ประกาศ❗ผู้ใช้บัตรเครดิต Citi และ UOB จะไม่สามารถผ่อนชำระได้ตั้งแต่วันที่ 18-21 เม.ย. 67 (ผ่อนได้ 22 เม.ย. 67) แต่ยังสามารถใช้บัตรชำระเต็มจำนวนได้ผ่านแอดมิน
รายละเอียด
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าจัดฟันแบบโลหะ
- ค่าตรวจและให้คำปรึกษาจากทันตแพทย์
- ค่าติดเครื่องมือ
- ค่าถอดเครื่องมือ
สิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่ม
- ค่าพิมพ์ปาก 2,300 บาท
- ค่าเอกซเรย์ 2,200 บาท
- ค่ารีเทนเนอร์แบบลวด สำหรับฟันบนและฟันล่าง 6,000 บาท
- ค่าแบร็คเก็ตหลุด ตัวละ 500 บาท
หมายเหตุ
- ถ้าต้องเคลียร์ช่องปากก่อนการรักษา มีค่าบริการเพิ่มเติมดังนี้
- ค่าขูดหินปูน 1,000-2,000 บาท
- ค่าอุดฟัน ด้านละ 1,000-1,200 บาท
- ค่าถอนฟัน เริ่มต้นซี่ละ 900 บาท
- ค่าผ่าฟันคุด ซี่ละ 4,000-4,500 บาท
- ถ้าต้องรักษาในกรณีพิเศษ เช่น การขยายขากรรไกร หรือมีค่าบริการอื่นๆเพิ่มเติม ทันตแพทย์จะแจ้งให้ทราบในวันแรกที่เข้ารับบริการ
- กรณีที่จัดฟันเสร็จก่อน ทันตแพทย์จะเรียกเก็บส่วนที่เหลือก่อนถอดเครื่องมือ
- กรณีจัดฟันครบคอร์ส แล้วยังจัดไม่เสร็จ ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ต้องมาตามการนัดหมายทุกเดือน)
วิธีการจ่ายเงิน
- ครั้งที่ 1: นัดปรึกษาทันตแพทย์ฟรี ประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นและประเมินแผนการจัดฟัน จะทราบราคาคอร์สจัดฟันในขั้นตอนนี้ (รวมทั้งราคาฟันคุด หากทันตแพทย์ประเมินว่าต้องการรักษา)
- ครั้งที่ 2: พิมพ์ปาก และเอกซเรย์เพื่อเก็บรายละเอียดฟันก่อนการรักษา (ค่าบริการจ่ายแยก ไม่รวมในคอร์ส)
- ครั้งที่ 3: เคลียร์ช่องปาก (ค่าบริการจ่ายแยก ไม่รวมในคอร์ส)
- ครั้งที่ 4 เป็นต้นไป: ติดอุปกรณ์ เริ่มจัดฟัน (ชำระค่าคอร์สจัดฟัน)
รูปแบบการชำระค่าบริการ
- เดือนที่ 1-2 จ่าย 6,000 บาท เดือนต่อไป เดือนละ 2,000 บาท
ก่อนตัดสินใจ
- ต้องให้ทันตแพทย์ประเมินก่อนว่าเหมาะสำหรับการจัดฟันแบบใด เนื่องจากการจัดฟันแต่ละแบบเหมาะกับปัญหาที่ต่างกัน
- บางกรณีอาจต้องถอนฟันแท้ กรอฟัน หรือผ่าตัดกระดูกขากรรไกรร่วมด้วย
- ระหว่างจัดฟัน จะมีข้อจำกัดด้านการรับประทานอาหาร เช่น ห้ามกัดของแข็ง เคี้ยวหมากฝรั่ง เพราะอาจทำให้เครื่องมือจัดฟันเสียหาย
- ช่วงแรกของการจัดฟันอาจรู้สึกตึง ปวด เจ็บ เป็นปกติ จากนั้นอาการจะค่อยๆ หายไปเอง
ข้อมูลทั่วไป
การจัดฟัน คือ การใช้เครื่องมือค่อยๆ เปลี่ยนโครงสร้างฟันอย่างช้าๆ ใช้ในการแก้ไขความผิดปกติของฟันที่มีการเรียงตัวผิดปกติ ไม่สมดุล ให้เรียงตัวอย่างเหมาะสมและสามารถสบฟันได้พอดี
ควรเริ่มจัดฟันเมื่ออายุเท่าไร?
