ไวรัสตับอักเสบบี เป็นเชื้อไวรัสที่อันตราย หากอักเสบเรื้อรังอาจทำให้เกิดตับวาย ตับแข็ง หรือมะเร็งตับได้
รายละเอียด
ทำไมคนอื่นซื้อแพ็กเกจนี้?
🔍 รู้หรือไม่? โรคตับอักเสบบี เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตจากโรคตับ! หากคุณมีอาการคล้ายเป็นหวัด ปวดท้อง หรือมีอาการปัสสาวะเข้ม อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณควรตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) ก่อนที่จะสายเกินไป
🩺 ที่ MN Medical Clinic เรามีบริการ ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี HBsAg ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณรู้สถานะสุขภาพของตับคุณอย่างแม่นยำในเวลาเพียง 15-30 นาที! การตรวจนี้ไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหาร และคุณจะได้รับผลภายใน 1-2 วันผ่านอีเมลหรือ Zoom
💡 ทำไมควรตรวจไวรัสตับอักเสบบี?
- ทำให้ทราบว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ และป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น
- สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้หากตรวจพบเชื้อ
🚨 อย่าปล่อยให้สุขภาพตับของคุณอยู่ในความเสี่ยง! การไม่ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอาจทำให้เกิดผลร้ายแรง เช่น ตับแข็งหรือมะเร็งตับในอนาคต หากคุณมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี คุณควรตรวจสอบสภาพร่างกายของคุณด่วน!
💪 ที่ MN Medical Clinic เราใช้เทคโนโลยีการตรวจที่ทันสมัยและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่เชื่อถือได้ มาช่วยกันดูแลสุขภาพตับของคุณให้ดีขึ้น!
👉 จองบริการตรวจไวรัสตับอักเสบบีกับเราได้ง่ายๆ ที่ HDmall.co.th และเริ่มต้นการดูแลสุขภาพของคุณวันนี้!
รายละเอียด
รายละเอียดราคา ตรวจไวรัสตับอักเสบบี
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี HBsAg
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ ตรวจไวรัสตับอักเสบบี
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผู้เข้ารับบริการ
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- ไม่จำเป็นต้องงดน้ำและอาหารก่อนเข้ารับบริการ
- ระยะเวลารอฟังผลตรวจประมาณ 1-2 วัน โดยจะส่งผลให้ทางอีเมล หรือฟังผลออนไลน์ผ่านระบบ Zoom
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีการตั้งครรภ์ แพ้ยา มีโรคประจำตัว หรือมียาที่รับประทานประจำ เพราะอาจต้องงดยาบางชนิดล่วงหน้าก่อนตรวจเลือด
- งดอาหารก่อนการเจาะเลือด 8 ชั่วโมง
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการตรวจเลือด
การดูแลหลังรับบริการ
- หากตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบี แพทย์มักแนะนำให้ตรวจเช็กการทำงานของตับ (Liver Function Test) เพื่อดูความเสียหาย ณ ปัจจุบันว่ายังคงเหลือประสิทธิภาพมากน้อยอยู่เท่าใด และจะจัดยาทำลายเชื้อไวรัสพร้อมคำแนะนำในการดูแลตนเอง
- หากตรวจไม่พบเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ได้แก่ ควรฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบบีให้ครบ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง งดกินยา และวิตามินเสริมที่ไม่จำเป็น งดการใช้ภาชนะส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น มีเพศสัมพันธ์โดยการสวมถุงยางอนามัยเสมอ งดการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย และหมั่นตรวจสุขภาพทุกปี
ก่อนตัดสินใจ
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ผู้ที่เหมาะกับบริการนี้
- ผู้ที่สงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- ผู้ที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
- สตรีมีครรภ์ หรือมีโอกาสตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี
- ผู้ที่กำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่เป็นโรคไตระยะสุดท้าย หรือมีการฟอกไต
ข้อมูลทั่วไป
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการตรวจไวรัสตับอักเสบบี
โรคตับอักเสบบี (Hepatitis B) เป็นโรคที่มีการอักเสบของตับ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี ที่อาจทำให้เกิดอาการป่วยเล็กน้อยหลายสัปดาห์ หรือเป็นเรื้อรังทำให้เกิดอาการรุนแรงเกิดผลเสียในระยะยาวได้
อาการหลังจากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี
หลังจากได้รับเชื้อ เชื้อจะฟักตัว 2-3 เดือน แล้วจึงแสดงอาการคล้ายเป็นหวัด คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ อ่อนเพลีย ปัสสาวะเข้ม ตาเหลือง ปวดกล้ามเนื้อ ข้อ และปวดใต้ชายโครงขวาจากภาวะตับโตร่วมด้วย ซึ่งร่างกายจะค่อยๆ กำจัดเชื้อออกไป พร้อมกับสร้างภูมิคุ้มกัน อาการจึงค่อยๆ ดีขึ้นภายในเวลา 2-3 สัปดาห์
แต่หากไม่สามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้ จะเกิดการติดเชื้อเรื้อรัง ซึ่งบางรายเกิดการอักเสบของตับร่วมด้วย ทำให้เซลล์ตับตายกลายเป็นพังผืดจนเกิดตับแข็ง หรืออาจกลายเป็นมะเร็งตับได้
ไวรัสตับอักเสบบี ติดต่อได้อย่างไร?
ไวรัสตับอักเสบชนิดบี สามารถติดต่อได้จากหลายทาง ดังต่อไปนี้
- ถ่ายทอดจากมารดาที่ติดเชื้อสู่ทารก ปัจจุบันพบน้อยเนื่องจากมีการฉีดวัคซีนให้ทารกหลังจากคลอด ซึ่งป้องกันได้เกือบ 100%
- ผ่านทางเพศสัมพันธ์ โดยไม่ได้ป้องกัน
- ผ่านเลือด หรือสัมผัสถูกบาดแผล
- ผ่านการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับบุคคลอื่น
- ผ่านการสัก เจาะหู หรือฝังเข็ม ด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม
การตรวจวินิจฉัยไวรัสตับอักเสบบี
สามารถทำได้โดยการตรวจเลือดหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือ HBsAg และอาจมีการตรวจแอนติบอดี้ HBsAb หรือภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเพิ่มเติม เพื่อดูว่าร่างกายมีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่
การตรวจไวรัสตับอักเสบบี มีข้อดีอย่างไร?
- ทำให้ทราบว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่ หากมีจะได้เข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงป้องกัน และประเมินความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่น
- ทำให้ทราบว่ามีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอยู่หรือไม่ สำหรับพิจารณาความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีต่อไป
การแปลผลการตรวจ
- ตรวจหาเชื้อ (HBsAg) หากผลเป็นบวก แปลว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้
- ตรวจหาภูมิคุ้มกัน (HBsAb หรือ Anti-HBs) หากผลเป็นบวก แปลว่าร่างกายมีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งอาจได้มาจากการฉีดวัคซีนหรือร่างกายสร้างขึ้นเองจากการตอบสนองต่อการติดเชื้อ ผู้ที่มีภูมิต้านทานอยู่จะไม่เกิดการติดเชื้อ และไม่เป็นพาหะของเชื้อแพร่ไปสู่บุคคลอื่น
- กรณีที่ได้ผลเป็นลบทั้งคู่ แปลว่าไม่มีการติดเชื้อ แต่ร่างกายยังไม่มีภูมิต้านทาน แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
แพ็กเกจอื่นเกี่ยวกับตรวจตับ ตรวจการทำงานของตับ ตรวจไวรัสตับอักเสบบี ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ MN Medical Clinic ผ่าน HDmall
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 1-3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 60 วัน)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่คลินิกได้โดยตรง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ MN Medical Clinic อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th