ไวรัสตับอักเสบ เป็นเชื้อไวรัสที่อันตราย หากอักเสบเรื้อรังอาจทำให้เกิดตับวาย ตับแข็ง หรือมะเร็งตับได้
รายละเอียด
ทำไมคนอื่นซื้อแพ็กเกจนี้?
🩸 ความสำคัญของการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ! คุณทราบหรือไม่ว่าไวรัสตับอักเสบสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่อาจส่งผลต่อชีวิตคุณได้? การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ 3 ชนิด ที่ atFirst Clinic เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณและคนที่คุณรักมีสุขภาพที่ดี
🏥 แพ็กเกจบริการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ นี้รวมการตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ, บี และซี โดยให้บริการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพื่อให้คุณมั่นใจในผลการตรวจที่แม่นยำและเชื่อถือได้
💡 ทำไมคุณถึงควรตรวจไวรัสตับอักเสบ?
- หากคุณสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกัน
- การตรวจสามารถช่วยป้องกันและวางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตับอักเสบเรื้อรัง
⏳ อย่าลืม! การปล่อยให้ปัญหานี้คาราคาซังอาจส่งผลให้สุขภาพของคุณแย่ลงในอนาคต การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบไม่ได้มีแค่การตรวจเลือดเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสตัวเองในการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง
🤝 จองบริการ กับเราได้ง่ายๆ ผ่าน HDmall.co.th และรับผลการตรวจภายใน 1 วันทำการ คุณจะมีข้อมูลที่สำคัญในการตัดสินใจดูแลสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก! 📅
ให้ความสำคัญกับสุขภาพคุณ เริ่มต้นที่นี่!
รายละเอียด
รายละเอียดราคา ตรวจไวรัสตับอักเสบ
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ 3 ชนิด ดังนี้
- ตรวจการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
- ตรวจการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และตรวจภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี
- ตรวจการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
- ค่าบริการ
- ค่าปรึกษาทางการแพทย์
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ ตรวจไวรัสตับอักเสบ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 30 นาที
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ -ให้บริการโดยหมอผู้ชำนาญการ
- แพทย์จะให้คำปรึกษาตั้งแต่ก่อนตรวจและแจ้งผลให้ทราบ
- ไม่ต้องงดน้ำงดอาหาร
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีการตั้งครรภ์ แพ้ยา มีโรคประจำตัว หรือมียาที่รับประทานประจำ เพราะอาจต้องงดยาบางชนิดล่วงหน้าก่อนตรวจเลือด
- งดอาหารก่อนการเจาะเลือด 8 ชั่วโมง
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการตรวจเลือด
การดูแลหลังรับบริการ
- หากตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบี แพทย์มักแนะนำให้ตรวจเช็กการทำงานของตับ (Liver Function Test) เพื่อดูความเสียหาย ณ ปัจจุบันว่ายังคงเหลือประสิทธิภาพมากน้อยอยู่เท่าใด และจะจัดยาทำลายเชื้อไวรัสพร้อมคำแนะนำในการดูแลตนเอง
- หากตรวจไม่พบเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ได้แก่ ควรฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบบีให้ครบ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง งดกินยา และวิตามินเสริมที่ไม่จำเป็น งดการใช้ภาชนะส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น มีเพศสัมพันธ์โดยการสวมถุงยางอนามัยเสมอ งดการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย และหมั่นตรวจสุขภาพทุกปี
