ไวรัสตับอักเสบซี คือไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง สามารถติดต่อกันทางการได้รับเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ป่วย หรือทางเพศสัมพันธ์
รายละเอียด
ทำไมคนอื่นซื้อแพ็กเกจนี้?
🩸 ตรวจหาภูมิต่อไวรัสตับอักเสบซีเบื้องต้น (HCV-Ab) ที่ คลินิกแล็บเซ็นเตอร์ คือก้าวแรกในการดูแลสุขภาพตับของคุณ! หากคุณเคยได้รับเลือดหรือสารเลือดก่อนปี 2535 หรือเคยใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การตรวจนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีอาการชัดเจน แต่หากปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่ภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับในอนาคตได้!
🏥 บริการของเราครอบคลุม:
- การตรวจหาภูมิต่อไวรัสตับอักเสบซี (HCV-Ab)
- ระยะเวลาการรับบริการประมาณ 10-30 นาที
- ผลตรวจพร้อมภายใน 2 ชั่วโมง
✨ ทำไมต้องตรวจ?
- ตรวจสอบการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีที่อาจส่งผลต่อสุขภาพในอนาคต
- ช่วยให้คุณรับรู้สถานะสุขภาพของตับและวางแผนการดูแลได้อย่างเหมาะสม
💪 การตรวจไวรัสตับอักเสบซีมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันหรือมีประวัติการรับเลือดเก่าก่อนการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบซีในเลือดที่มีคุณภาพดีขึ้นในปัจจุบัน
🚀 อย่ารอช้า! การดูแลสุขภาพตับที่ดีเริ่มต้นที่การตรวจสอบ ทำการ จองบริการ ผ่าน HDmall.co.th วันนี้เพื่อลดความเสี่ยงและวางแผนอนาคตที่สดใสสำหรับสุขภาพของคุณ!
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าตรวจหาภูมิต่อไวรัสตับอักเสบซีเบื้องต้น (HCV-Ab)
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 10-30 นาที ขึ้นอยู่กับความหนาเเน่นของผู้เข้ารับบริการ
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- ไม่จำกัดอายุในการเข้ารับบริการ
- ระยะเวลารอผลประมาณ 2 ชั่วโมง หากไม่สะดวกรอผล สามารถรับผลได้ทาง LINE หรืออีเมลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่หากต้องการรับผลทางไปรษณีย์ จะมีค่าบริการ 50 บาท
- มีการอ่านผลโดยนักเทคนิคทางการแพทย์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- หากมีความประสงค์จะพบแพทย์ สามารถนำผลไปปรึกษาแพทย์ได้เอง เนื่องจากทางคลินิกไม่มีแพทย์ประจำ
- ชาวต่างชาติสามารถเข้ารับบริการได้
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- พักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนรับบริการ
- งดอาหารก่อนการเจาะเลือด 8 ชั่วโมง
- งดดื่มสุรา งดยาบางชนิด (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตรวจ)
- หากกำลังตั้งครรภ์ มีโรคประจำตัว แพ้ยา หรือกำลังใช้ยาใดๆ อยู่ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
ก่อนตัดสินใจ
- เก็บตัวอย่างด้วยวิธีเจาะเลือด โดยส่วนใหญ่มักจะเจาะเลือดจำนวน 2 ครั้ง
ผู้ที่เหมาะกับบริการนี้
- ผู้ที่เคยได้รับเลือดและสารเลือดก่อนปี พ.ศ.2535 เนื่องจากยังไม่มีการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
- ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะก่อนปี พ.ศ.2535
- ผู้ที่มีการฉีดสารเสพติดเข้าเส้นเลือด ถึงแม้ว่าทดลองใช้เพียงครั้งเดียว
- ผู้ป่วยโรคเอดส์
- ผู้ที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
- ผู้ที่มีผลเลือดการทำงานของตับพบการอักเสบ
- ผู้ที่ติดยาเสพติดใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจากการทำฟัน
- ผู้ที่สำส่อนทางเพศหรือรักร่วมเพศ
- ผู้ที่มีการสักตามตัว การใช้เข็มที่ติดเชื้อโรคสักผิวหนัง เจาะหู ฝังเข็ม
- ผู้ที่มีประวัติมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง
- บุคลากรทางการแพทย์ที่ถูกเข็มตำจากผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง
- การใช้ของส่วนตัวที่เปื้อนเลือดร่วมกัน เช่น มีดโกน หรือกรรไกรตัดเล็บ
- ทารกที่เกิดจากแม่ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (ติดได้แต่พบน้อย)
ข้อมูลทั่วไป
ไวรัสตับอักเสบซี คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดซี สามารถติดต่อกันทางเลือดหรือเพศสัมพันธ์คล้ายกับไวรัสตับอักเสบบี แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้ทางการให้นมบุตร การจามหรือไอรดกัน การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำด้วยกัน หรือการใช้ถ้วยชามร่วมกัน
เชื้อไวรัสตับอักเสบซี เมื่อเข้าไปในร่างกายจะแบ่งตัวและอาศัยอยู่ในตับ ระยะแรกทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมักจะมีอาการไม่มาก ทำให้ผู้รับเชื้อไม่ทราบว่ามีตับอักเสบ โดยประมาณเกือบ 8% ของผู้ที่ได้รับเชื้อจะมีการติดเชื้อเรื้อรังและตามมาด้วยตับอักเสบแบบเรื้อรังแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ค่อยมีอาการชัดเจน ผ่านไปประมาณ 10-30 ปีจึงเข้าสู่ระยะตับแข็ง และอีกสิบปีต่อมาจึงถึงระยะท้ายของโรคตับแข็ง เมื่อมีโรคตับแข็งเกิดขึ้นจะมีโอกาสเกิดมะเร็งตับได้ประมาณ 1-3% ทั้งนี้จากสถิติที่ติดตามอาการของผู้ป่วยโรคตับแข็งจากไวรัสตับอักเสบซี จำนวน 100 คน จะมี 3 คนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับตามมา
ภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
- ตับอักเสบเฉียบพลัน หลังจากไวรัสตับอักเสบซีเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำให้เกิดการอักเสบของตับ แต่ส่วนมากผู้ป่วยจะไม่มีอาการ มีเพียงประมาณ 25-30% ของผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ที่เรียกว่าดีซ่าน ดังนั้นผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าตัวเองเกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแบบเฉียบพลัน
- ตับอักเสบเรื้อรัง ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีมากกว่า 60% จะเกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งในระยะแรกผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการ จนเมื่อตับถูกทำลายไปมากพอควรหรือมีการอักเสบของตับมาก ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
- ตับแข็ง ผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบซีนั้น ตับจะมีอาการอักเสบและถูกทำลายไปเรื่อยๆ จนในที่สุดจะกลายเป็นตับแข็ง ซึ่งถ้าเป็นมากแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียมาก ดีซ่าน ท้องมาน และเกิดตับวายได้ในที่สุด
- มะเร็งตับ ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังจะมีโอกาสเกิดมะเร็งตับได้มากกว่าคนปกติ แต่มีรายงานว่าถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังอย่างถูกต้อง ก็สามารถลดโอกาสเกิดมะเร็งตับลงได้
อาการหลังจากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคตับอักเสบซีจะไม่แสดงอาการ ผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบซีเฉียบพลันบางรายจะมีอาการภายใน 1 ถึง 3 เดือนหลังจากที่ได้รับเชื้อไวรัส โดยอาจมีอาการเหล่านี้
- ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม
- ร่างกายอ่อนเพลีย
- มีไข้
- อุจจาระสีเทาหรือมีลักษณะคล้ายดินเหนียว
- ปวดข้อกระดูก
- เบื่ออาหาร
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้องประจำเดือน
- มีภาวะดีซ่าน โดยมีตาและผิวหนังเหลือง
และในกรณีที่เป็นโรคตับอักเสบซีเรื้อรัง จะไม่มีลักษณะอาการใด แต่จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนและเริ่มมีอาการอื่น ๆ โดยอาจเกิดขึ้นได้หลายสิบปีหลังจากที่ติดเชื้อ
ไวรัสตับอักเสบซี ติดต่อได้อย่างไร?
