
คอร์สเจ้าสาว SETA ประกอบด้วย ฉีด Botulinum Toxin Botulax ฉีดวิตามิน เมโสเด้พลัส ดูรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดในรายละเอียดราคา
รายละเอียด
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าคอร์สเจ้าสาว SETA ประกอบด้วย
- ฉีด Botulinum Toxin Botulax บริเวณกราม ปรับรูปหน้า ไม่จำกัดยูนิต
- ฉีด Botulinum Toxin Botulax ยกกระชับใบหน้า กรอบหน้าชัด แบบเฉพาะที่คลินิกเท่านั้น
- ฉีดวิตามิน (Mega Dose IV) 2 ครั้ง ครั้งละ 100 มิลลิลิตร
- เมโสเด้พลัส (Mesode Plus) หน้าใส 2 ครั้ง ครั้งละ 3 มิลลิลิตร
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการแบบไม่ใช้ยาชาประมาณ 10-20 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณและปริมาณที่ฉีด หากใช้ยาชาจะใช้เวลาประมาณ 60 นาที
- ควรนัดคิวปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินใบหน้าก่อนทำ
- โดยทั่วไป การฉีด Botulinum Toxin ลดกราม จะเห็นผลภายใน 2-3 สัปดาห์ สำหรับการฉีดเพื่อยกกระชับใบหน้า โดยทั่วไปจะเห็นผลภายใน 12-14 วัน
- แพทย์จะตรวจสอบสภาพผิวก่อนฉีด
- จากนั้นจะทายาชาหรือใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่จะฉีด เพื่อให้หลอดเลือดรอบข้างหดตัว และจะใช้เข็มขนาดเล็กฉีดในปริมาณพอเหมาะลงที่กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว
- บางรายอาจมีอาการบวมแดงหรือช้ำในช่วง 1-2 วันแรกหลังฉีด ให้ใช้น้ำแข็งประคบเบาๆ ได้
- หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ปวด บวม แดง ร้อน คัน หนังตาตก มุมปากตก หนังตาตก ปวดศีรษะ ปวดคอ เห็นภาพซ้อน ตาแห้ง มีอาการแพ้หรือหายใจไม่สะดวก ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ทันที
- เห็นผลภายใน 2-4 สัปดาห์ สามารถทำได้ทุก 3 เดือน
- ไม่ควรฉีดมากกว่าครั้งละ 300 ยูนิต หรือฉีดซ้ำภายในเวลาน้อยกว่า 3 เดือน เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อยา
- ผู้ที่เพิ่งทำหัตถการอย่างอื่น เช่น ร้อยไหม HIFU ฟิลเลอร์ เลเซอร์ ฉีดฝ้า ฉีดผิว สามารถฉีด Botulinum Toxin ได้เลย
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
- ห้ามรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด 1 สัปดาห์ก่อนทำ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค พอนสแตน วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย โสม St. John's wort น้ำมันกระเทียม เพราะมีผลต่อยาต้านการแข็งตัวของเลือด (ควรปรึกษาแพทย์ที่รักษาก่อนหยุดยา)
- งดทายาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A) Retinols Retinoids Glycolic Acid หรือครีมในกลุ่ม Anti-Aging อย่างน้อย 3 วันก่อนทำ
- งดแว็กซ์ผิว ขัดผิว สครับผิว นวดหน้า โกนขน ดึงขน เลเซอร์ บริเวณที่จะทำอย่างน้อย 3 วันก่อนรับบริการ
- หากมีโรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ หรือแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ 24 ชั่วโมงก่อนทำ
- งดกิจกรรมที่ส่งผลให้มีการสูบฉีดไหลเวียนของเลือดมากขึ้น เช่น การออกกำลังกาย ซาวนา ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนทำ
การดูแลหลังรับบริการ
- หนุนหมอนสูงในคืนแรกหลังฉีด
- ทันทีหลังจากฉีด ควรบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อให้ท็อกซินถูกปลายประสาทดูดซึมเข้าไปให้มากที่สุด (ทำได้โดยการยิ้ม หยีตา ยักคิ้ว ขมวดคิ้ว ย่นจมูก ย่นหน้าผาก เคี้ยวหมากฝรั่ง)
- ภายใน 3-4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด ห้ามนอนราบ
- ภายใน 6-8 ชั่วโมงแรกหลังฉีด ไม่นวด กด บีบ คลึง บริเวณที่เพิ่งทำฉีด Botulinum Toxin มา
- หากมีอาการบวมแดงหรือช้ำในช่วง 1-2 วันแรกหลังการฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติจากเข็มฉีดยา ให้ใช้น้ำแข็งประคบ แต่ควรประคบให้ถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์
- หากมีอาการปวดสามารถทานยาแก้ปวดได้
- ภายใน 2 สัปดาห์แรก ไม่ควรให้บริเวณที่ฉีด Botulinum Toxin สัมผัสความร้อน
- 1 วันหลังฉีด งดแต่งหน้า งดทาครีมบำรุง (ล้างหน้าได้อย่างเดียว งดล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น) ทำความสะอาดหน้าด้วยโฟม และซับหน้าให้แห้ง ไม่ควรแช่น้ำ หรือว่ายน้ำ
- ควรพบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผลการรักษา
- 1 สัปดาห์หลังฉีด งดออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก งดการสัมผัสโดนความร้อน เช่น ซาวน่า ตากเเดดเป็นเวลานาน งดการนวดหน้า การกดสิว การทำเลเซอร์ งดดื่มเหล้าสูบบุหรี่
- กรณีฉีดริ้วรอยรอบดวงตางดใส่แว่นตาว่ายน้ำ 1 สัปดาห์
ก่อนตัดสินใจ
- ผลลัพธ์ของการเสริมความงามขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากพบอาการผิดปกติหลังรับบริการควรปรึกษาแพทย์
ฉีด Botulinum Toxin
ข้อห้ามสำหรับการฉีด Botulinum Toxin Botulax®️
- ใช้ได้ในผู้ที่มีอายุ 18-65 ปี
- ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
สิ่งที่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
- ประวัติแพ้ยา สารอื่นๆ หรือ Botulinum Toxin ไม่ว่ายี่ห้อใดๆ
- ยาและวิตามินที่ใช้อยู่
- เคยมีปัญหาเลือดหยุดยาก
- เป็นโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและประสาท เช่น ALS, myasthenia gravis หรือ Lambert-Eaton syndrome
- มีโรคประจำตัวหรือเข้ารับการรักษาอื่นๆ
- ได้รับการฉีด Botulinum Toxin ครั้งสุดท้ายมาไม่เกิน 4 เดือน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- มีอาการคัน เป็นผื่น บวม มีรอยแดงคัน
- ผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีปัญหาด้านการมองเห็น เวียนศีรษะภายในชั่วโมงหรือหลายสัปดาห์หลังจากฉีด หากมีอาการเหล่านี้ ห้ามขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมอื่นที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย
- เกิดความผิดปกติจากการกระจายของ Botulinum Toxin ไปที่บริเวณอื่นของร่างกาย เช่น หนังตาตก เสียงเปลี่ยน มีปัญหาการควบคุมปัสสาวะ
ข้อควรระวัง
- หากมีอาการหายใจลำบาก หายใจหอบ เวียนศีรษะ หรือจะเป็นลม ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
- หากมีปัญหาการกลืน การพูด การหายใจ ควรพบแพทย์ทันที
ฉีดวิตามิน
ข้อห้ามสำหรับการฉีดวิตามิน
- สตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- ไม่ควรฉีดวิตามินในผู้ที่มีภาวะไตล้มเหลว
- ควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ไต และความดันโลหิต
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำลังรับประทานยา อาหารเสริม มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้อื่นๆ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- อาจได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดสารละลายวิตามิน เช่น การระคายเคือง การอักเสบ เลือดอุดตันบริเวณที่ฉีด
- หากทำโดยบุคลากรที่ไม่เชี่ยวชาญ อาจเกิดอันตรายจากการฉีดวิตามินที่ไม่เหมาะสม เช่น ให้วิตามินเร็วเกินไป ไม่ระวังเรื่องความสะอาด
เมโสเด้พลัส
ข้อห้ามสำหรับการฉีดเมโส
- อายุน้อยกว่า 18 ปี
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- เคยมีประวัติแพ้ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์
- มีประวัติเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง
- รับประทานยาละลายลิ่มเลือด หรือยาโรคหัวใจ
- เป็นโรคเบาหวาน โรคที่เกี่ยวกับตับหรือไต
- เป็นโรคลมชัก
- ติดเชื้อเอชไอวี
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีโรคประจำตัวหรือกำลังรับประทานยาหรืออาหารเสริมอยู่
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- เกิดอาการแพ้ เป็นผื่น หรือคันบริเวณที่ฉีด
- มีอาการปวด ฟกช้ำ บวม แดง
- เกิดการติดเชื้อ อักเสบ
- เป็นแผลเป็น
- รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน มีอาการท้องเสีย
ข้อมูลทั่วไป
ฉีด Botulinum Toxin
Botulinum Toxin⠀เป็นสารที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นิยมใช้ในวงการแพทย์เพื่อความงามในการลดริ้วรอยบนใบหน้า
ปัจจุบันโบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อที่ใช้เรียกทั่วไปแทนผลิตภัณฑ์สาร BotulinumtoxinA (botulinum toxin ชนิด A) ซึ่งผลิตได้จากเชื้อ Clostridium botulinum
Botulinum Toxin ลดริ้วรอยได้อย่างไร?