โดยทั่วไปสามารถเข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องการจัดฟันได้ตั้งแต่ฟันน้ำนมหลุดออกหมดแล้ว หรืออายุราว 11-12 ปี ทันตแพทย์จะตรวจสอบดูสภาพช่องปากและปัญหาฟันของแต่ละคนว่าสามารถจัดฟันได้หรือยัง ซึ่งบางกรณีอาจต้องรักษาด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น ผ่าตัดขากรรไกร ตัดเหงือก ถอนฟันแท้
มีคำแนะนำว่าควรจัดฟันตั้งแต่อายุยังไม่มาก เนื่องจากระหว่างฟันเคลื่อนที่ กระดูกที่รองรับฟันและที่อยู่รอบๆ รากฟันจะมีการทำลายตัวและสร้างขึ้นใหม่ ในเด็กหรือคนอายุน้อยๆ กระบวนการเสริมสร้างกระดูกจะรวดเร็วและดีกว่าในผู้ใหญ่
ประเภทของการจัดฟัน
การจัดฟันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
- การจัดฟันแบบติดแน่น สามารถแบ่งประเภทย่อยลงไปได้อีกตามเครื่องมือที่ใช้ เช่น จัดฟันแบบโลหะหรือเหล็กจัดฟัน จัดฟันแบบเซรามิก จัดฟันแบบไม่ใช้ยางหรือที่เรียกกันว่า จัดฟันดามอน ตามชื่อยี่ห้อเครื่องมือ
- การจัดฟันแบบถอดได้ จะเป็นการใช้เครื่องมือจัดฟันแบบใส ซึ่งมีให้เปลี่ยนใส่จำนวนหลายชุด เพื่อค่อยๆ ปรับการเรียงตัวของฟัน อุปกรณ์จัดฟันใสมีหลายยี่ห้อ เช่น Invisalign, Clear Aligner, Senyum
แพ็กเกจนี้ใช้การจัดฟันแบบโลหะ หรือจัดฟันลวด
เป็นการจัดฟันแบบมาตรฐานที่พบเห็นได้ทั่วไป วัสดุที่ใช้คือแบร็กเกตโลหะ ลวดสำหรับงานทันตกรรม และมีการใช้ยางซึ่งมีหลากสีสันให้เลือก รัดแบร็กเกตกับลวดให้ยึดติดกับซี่ฟัน
ประมาณ 4-6 สัปดาห์ ยางจะเสื่อม ดังนั้นผู้รับการจัดฟันจึงต้องพบทันตแพทย์เพื่อเปลี่ยนยาง และทันตแพทย์จะทำการดึงลวดให้ตึงขึ้นเพื่อให้ฟันเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม
จัดฟันลวด ใช้เวลานานเท่าไหร่?
ขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้วใช้เวลาประมาณ 1-3 ปี
ข้อดีของการจัดฟันลวด
- ใช้แก้ปัญหาฟันได้เกือบทุกรูปแบบ เช่น ฟันซ้อน เก ห่าง สบคร่อม สบลึก
- สามารถเปลี่ยนสียางยึดเครื่องมือจัดฟันได้ทุกเดือน
ข้อเสียของการจัดฟันลวด
- เห็นชัดว่าจัดฟันอยู่
- อาจมีปัญหาตะขออุปกรณ์เกี่ยวกับเนื้อเยื่อในช่องปากได้
- การดูแลรักษาความสะอาดของเครื่องมือจัดฟันแบบนี้ ยากกว่าการรักษาความสะอาดเครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้
วิธีชำระและใช้งาน
นัดคิวเข้าไปให้คุณหมอตรวจประเมิน แล้วกลับมาจ่ายเงินที่ HDmall.co.th รับส่วนลดทันที
- กด 'จองเลย' แล้วกรอกข้อมูลให้ครบ
- นัดคิวเข้าไปให้คุณหมอตรวจประเมินก่อนรับบริการ (อาจมีค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก)
- นำยอดค่าใช้จ่ายที่คุณหมอสรุปให้ มาแจ้งกับแอดมิน HDmall โดยเข้าไลน์ @hdcoth แล้วพิมพ์ 'hdexpress' เพื่อดำเนินการชำระเงินพร้อมรับส่วนลด สามารถเลือกวิธีโอน จ่ายบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต โดยจ่ายบัตรเครดิตได้เมื่อมียอดชำระ 300 บาทขึ้นไป ผ่อนได้เมื่อมียอดชำระตั้งแต่ 3,000 บาท
- รอรับคูปองทางอีเมล (จะออกภายใน 15 นาทีหลังแอดมินตรวจสอบการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว) คูปองมีอายุ 60 วัน
- นำคูปองไปยื่นที่คลินิกเพื่อรับบริการ
*ระยะเวลาผ่อนชำระขึ้นอยู่กับราคาแพ็กเกจ
จองแพ็กเกจผ่าน HDmall.co.th ให้คุณหมอตรวจประเมิน แล้วไปจ่ายเงินที่คลินิก รับแคชแบ็กหลังรับบริการ
- กด 'จองเลย' และกรอกข้อมูลให้ครบ
- รับคูปองทางอีเมล คูปองมีอายุ 30 วัน
- นำคูปองไปยื่นที่คลินิกเพื่อรับการตรวจประเมินจากแพทย์ก่อนทำ เมื่อแพทย์พิจารณาว่ารับบริการได้ สามารถนัดหมายวันรับบริการและจ่ายเงินราคาเต็มที่คลินิกได้เลย
- ภายใน 30 วันนับจากชำระเงิน กรุณาส่งหลักฐานดังนี้ให้แอดมินทางไลน์ @hdcoth เพื่อรับแคชแบ็ก
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาใบเสร็จของคลินิก
- สำเนาหน้าสมุดบัญชี
- หน้าคูปอง
- รอรับแคชแบ็กภายใน 7-14 วัน (ตัดรอบโอนเงินทุกวันจันทร์ เวลา 15.00 น. เงินจะเข้าบัญชีของคุณภายในวันศุกร์)
*ผู้ที่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม ประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิต จะไม่สามารถรับสิทธิ์พิเศษต่างๆ รวมถึงไม่สามารถเบิก Cashback จาก HDmall.co.th ได้
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ ทางคลินิกจะสรุปค่าใช้จ่ายให้ทราบหลังแพทย์ตรวจประเมิน
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ Prodent Dental Clinic อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th