รายละเอียด
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าแก้จมูกแบบ Semi-Open โดยใช้กระดูกอ่อนซี่โครง
- ค่าตัดไหม
หมายเหตุ
- กรณีเข้ารับการประเมินแล้วยังไม่ตัดสินใจทำ จะมีค่าบริการเพิ่มเติม ราคา 1,000 บาท
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ แก้จมูก
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- แพ็กเกจนี้ทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ
- ดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์
- กรณีที่มีการใช้ซิลิโคน ซิลิโคนที่ใช้จะขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณาตามความเหมาะสม
- หลังผ่าตัดแพทย์จะให้นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อดูอาการ หากไม่มีอะไรผิดปกติก็สามารถกลับบ้านได้
- เจ้าหน้าที่จะนัดมาตัดไหมหลังผ่าตัดประมาณ 7 วัน ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน
- ติดตามผลหลังผ่าตัดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ ประมาณ 3-5 ครั้ง
- กรณีซื้อผ่าน HDmall.co.th ในวันที่เข้ารับบริการลูกค้าจะได้ใบแจ้งหนี้ (Invoice) เท่านั้นไม่สามารถออกใบเสร็จได้
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- งดกลุ่มยาที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด หยุดรับประทานสมุนไพร วิตามิน อาหารเสริมต่างๆ เพราะอาจเป็นเหตุให้เลือดออกง่าย หรือออกมากกว่าปกติ
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบริเวณใบหน้าก่อนรับบริการ
- งดสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 4 สัปดาห์ ก่อนและหลังผ่าตัด เพราะมีผลต่อการหายของแผล อาจทำให้แผลหายช้า หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- แจ้งโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยารับประทาน ยาชา หรือยาสลบ ให้แพทย์ทราบ
- เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ตื่นเต้นมากกว่าความเป็นจริง และควรรับทราบว่าหลังการผ่าตัดมีโอกาสเกิดรอยช้ำและการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องใช้เวลาในการเข้าที่หรือความเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่
การดูแลหลังรับบริการ
- วันที่ 1-3 หลังผ่าตัด แนะนำให้ประคบด้วยน้ำแข็งเพื่อลดความเจ็บปวดและป้องกันการบวมโดยวางถุงประคบรอบๆ จมูก
- ห้ามแผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม 7 วัน
- ทำความสะอาดใบหน้าด้วยผ้าเปียก หรือทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแทนการล้างหน้า
- ในช่วงวันที่ 4 หลังผ่าตัด แนะนำให้ประคบร้อนเพื่อลดอาการบวมช้ำบริเวณรอบๆ จมูก
- นอนศีรษะสูง และห้ามนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ เนื่องจากอาจไปกดทับบริเวณจมูกที่ยังอักเสบอยู่
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบอย่างเคร่งครัด
- มาตามนัดที่ได้รับจากทางโรงพยาบาล ห้ามแกะพลาสเตอร์ หรือตัดไหมออกเองก่อนกำหนด
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารทะเล ของหมักดอง อาหารรสจัด และอาหารที่คบเคี้ยวยากในช่วง 1 เดือนแรก