สาร BotulinumtoxinA จะไปยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทตรงปลายประสาทที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดตัว ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด Botulinum Toxin คลายตัว ริ้วรอยจึงลดลง
ในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์ Botulinum Toxin หลายยี่ห้อด้วยกัน แต่ละตัวอาจมีความแรงในการออกฤทธิ์และคุณสมบัติอื่นแตกต่างกันบ้าง แม้ว่าจะมีสารสำคัญเดียวกันคือ BotulinumtoxinA
คุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ Botulinum Toxin แต่ละชนิดเหมาะกับการแก้ปัญหาต่างๆ บนใบหน้า และเทคนิคที่ใช้ในการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแตกต่างกัน ดังนั้นประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์จึงมีความสำคัญมาก
แพ็กเกจนี้ใช้ผลิตภัณฑ์ Botulax®️
Botulax®️ จัดเป็น ‘ยาควบคุมพิเศษ’ ใช้เฉพาะสถานพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอยู่ประจำ
ส่วนประกอบสำคัญ:⠀Clostridium botulinum (Toxin Type A)
เลขทะเบียนตำรับยา:⠀1C1/62(BF) (50 ยูนิต) 1C4/54(BF) (100 ยูนิต) 1C7/58(BF) (200 ยูนิต)
หมายเหตุ
- ปัจจัยบางอย่างทำให้ผลิตภัณฑ์ Botulinum Toxin แต่ละตัวแตกต่างกัน เช่น ชนิดของสายพันธุ์เชื้อที่ใช้ผลิต กระบวนการผลิต ขนาดโมเลกุลของสาร ปริมาณสารต่อยูนิต และส่วนผสมอื่นในผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
- เนื่องจากสารสำคัญ BotulinumtoxinA ในแต่ละผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกัน จึงมีการใช้ชื่อเฉพาะ เช่น OnabotulinumtoxinA (Botox), IncobotulinumtoxinA (Xeomin), AbobotulinumtoxinA (Dysport), PrabotulinumtoxinA (Nabota)
- หน่วยที่เป็นยูนิตของแต่ละผลิตภัณฑ์ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ ทั้งในแง่ของความแรง และคุณสมบัติเฉพาะอื่นๆ จึงทำให้ไม่สามารถใช้แทนกันเพื่อหวังผลลัพธ์ที่เหมือนกัน
เปรียบเทียบคุณสมบัติของ Botulinum Toxin
การกระจายตัว
Botox®️ (กระจายตัวน้อยสุด) < Neuronox®️ < Botulax®️ < Nabota®️ < Xeomin®️ < Dysport®️ (กระจายตัวมากสุด)
Botulinum Toxin ที่มีการกระจายตัวน้อยจะช่วยให้ออกฤทธิ์เฉพาะจุดได้ดี ไม่กระจายไปยังส่วนอื่นที่ไม่ต้องการมากนัก ในขณะที่ Botulinum Toxin ที่มีการกระจายตัวมากจะกระจายตัวออกจากจุดที่ฉีดได้ดีกว่า ช่วยให้ผลที่ได้ไม่ตึงจนเกินไป ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
อย่างไรก็ตามจะมีการกระจายมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ความเข้มข้นของสารละลายที่ฉีด และปริมาณที่ฉีดด้วย
การดื้อยา
Xeomin เป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่ไม่ทำให้เกิดการดื้อยา เนื่องจากไม่มีโปรตีนส่วนที่ไม่ใช่สารสำคัญในการออกฤทธิ์ (complexing protein) ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นอาจทำให้เกิดการดื้อยาได้หากได้รับมากเกินไป
การดื้อยาและการป้องกัน
การดื้อยาสำหรับ Botulinum Toxin จะเป็นลักษณะที่ฉีดแล้วเห็นผลน้อยลงหรือไม่ได้ผล อาจเกิดขึ้นได้หากฉีดในปริมาณมากหรือถี่จนเกินไป ซึ่งอาจป้องกันได้ดังนี้
- ควรฉีดในปริมาณน้อยที่สุดที่สามารถลดริ้วรอยที่ต้องการได้ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน
- ฉีดแต่ละครั้งควรห่างกันมากกว่า 12 สัปดาห์
ฉีดวิตามิน
การฉีดวิตามิน⠀หรือ การให้วิตามินทางหลอดเลือด (Intravenous Vitamin Therapy) เป็นการให้วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายทางสายน้ำเกลือ ให้เข่าสู่กระแสเลือดโดยตรง ซึ่งมีข้อดีคือทำให้ปริมาณวิตามิน เกลือแร่ หรือสารอื่นๆ ที่ได้รับครบถ้วนตามต้องการ ทั้งยังสามารถเลือกสูตรของวิตามินให้เหมาะกับประโยชน์ที่ต้องการและความจำเป็นเฉพาะกับแต่ละคนอีกด้วย
ประโยชน์ของการฉีดวิตามินมีอะไรบ้าง?
