HDmall สรุปให้
ปิด
ปิด
- การแพร่ระบาดระลอกที่ 3 นี้ จากการตรวจพันธุกรรม SARS -CoV-2 พบว่า เป็นเชื้อโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ (B.1.1.7) หรือที่นิยมเรียกสั้นๆ ว่า “โควิดสายพันธุ์อังกฤษ”
- ข้อมูลวิจัยก่อนหน้าระบุว่า โควิดสายพันธุ์อังกฤษที่ว่านี้สามารถแพร่ได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์โคโรนาไวรัสอื่นๆ มากถึง 50% และมีความรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ถึง1.7 เท่า
- อาการป่วยโควิดสายพันธุ์อังกฤษ หรืออาการป่วยโควิดระลอกที่ 3 ที่พบต่างไปจากเดิม ได้แก่ ตาแดง น้ำมูกไหล ผื่นขึ้น และบางรายไม่มีไข้ แต่ยังคงมีอาการไอ เหนื่อย อ่อนเพลีย และมีเสมหะอยู่ เพียงแต่เสมหะจะเหนียวมาก บางครั้งก็มีเลือดปะปน
- เชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษน่าจะมีระยะฟักตัวเกินกว่า 14 วัน ดังนั้นบางคนจึงอาจต้องใช้เวลาตรวจมากกว่า 2 ครั้งจึงพบเชื้อ ดังนั้นหากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงจึงควรกักตัวอย่างน้อย 14 วัน
- เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจโควิด 19 หรือแอดไลน์ @hdcoth
ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในเมืองไทย เข้าสู่ “การแพร่ระบาดระลอกที่ 3” (เมษายน 2564) ซึ่งมีแนวโน้มที่รุนแรงและรวดเร็วกว่าทุกครั้ง รวมทั้งยังพบอาการป่วยโควิดระลอกที่ 3 บางอาการซึ่งแตกต่างไปจากเดิม
อาการป่วยโควิดระลอกที่ 3 ในไทย มีอะไรต่างจากเดิมบ้าง เพื่อให้เรามีวิธีสังเกตสัญญาณผิดปกติได้ทันท่วงที HDmall.co.th มีข้อมูลมาบอก
โควิดสายพันธุ์อังกฤษ สาเหตุใหญ่การแพร่ระบาดระลอกที่ 3
หลังการค้นพบเชื้อโคโรนาไวรัสจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เป็นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.2019 เชื้อไวรัสได้แยกออกเป็น 8 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ S,L,G,V,GH,GR,O และ B แพร่กระจายไปทั่วโลก
ทั้งนี้แต่ละสายพันธุ์มีความรุนแรงของอาการป่วยโควิดไม่เท่ากัน อีกทั้งยังพบว่า ในบางสายพันธุ์ยังมีการกลายพันธุ์ที่แตกต่างกัน
สำหรับประเทศไทย เดิมทีพบการแพร่ระบาดระลอกแรกของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ S เมื่อมีนาคม 2563 และพบการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ GH เมื่อธันวาคม 2563 และล่าสุดเมื่อเมษายน 2564 ไทยเราก็มีการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสระลอกที่ 3
การแพร่ระบาดระลอกที่ 3 นี้ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เก็บตัวอย่างจากคลัสเตอร์ทองหล่อและคลัสเตอร์บางแค มาตรวจพันธุกรรม SARS -CoV-2 และพบว่า เป็นเชื้อโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ (B.1.1.7) หรือที่นิยมเรียกสั้นๆ ว่า “โควิดสายพันธุ์อังกฤษ”
ข้อมูลวิจัยก่อนหน้าระบุว่า โควิดสายพันธุ์อังกฤษที่ว่านี้สามารถแพร่ได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์โคโรนาไวรัสอื่นๆ มากถึง 50% และมีความรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ถึง1.7 เท่า
อาการป่วยโควิดสายพันธุ์อังกฤษต่างจากเดิมอย่างไร?
