได้ และทานเม็ดต่อไปตามเวลาปกติ (หมายความว่าในวันนั้นจะกินยารวมเป็น 2 เม็ด) ส่วนเม็ดก่อนหน้านั้นที่ลืมทานให้ทิ้งไป และให้ใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วยจนกว่าจะกินยาฮอร์โมนครบ 7 วัน
- ถ้าเม็ดที่ลืมเป็น 7 เม็ดแรกของแผง หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ควรใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
- ถ้าเม็ดที่ลืมเป็น 7 เม็ดสุดท้ายของแผง เมื่อทานแผงนั้นหมดให้เริ่มแผงใหม่เป็นเม็ดฮอร์โมนทันที โดยไม่ต้องเว้น 7 เม็ด (หรือกรณี 28 เม็ด ให้ทิ้งเม็ดที่ไม่มีฮอร์โมนไปเลย)
- หากท้องเสีย หรืออาเจียน ถ้าอาเจียนภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังทานยา ให้ทานใหม่อีก 1 เม็ดทันทีที่สามารถทานได้