ก่อนตัดสินใจ
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ผู้ที่เหมาะกับบริการนี้
- ผู้ที่สงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
- ผู้ที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ
- สตรีมีครรภ์ หรือมีโอกาสตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี
- ผู้ที่กำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่เป็นโรคไตระยะสุดท้าย หรือมีการฟอกไต
ข้อมูลทั่วไป
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการตรวจไวรัสตับอักเสบ
ไวรัสตับอักเสบเอ เป็นโรคติดต่อที่สามารถแพร่เชื้อและติดต่อได้ง่าย และการติดเชื้ออาจทำให้เกิดอาการตับอักเสบ ซึ่งเป็นภาวะที่มีการอักเสบและการขยายตัวของตับ มีไวรัสหลายชนิดที่สามารถทำให้เกิดโรคตับอักเสบได้ ไวรัสตับอักเสบบางชนิดทำให้เกิดการติดเชื้อในระยะสั้นเท่านั้นที่เรียกว่าโรคเฉียบพลัน ในขณะที่บางชนิดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อระยะยาวที่เรียกว่าโรคเรื้อรัง
โดยทั่วไปแล้วการติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบชนิดเอ จะเป็นการติดเชื้อเฉียบพลัน จึงจะมีเชื้อคงอยู่ไม่กี่สัปดาห์ แต่ในบางกรณีก็อาจยาวนานถึงหลายเดือน แต่ในกรณีส่วนใหญ่จะไม่ใช่การติดเชื้อเรื้อรัง ในบางกรณีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเออาจรุนแรง จนทำให้ตับเสียหายหรือล้มเหลวได้
โรคตับอักเสบบี (Hepatitis B) เป็นโรคที่มีการอักเสบของตับ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี ที่อาจทำให้เกิดอาการป่วยเล็กน้อยหลายสัปดาห์ หรือเป็นเรื้อรังทำให้เกิดอาการรุนแรงเกิดผลเสียในระยะยาวได้
ไวรัสตับอักเสบซี คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดซี สามารถติดต่อกันทางเลือดหรือเพศสัมพันธ์คล้ายกับไวรัสตับอักเสบบี แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้ทางการให้นมบุตร การจามหรือไอรดกัน การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำด้วยกัน หรือการใช้ถ้วยชามร่วมกัน
เชื้อไวรัสตับอักเสบซี เมื่อเข้าไปในร่างกายจะแบ่งตัวและอาศัยอยู่ในตับ ระยะแรกทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมักจะมีอาการไม่มาก ทำให้ผู้รับเชื้อไม่ทราบว่ามีตับอักเสบ โดยประมาณเกือบ 8% ของผู้ที่ได้รับเชื้อจะมีการติดเชื้อเรื้อรังและตามมาด้วยตับอักเสบแบบเรื้อรังแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ค่อยมีอาการชัดเจน ผ่านไปประมาณ 10-30 ปีจึงเข้าสู่ระยะตับแข็ง และอีกสิบปีต่อมาจึงถึงระยะท้ายของโรคตับแข็ง เมื่อมีโรคตับแข็งเกิดขึ้นจะมีโอกาสเกิดมะเร็งตับได้ประมาณ 1-3% ทั้งนี้จากสถิติที่ติดตามอาการของผู้ป่วยโรคตับแข็งจากไวรัสตับอักเสบซี จำนวน 100 คน จะมี 3 คนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับตามมา
อาการหลังจากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
หลังจากได้รับเชื้อ เชื้อจะฟักตัว 2-3 เดือน แล้วจึงแสดงอาการคล้ายเป็นหวัด คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ อ่อนเพลีย ปัสสาวะเข้ม ตาเหลือง ปวดกล้ามเนื้อ ข้อ และปวดใต้ชายโครงขวาจากภาวะตับโตร่วมด้วย ซึ่งร่างกายจะค่อยๆ กำจัดเชื้อออกไป พร้อมกับสร้างภูมิคุ้มกัน อาการจึงค่อยๆ ดีขึ้นภายในเวลา 2-3 สัปดาห์
แต่หากไม่สามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้ จะเกิดการติดเชื้อเรื้อรัง ซึ่งบางรายเกิดการอักเสบของตับร่วมด้วย ทำให้เซลล์ตับตายกลายเป็นพังผืดจนเกิดตับแข็ง หรืออาจกลายเป็นมะเร็งตับได้
ไวรัสตับอักเสบ ติดต่อได้อย่างไร?