สูตรของวิตามินที่ใช้อาจเน้นเสริมในเรื่องต่างๆ แตกต่างกันไป เช่น
- เสริมระบบภูมิคุ้มกัน
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- ลดความเครียดที่เกิดขึ้นในร่างกาย
- ฟื้นฟูสุขภาพ
- เสริมให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง
- บรรเทาอาการหรือช่วยเสริมการรักษาโรคบางประเภทได้
- อื่นๆ
การฉีดวิตามิน VS การได้รับวิตามินจากอาหาร?
โดยทั่วไปร่างกายสามารถได้รับวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่เพียงพอจากอาหารที่รับประทาน แต่ในอาหารอาจมีสารเหล่านี้น้อยเกินไปและถูกดูดซึมผ่านทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อนำไปใช้ได้เพียงบางส่วน ทำให้เกิดภาวะขาดวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดได้
ในขณะที่การฉีดจะทำให้วิตามินและแร่ธาตุเข้าสูกระแสเลือดแล้วนำไปใช้ได้ทันทีในปริมาณที่ต้องการและครบถ้วนกว่า อีกทั้งยังสามารถให้สารอื่นๆ ที่ต้องการเพิ่มเติมไปในคราวเดียวกัน แต่ต้องทำภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ที่เชี่ยวชาญ
หมายเหตุ
- การฉีดวิตามินอาจจำเป็นในกรณีที่ขาดวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิดเท่านั้น ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ไม่หลงเชื่อการกล่าวอ้างเกินจริง และเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัย
- หากได้รับวิตามินซีทางหลอดเลือดในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้รู้สึกเจ็บบริเวณที่ฉีด มีอาการคลื่นไส้ และเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตได้
เมโสเด้พลัส
การฉีดเมโส (Mesotherapy)⠀เป็นการฉีดผิวด้วยสารละลายที่มีสารสำคัญต่างๆ ขึ้นอยู่กับสูตรที่ใช้ โดยเป็นการฉีดไปยังผิวหนังชั้นกลางโดยตรง เรียกว่าชั้น “เมโส” (Meso) ด้วยเข็มฉีดยาที่มีขนาดหัวเข็มเล็กมาก
สารละลายที่ใช้ฉีดประกอบด้วยสารสำคัญต่างๆ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สารอาหาร หรือสารอื่น ที่เมื่อฉีดไปที่ผิวโดยตรงแล้ว อาจช่วยรักษาหรือฟื้นฟูผิวด้วยคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป
แพ็กเกจนี้ใช้ Mesode Plus
Mesode Plus (เมโสเด้ พลัส) รีวิทาไลท์ซิ่ง เทอราพี เป็นสูตรปรับปรุงใหม่จากสูตรเดิมคือ Mesode มีปริมาณกรดไฮยารูลอนิกสูงขึ้น ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวมากกว่าเดิม ช่วยฟื้นฟูผิวหน้า ให้แลดูเนียนใสอ่อนกว่าวัย พร้อมการปรับสภาพผิวให้ดูขาวใสเป็นธรรมชาติ
เลขที่ใบจดแจ้ง⠀10-1-5971563
- Placenta extract 20% อุดมด้วยโกรท์แฟกเตอร์ (Growth Factor) ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ
- Copper peptide ช่วยสมานผิว ต้านการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- Hyaluronic Acid (HA) 3 mg (มากกว่า Mesode เดิม) ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นบนผิว ลดเลือนริ้วรอย
- Vitamins & Mineral ช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส ต้านอนุมูลอิสระ
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ Divine Aesthetic Clinic ผ่าน HDmall
วิธีการจ่ายเงินและการใช้คูปอง
- กดชำระเงินออนไลน์
- รับคูปองทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง
- โทรนัดหรือเลื่อนนัดกับคลินิกได้โดยตรงตามข้อมูลในคูปอง
- ยื่นคูปองที่คลินิกเพื่อรับบริการ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 30-60 วัน ตามที่ระบุในคูปอง)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ สามารถจ่ายที่คลินิกได้โดยตรง
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ Divine Aesthetic Clinic อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th
สาขาหรือแผนกที่ให้บริการ
-
วันศุกร์-พุธ (หยุดวันพฤหัสบดี) 13.30-20.00 น.
-
MRT สถานีห้วยขวาง (ทางออก 1) ต่อวินมอเตอร์ไซค์ไปประชาอุทิศ 19 คลินิกอยู่ติดกับร้านอาหารมัลดีฟส์
-
จอดรถที่คลินิก
-
จ่ายบัตรเครดิตได้ ไม่มีขั้นต่ำ มีค่าธรรมเนียม 3%