- สัมผัสเลือด สารคัดหลั่งของร่างกาย ได้แก่ เลือด น้ำเหลือง น้ำเหลืองจากเลือด เหงื่อ ไขมันจากต่อมเหงื่อ หนอง น้ำไขสันหลัง น้ำตา น้ำในช่องต่างๆ ของดวงตา ขี้หู น้ำมูก ขี้มูก น้ำลาย เสมหะ น้ำนม อาเจียน น้ำดี น้ำจากช่องคลอด น้ำอสุจิ นอกจากนี้ ยังมีน้ำต่างๆ ในโพรงของอวัยวะต่างๆ เช่น น้ำในช่องท้อง และน้ำในช่องปอดและปัสสาวะ
- ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เช่น ผู้เสพสารเสพติด
- ได้รับเลือดที่มีผู้บริจาคก่อน พ.ศ. 2535 เพราะการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบซีในช่วงนั้นยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในเลือด ทุกถุงก่อนจะนำมาให้กับผู้ป่วย
- ทารกได้รับเชื้อจากมารดาขณะคลอด
- เพศสัมพันธ์
- การใช้สิ่งของในชีวิตประจำวันที่อาจมีการสัมผัสเลือดร่วมกัน เช่น อุปกรณ์โกนหนวด แปรงสีฟัน กรรไกรตัดเล็บ
การตรวจวินิจฉัยไวรัสตับอักเสบซี
เก็บตัวอย่างโดยการเจาะเลือด โดยส่วนใหญ่มักจะเจาะเลือดจำนวน 2 ครั้ง ได้แก่ การทดสอบแอนติบอดีและการทดสอบ PCR โดยผลการทดสอบจะออกภายใน 2 สัปดาห์
- การทดสอบภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบซี (anti-HCV) จะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคุณเคยสัมผัสกับไวรัสตับอักเสบซีหรือไม่ โดยการทดสอบหาภูมิคุ้มกันไวรัสต่อไวรัส แอนติบอดีผลิตโดยระบบภูมิคุ้มกันของคุณเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค วิธีการนี้จะบอกได้เพียงว่าคุณเคยได้รับเชื้อหรือไม่
- การทดสอบ PCR โดยการตรวจเลือดจะตรวจสอบว่าไวรัสยังคงมีอยู่หรือไม่ โดยตรวจสอบการแพร่พันธุ์ภายในร่างกาย
การตรวจไวรัสตับอักเสบซี มีข้อดีอย่างไร?
- ทำให้ทราบว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีหรือไม่ หากมีจะได้เข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงป้องกันและประเมินความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่น
- ทำให้ทราบว่ามีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบซีอยู่หรือไม่ สำหรับพิจารณาความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซีต่อไป
การแปลผลการตรวจ
- ภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบซี (anti-HCV) เป็นภูมิที่บอกว่ามีหรือเคยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ถ้าให้ผลบวก แสดงว่าเคยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีมาก่อนโดยที่ขณะนี้อาจมีหรือไม่มีไวรัสอยู่ในเลือดก็ได้
- การนับปริมาณไวรัสโดยวิธี Polymerase Chain Reaction (PCR) ถ้าให้ผลบวกแสดงว่ากำลังมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
แพ็กเกจอื่นเกี่ยวกับตรวจตับ ตรวจการทำงานของตับ ตรวจไวรัสตับอักเสบบี ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ คลินิกแล็บเซ็นเตอร์ ผ่าน HDmall
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 1-3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 60 วัน)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่ห้องปฏิบัติการได้โดยตรง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ คลินิกแล็บเซ็นเตอร์ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th