เดิมทีอาการป่วยโควิดระลอกที่ 1-2 ในไทย ที่พบบ่อย ได้แก่
- ไข้สูง
- ไอแห้ง มีเสมหะ
- อ่อนเพลีย
- หายใจติดขัด
- คัดจมูก เจ็บคอ
- วิงเวียนศีรษะ
- ปวดศีรษะ
- ครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวสั่น
- ท้องเสีย
- จมูกไม่ได้กลิ่น
- ลิ้นไม่รับรส
ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อไวรัสจะแสดงอาการภายใน 14 วัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วมักจะแสดงอาการในวันที่ 5-6 หลังจากได้รับเชื้อ
ส่วนอาการป่วยโควิดสายพันธุ์อังกฤษ หรืออาการป่วยโควิดระลอกที่ 3 ที่พบต่างไปจากเดิมมีดังนี้
- ตาแดง
- น้ำมูกไหล
- ผื่นขึ้น
น่าแปลกว่า ผู้ป่วยบางส่วนยังไม่มีอาการไข้สูงอย่างที่พบมากในการติดเชื้อในระลอก 1-2 อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยระลอกที่ 3 นี้ยังคงมีอาการไอ เหนื่อย และอ่อนเพลีย เช่นเดียวกับอาการป่วยโควิดระลอกที่ 1-2 อยู่ รวมทั้งมีเสมหะร่วมด้วย เพียงแต่ในการแพร่ระบาดครั้งที่ 3 พบว่า ผู้ป่วยจะมีเสมหะเหนียวมาก บางครั้งก็มีเลือดปะปนออกมาด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายก็แทบไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เลย
นอกจากนี้อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจที่รักษาเคสผู้ป่วยโควิดระลอกที่ 3 ยังพบว่า ผู้ป่วยมักมีอาการปอดอักเสบมีเพิ่มมากขึ้นและอาการปอดอักเสบนี้ยังมักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
ด้วยความที่อาการอื่นๆ มักไม่ปรากฏ กว่าจะตรวจพบว่า ผู้ป่วยโควิดมีอาการปอดอักเสบร่วมด้วย อาการก็อาจรุนแรงแล้ว
ดังนั้นอายุรแพทย์บางท่านจึงอาจทดสอบอาการทางปอดของผู้ป่วยโควิด ด้วยการให้เดิน 6 นาที (ุ6-minute Walk test) หรือให้เดินเร็วๆ หากผู้ป่วยโควิดเริ่มมีอาการปอดอักเสบมักจะพบว่า ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยง่าย และเหนื่อยเร็วกว่าปกติ หัวใจจะเต้นเร็วมาก ความดันโลหิตสูงขึ้น และระดับออกซิเจนในเลือดจะต่ำลงมาก ต้องรีบให้การรักษาอาการปอดอักเสบอย่างเร่งด่วน
หากมีความเสี่ยงติดโควิดระลอกที่ 3 ควรทำอย่างไร?
ระยะฟักตัว เชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษน่าจะมีระยะฟักตัวเกินกว่า 14 วัน ดังนั้นบางคนจึงอาจต้องใช้เวลาตรวจมากกว่า 2 ครั้งจึงพบเชื้อ และเมื่อถึงตอนนั้น หากกลุ่มเสี่ยงไม่ได้มีการกักตัวก็สามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังบุคคลอื่นๆ แล้ว
ดังนั้นหากสงสัยว่า ตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงให้กักตัวอย่างน้อย 14 วัน งดการเดินทาง หรือพบปะผู้อื่น
- กรณีไม่มีอาการผิดปกติ ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการรับเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษจากผู้มีความเสี่ยงรายอื่นๆ
- กรณีพบว่า ตนเองมีอาการเสี่ยง ได้แก่ ตาแดง น้ำมูกไหล มีผื่นขึ้น บางรายอาจไม่มีไข้ แต่บางรายอาจมีไข้สูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส หายใจหอบเหนื่อย ปวดตามร่างกาย ปวดศีรษะ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจให้ได้ผลที่แน่ชัด
แม้ว่า โควิดสายพันธุ์อังกฤษถึงแม้จะสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็ว แต่ถ้าหากรู้ว่า ตนอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องจะสามารถช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัสลงได้
หากอยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ หรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการระบาด หรือมีกำหนดการต้องเดินทาง สามารถ เปรียบเทียบราคาล่าสุดและแพ็กเกจตรวจโควิด 19 ด้วยเทคนิคที่ต้องการได้ที่นี่เลย หรือที่ไลน์ @hdcothโดยมีจิ๊บใจดี เสียงใสคอยให้บริการข้อมูล สั่งซื้อแพ็กเกจ และจองคิวนัดหมายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าถึงตีหนึ่ง! แอดเลยไม่ต้องรอ
ที่มาของข้อมูล
ปิด
ปิด
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สู้! โควิด-19 ไปด้วยกัน (file:///C:/Users/USER/Downloads/คู่มือ_ดูแลตัวเองสำหรับประชาชน_สู้โควิด-19_ไปด้วยกัน.pdf), 20 เมษายน 2564.
- hfocus team, สธ.พบอาการโควิดระลอกใหม่ "ตาแดง-ผื่นขึ้น" (https://www.hfocus.org/content/2021/04/21384), 20 เมษายน 2564.
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, นิยามผู้สงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (Patient Under Investigation: PUI)(https://ddc.moph.go.th/viralpn... เมษายน 2564
- The NEW ENGLAND JOURNAL of MEDICINE, New SARS-CoV-2 Variants — Clinical, Public Health, and Vaccine Implications (New SARS-CoV-2 Variants — Clinical, Public Health, and Vaccine Implications | NEJM), 20 April 2021.
- WHO, Coronavirus disease (COVID-19)(https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/question-and-answers-hub/q-a-detail/coronavirus-disease-covid-19#:~:text=symptoms), 20 April 2021.
- CDC, SARS-CoV-2 Variant Classifications and Definitions (SARS-CoV-2 Variants of Concern | CDC), 20 April 2021.