pioglitazone

Pioglitazone (ไพโอกลิตาโซน)

ยา ไพโอกลิตาโซน (pioglitazone) เป็นยารักษาโรคเบาหวาน ชนิด thiazolidinedione หรืออาจเรียกว่าชนิด “glitazones” โดยยานี้จะใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (type 2 diabetes) ยาจะออกฤทธิ์ในการช่วยให้ร่างกายกลับมาตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) ได้ดีขึ้น จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ยา pioglitazone สามารถใช้เป็นยาเดี่ยวหรือใช้ร่วมกับยารักษาโรคเบาหวานชนิดอื่นได้

การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจะช่วยป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับไต, ตาบอด, ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท, การตัดขา และปัญหาในการมีเพศสัมพันธ์ การควบคุมโรคเบาหวานอย่างเหมาะสมอาจช่วยลดวามเสี่ยงต่อการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (heart attack) หรือโรคหลอดเลือดสมองได้ (stroke)

สรรพคุณของยา pioglitazone

  • รักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2: ใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายเพื่อช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
  • ใช้ร่วมกับยาเบาหวานชนิดอื่น: สามารถใช้ร่วมกับยาลดน้ำตาลในเลือดชนิดอื่น เช่น Metformin, Sulfonylureas หรือ Insulin เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

กลไกการออกฤทธิ์ของยา pioglitazone

pioglitazone เป็นยาที่อยู่ในกลุ่ม Thiazolidinediones (TZDs) ทำงานโดยการเพิ่มความไวของเซลล์ต่ออินซูลิน (insulin sensitizer) ซึ่งช่วยให้ร่างกายใช้ประโยชน์จากอินซูลินได้ดีขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง นอกจากนี้ยังช่วยลดการสร้างน้ำตาลจากตับ

วิธีใช้ยา pioglitazone

  • อ่านคำแนะนำในการใช้ยาที่ได้รับจากเภสัชกรก่อนเริ่มใช้ยา pioglitazone และในทุกครั้งที่คุณไปรับยาซ้ำ หากคุณมีคำถามใดๆ ให้สอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกร
  • รับประทานยานี้ตามแพทย์สั่ง โดยสามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ โดยทั่วไปมักรับประทานวันละ 1 ครั้ง ขนาดยาที่คุณจะได้รับจะขึ้นกับสภาวะโรค, การตอบสนองต่อการรักษา และขึ้นกับว่าคุณกำลังใช้ยารักษาโรคเบาหวานชนิดอื่นอยู่หรือไม่ แพทย์จะปรับขนาดยาตามค่าระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อให้ได้ขนาดยาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ดังนั้นขอให้รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • รับประทานยานี้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลการรักษาเต็มที่ โดยแนะนำให้รับประทานยาในเวลาเดิมของทุกๆ วัน
  • ถ้าคุณเป็นผู้ที่ใช้ยารักษาโรคเบาหวานชนิดอื่นอยู่ด้วย เช่น metformin หรือ sulfonylurea แนะนำให้ปฏิบัติตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดว่าจะต้องหยุดยาเดิม หรือใช้ยาเดิมต่อไป รวมถึงจะเริ่มยาใหม่นี้อย่างไร นอกจากนี้แนะนำให้ปฏิบัติตามแผนการรักษาของแพทย์, คำแนะนำในการรับประทานอาหารที่ได้รับ รวมถึงโปรแกรมการออกกำลังกายที่แพทย์เป็นผู้แนะนำ
  • ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำตามแพทย์สั่ง โดยให้นำผลการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดไปให้แพทย์ดูในวันที่ไปพบแพทย์ด้วย แจ้งให้แพทย์ทราบหากพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดที่คุณวัดได้มีค่าสูงเกินไป หรือมีค่าต่ำเกินไป ซึ่งอาจต้องมีการปรับขนาดยา/ปรับการรักษา การรักษาด้วยยานี้อาจใช้เวลานาน 2-3 เดือนก่อนจะได้ผลการรักษาเต็มที่