- สามารถออกกำลังกายหนักๆ เช่น วิ่ง หรือว่ายน้ำ ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป
- หากมีความผิดปกติอื่นๆ สามารถมาปรึกษาที่โรงพยาบาลได้ทันที
ก่อนตัดสินใจ
- ผลลัพธ์ของการเสริมความงามขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากพบอาการผิดปกติหลังรับบริการควรปรึกษาแพทย์
- การผ่าตัดแก้ไขจมูก ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด และวางแผนการรักษาให้ตรงกับความต้องการของผู้เข้ารับบริการ
- ควรสอบถามแพทย์เกี่ยวกับการงดรับประทานยา วิตามิน อาหารเสริม หรือเครื่องดื่มที่อาจส่งผลกระทบต่อการผ่าตัด
ข้อห้ามสำหรับการผ่าตัดแก้ไขจมูก
- สตรีตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่ใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โรคหลอดเลือดผิดปกติต่างๆ เช่น เส้นเลือดตีบ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการผ่าตัด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี (HIV)
- ผู้ที่เป็นหวัด มีแผลติดเชื้อ ควรรักษาให้หายก่อนทำ
ผู้ที่เหมาะกับบริการนี้
- ผู้ที่เสริมจมูก แล้วซิลิโคนเบี้ยว เอียง ไม่อยู่กึ่งกลางริมฝีปากบน
- ผู้ที่ปลายจมูกบางใส เจ็บ เสียวปลายจมูก ปลายจมูกแดง ปลายจมูกงุ้มผิดปกติ หรือซิลิโคนทะลุออกมา (จะต้องไปพบแพทย์ทันที)
- ผู้ที่มีอาการอักเสบหลังการเสริมจมูก เช่น ปวด เจ็บ บวมแดง มีน้ำขุ่นๆ หรือหนองไหลออกมาจากแผลผ่าตัด
- ผู้ที่เสริมจมูก แล้วจมูกผิดรูป ดูใหญ่ หรือผิวไม่เรียบ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- ความเสี่ยงทั่วไปจากการผ่าตัด เช่น มีเลือดออก เกิดการติดเชื้อ แพ้ยาชา หรือยาสลบที่ใช้
- มีอาการบวม ชาบริเวณจมูก
- มีแผลเป็นบริเวณฐานจมูก
- เส้นประสาทถูกทำลายถาวร
- สังเกตเห็นซิลิโคนที่ใช้เสริม
- อาจต้องมีการผ่าตัดแก้ไขเพิ่มในภายหลัง เนื่องจากซิลิโคนเคลื่อน เบี้ยว หรือทะลุ
ข้อมูลทั่วไป
การผ่าตัดแก้ไขจมูก
เป็นการผ่าตัดแก้ไขจมูกในกรณีที่ผ่านการเสริมจมูกด้วยวัสดุต่างๆ เช่น ซิลิโคน เนื้อเยื่อของตนเอง หรือการฉีดฟิลเลอร์ แล้วไม่พึงพอใจในผลลัพธ์ หรือเกิดผลข้างเคียงหลังการเสริมจมูก เช่น ซิลิโคนเบี้ยว ปลายจมูกบาง หรือแผลติดเชื้อ โดยแพทย์จะเลือกวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสมกับแต่ละกรณี
การผ่าตัดเสริมซิลิโคนที่จมูกใหม่ ทำได้เมื่อไร?
ส่วนใหญ่แล้วสามารถทำได้ทันทีหลังจากที่นำวัสดุเสริมจมูกเดิมออก อย่างไรก็ตาม หากมีการอักเสบ หรือแผลติดเชื้อ จะต้องเข้ารับการรักษาให้หายดีก่อน โดยระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ตัวอย่างปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดเสริมจมูก
การผ่าตัดแก้ไขจมูกจะขึ้นอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้น และการประเมินของแพทย์ เช่น
- ซิลิโคนเบี้ยว เอียง⠀แก้ไขด้วยการผ่าตัดแบบเปิดเพื่อนำซิลิโคนเก่าออกและเลาะพังผืดออก ปรับโครงสร้างจมูกที่อาจเป็นสาเหตุให้ซิลิโคนเบี้ยว เช่น จมูกคด หรือสันจมูกที่มีลักษณะนูน (ฮัมป์) แล้วเสริมซิลิโคนใหม่