ไวรัสตับอักเสบ สามารถติดต่อได้จากหลายทาง ดังต่อไปนี้
- ถ่ายทอดจากมารดาที่ติดเชื้อสู่ทารก ปัจจุบันพบไวรัสตับอักเสบบีได้น้อย เนื่องจากมีการฉีดวัคซีนให้ทารกหลังจากคลอด ซึ่งป้องกันได้เกือบ 100%
- ผ่านทางเพศสัมพันธ์ โดยไม่ได้ป้องกัน
- ผ่านเลือด หรือสัมผัสถูกบาดแผล
- ผ่านการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับบุคคลอื่น
- ผ่านการสัก เจาะหู หรือฝังเข็ม ด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม
- สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางอุจจาระที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหาร บ่อยครั้งเกิดจากการบริโภคอาหารที่ไม่ได้ล้าง อาหารดิบ หรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อน
การตรวจวินิจฉัย
- ไวรัสตับอักเสบเอ สามารถทำได้โดยการตรวจเลือดหาเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ (HAV) หรือแอนติบอดี้ IgM ซึ่งแสดงถึงการสัมผัสกับไวรัสตับอักเสบเอเป็นครั้งแรก โดยจะคงอยู่ในเลือดของคุณประมาณ 3 ถึง 6 เดือน และอาจมีการตรวจแอนติบอดี้ IgG หรือภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบเอเพิ่มเติม เพื่อดูว่าร่างกายมีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสตับอักเสเอหรือไม่
- ไวรัสตับอักเสบบี สามารถทำได้โดยการตรวจเลือดหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือ HBsAg และอาจมีการตรวจแอนติบอดี้ HBsAb หรือภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเพิ่มเติม เพื่อดูว่าร่างกายมีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่
- ไวรัสตับอักเสบซี เก็บตัวอย่างโดยการเจาะเลือด โดยส่วนใหญ่มักจะเจาะเลือดจำนวน 2 ครั้ง ได้แก่ การทดสอบแอนติบอดีและการทดสอบ PCR โดยผลการทดสอบจะออกภายใน 2 สัปดาห์ การทดสอบภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบซี (anti-HCV) จะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคุณเคยสัมผัสกับไวรัสตับอักเสบซีหรือไม่ โดยการทดสอบหาภูมิคุ้มกันไวรัสต่อไวรัส แอนติบอดีผลิตโดยระบบภูมิคุ้มกันของคุณเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค วิธีการนี้จะบอกได้เพียงว่าคุณเคยได้รับเชื้อหรือไม่ การทดสอบ PCR โดยการตรวจเลือดจะตรวจสอบว่าไวรัสยังคงมีอยู่หรือไม่ โดยตรวจสอบการแพร่พันธุ์ภายในร่างกาย
การตรวจไวรัสตับอักเสบ มีข้อดีอย่างไร?
- ทำให้ทราบว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบหรือไม่ หากมีจะได้เข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงป้องกัน และประเมินความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่น
- ทำให้ทราบว่ามีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบอยู่หรือไม่ สำหรับพิจารณาความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบต่อไป
การแปลผลการตรวจ
- ตรวจหาเชื้อ หากผลเป็นบวก แปลว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ และสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้
- ตรวจหาภูมิคุ้มกัน หากผลเป็นบวก แปลว่าร่างกายมีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซึ่งอาจได้มาจากการฉีดวัคซีนหรือร่างกายสร้างขึ้นเองจากการตอบสนองต่อการติดเชื้อ ผู้ที่มีภูมิต้านทานอยู่จะไม่เกิดการติดเชื้อ และไม่เป็นพาหะของเชื้อแพร่ไปสู่บุคคลอื่น
- กรณีที่ได้ผลเป็นลบทั้งคู่ แปลว่าไม่มีการติดเชื้อ แต่ร่างกายยังไม่มีภูมิต้านทาน แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ
แพ็กเกจอื่นเกี่ยวกับตรวจตับ ตรวจการทำงานของตับ ตรวจไวรัสตับอักเสบบี ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ atFirst Clinic ผ่าน HDmall
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 1-3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 60 วัน)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่คลินิกได้โดยตรง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ atFirst Clinic อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th