- ปลายจมูกบาง ทะลุ แก้ไขด้วยการผ่าตัดแบบเปิดเพื่อนำซิลิโคนเก่าและเลาะพังผืดออก ปรับโครงสร้างจมูกเดิม และเสริมซิลิโคนใหม่ โดยแพทย์อาจรองปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อของผู้เข้ารับการผ่าตัด เช่น กระดูกอ่อนหลังหู เนื้อเยื่อไขมัน หรือเนื้อเยื่อเทียม เพื่อป้องกันการทะลุ
- แผลผ่าตัดเสริมจมูกอักเสบ แก้ไขด้วยการผ่าตัดแบบเปิดเพื่อนำซิลิโคนเก่าและเลาะพังผืดออก รักษาอาการอักเสบ หรือแผลติดเชื้อให้หายเป็นปกติ แล้วเสริมซิลิโคนใหม่ในภายหลัง
- ปัญหาจากการเสริมจมูกด้วยการฉีดซิลิโคนเหลว แก้ไขด้วยการผ่าตัดแบบเปิดเพื่อเลาะสารซิลิโคนและพังผืดออก ปรับโครงสร้างจมูกเดิม และเสริมซิลิโคนใหม่ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีการอักเสบร่วมด้วย จะต้องรักษาการอักเสบให้หายดีก่อน
การปรับโครงสร้างจมูก เป็นหนึ่งในการศัลยกรรมจมูก โดยศัลยแพทย์จะใช้กระดูกอ่อนจากส่วนต่างๆ ของร่างกายมาเป็นวัสดุเสริมจมูก ซึ่งอาจใช้ร่วมกับการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน หรือไม่ใช้ก็ได้
กระดูกอ่อนแต่ละส่วนจะเหมาะสำหรับนำมาปรับโครงสร้างจมูกที่ต่างกัน เช่น
- กระดูกอ่อนหลังใบหู⠀นิยมนำมาเสริมปลายจมูกให้โด่งขึ้น ลดโอกาสเกิดการทะลุของซิลิโคน
- กระดูกอ่อนซี่โครง ช่วยเพิ่มสันจมูกแทนการใช้ซิลิโคน
- กระดูกอ่อนจากผนังกั้นจมูก เสริมปลายจมูกให้ยาว และพุ่งโด่งมากขึ้น
ข้อดีของการปรับโครงสร้างจมูก
- มีความเป็นธรรมชาติ
- เป็นเนื้อเยื่อของตนเอง โอกาสเกิดอาการแพ้น้อย
- ไม่ต้องกังวลว่าปลายจมูกจะบาง หรือทะลุ
- ยุบบวมเร็วกว่าการเสริมด้วยซิลิโคน
ข้อเสียของการปรับโครงสร้างจมูก
- เป็นการศัลยกรรมจมูกที่ยากกว่าการเสริมด้วยซิลิโคนทั่วไป ต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์
- ต้องผ่าตัดเพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่งเพื่อให้ได้กระดูกอ่อน ทำให้ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าปกติ
- ใช้ระยะเวลาการผ่าตัด 3 ชั่วโมงขึ้นไป
- หลังเข้ารับการปรับโครงสร้างจมูกจะต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืน
คลินิกและโรงพยาบาลอื่นที่มีบริการ เสริมจมูก ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ โรงพยาบาลเอเซีย ผ่าน HDmall
ขั้นตอนการจ่ายเงินและรับแคชแบ็ก
- จองแพ็กเกจกับ HDmall จากนั้นเจ้าหน้าที่จะส่งคูปองให้ทางอีเมล
- เข้ารับบริการที่โรงพยาบาลตามวันที่นัดหมาย
- ชำระเงินที่โรงพยาบาลเต็มจำนวนตามที่แพทย์ประเมิน
- ทักไลน์ @hdcoth และกดปุ่ม “ทำนัด/ขอแคชแบ็ก” กรอกลิงก์ที่เจ้าหน้าที่ส่งให้พร้อมแนบใบเสร็จภายใน 30 วันหลังรับบริการ
หมายเหตุ
- ผู้ที่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม ประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิต จะไม่สามารถรับสิทธิ์พิเศษต่างๆ รวมถึงไม่สามารถเบิก Cashback จาก HDmall.co.th ได้
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 30-60 วัน ตามที่ระบุในคูปอง)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่โรงพยาบาลได้โดยตรง
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ โรงพยาบาลเอเซีย อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th