ผลข้างเคียงของยา pioglitazone

  • อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ เจ็บคอ, ปวดกล้ามเนื้อ, น้ำหนักเพิ่ม หรือมีปัญหาที่ฟัน หากอาการที่เกิดขึ้นเป็นเรื้อรังหรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
  • โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์พิจารณาสั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะแพทย์ได้พิจารณาแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยามากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง และผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา
  • แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง ได้แก่ มีปัญหาในการมองเห็น การมองเห็นแย่ลง เช่น ตาพร่า, กระดูกหัก, ปัสสาวะเป็นสีแดง, รู้สึกต้องการปัสสาวะอย่างเร่งด่วน, ปวดขณะปัสสาวะ
  • ยา pioglitazone อาจทำให้เกิดโรคตับได้ (พบได้น้อย) โดยให้แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการของโรคตับ ได้แก่ ปัสสาวะมีสีเข้ม, ตัวเหลือง ตาเหลือง, คลื่นไส้อาเจียนเรื้อรัง, ปวดท้อง
  • โดยทั่วไปยา pioglitazone มักไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) โดยภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอาจเกิดขึ้นเมื่อได้รับยานี้ร่วมกับยารักษาโรคเบาหวานชนิดอื่น เช่น อินซูลิน (insulin) หรือยากลุ่ม sulfonylurea ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจะเกิดได้ง่ายขึ้นถ้าคุณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก, ออกกำลังกายมากเกินไป หรือได้รับพลังงานจากอาหารไม่เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ คุณต้องรับประทานอาหารตามมื้อปกติ โดยไม่ข้ามมื้อใดมื้อหนึ่งไป โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงคำแนะนำในการปฏิบัติตนหากคุณข้ามมื้อการรับประทานอาหารไป
  • อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ได้แก่ เหงื่อออก, มือสั่น, หัวใจเต้นเร็ว, รู้สึกหิว, ตาพร่า, เวียนศีรษะ, เหน็บชาที่มือหรือเท้า แนะนำให้คุณพกน้ำตาลกลูโคสชนิดเม็ดติดตัวไว้เพื่อรักษาอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ หากคุณไม่มีน้ำตาลกลูโคสชนิดเม็ด ให้รับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลที่ดูดซึมได้เร็ว เช่น ลูกอมที่มีน้ำตาล หรือ น้ำผึ้ง หรือดื่มน้ำผลไม้ หรือดื่มน้ำอัดลมสูตรที่มีน้ำตาล (ต้องไม่ใช่ลูกอมหรือน้ำอัดลมสูตรปราศจากน้ำตาล) และให้แจ้งแพทย์ทราบทันทีเมื่อคุณมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพื่อรักษาอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • อาการของภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง (hyperglycemia) ได้แก่ กระหายน้ำ, ปัสสาวะบ่อย, สับสน, ง่วงนอน, หน้าแดง, หายใจเร็ว, หายใจมีกลิ่นผลไม้ หากเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น ให้แจ้งแพทย์ทันที ซึ่งอาจต้องมีการปรับขนาดยาเพิ่ม
  • ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้พบได้น้อย อย่างไรก็ตาม ให้รีบไปพบแพทย์หากคุณมีอาการของการแพ้ยา ได้แก่ ผื่น, คัน บวม (โดยเฉพาะที่ใบหน้า ลิ้น คอ), เวียนศีรษะ, หายใจลำบาก
  • เนื่องจากผลข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่ผลข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นถ้าคุณมีอาการอื่นนอกเหนือจากที่เขียนไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ข้อควรระวังในการใช้ยา pioglitazone

  • หากคุณแพ้ยานี้ หรือแพ้ยาอื่น หรือสิ่งใดๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนการได้รับยา pioglitazone ผลิตภัณฑ์ยานี้ อาจประกอบด้วยสารประกอบอื่นซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นๆ ได้ ปรึกษาเภสัชกรหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
  • ก่อนการใช้ยานี้ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของตัวคุณเอง โดยเฉพาะถ้าคุณเป็น โรคหัวใจ (เช่น โรคหัวใจล้มเหลว, อาการเจ็บหน้าอก), โรคตับ, มีน้ำในปอด, อาการบวม, โลหิตจาง, โรคตาบางชนิด (macular edema), มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • คุณอาจมีอาการตาพร่ามัว, เวียนศีรษะ หรือง่วงนอน เนื่องจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินไป ห้ามขับรถ, ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องใช้การตื่นตัว หรือการมองเห็นที่ชัดเจน จนกว่าคุณจะสามารถกลับมาทำกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย
  • จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างการใช้ยานี้ เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • อาจเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดขณะที่ร่างกายอยู่ในสภาวะเครียด (เช่น จากอาการไข้, การติดเชื้อ, การบาดเจ็บ หรือการผ่าตัด) แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพราะความเครียดของร่างกายที่เพิ่มขึ้นอาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนการรักษา, การใช้ยา หรือการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
  • ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ให้แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยา อาหารเสริม สมุนไพร ที่คุณกำลังใช้อยู่ทุกครั้ง
  • ยา pioglitazone อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักในผู้หญิง (มักเป็นที่ท่อนแขนส่วนบน, มือ หรือเท้า)
  • ยา pioglitazone เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงรอบประจำเดือน (กระตุ้นการตกไข่) และเพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีในการคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้ขณะใช้ยา pioglitazone
  • การใช้ยานี้ระหว่างตั้งครรภ์ต้องพิจารณาแล้วว่ามีความจำเป็นเท่านั้น จึงจะใช้ยาได้ โดยให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากยานี้ แพทย์อาจพิจารณาเปลี่ยนเป็นยาฉีดอินซูลินแทนในระหว่างที่คุณกำลังตั้งครรภ์ โดยให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้ผ่านไปยังน้ำนมได้หรือไม่ ดังนั้นให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมบุตร

คำเตือนในการใช้ยา pioglitazone

ยา pioglitazone อาจเป็นสาเหตุของโรคหรือทำให้โรคหัวใจแย่ลง (หัวใจวาย) ซึ่งพบได้น้อย หากคุณมีอาการของโรคหัวใจล้มเหลว ให้รีบแจ้งแพทย์ทันที ได้แก่ หายใจถี่ หายใจหอบเหนื่อย ข้อเท้าบวม เท้าบวม อ่อนเพลียผิดปกติ น้ำหนักเพิ่มกะทันหัน หรือน้ำหนักเพิ่มผิดปกติ

ไม่แนะนำให้ใช้ยา pioglitazone ในผู้ป่วยที่มีภาวะของโรคหัวใจล้มเหลวบางชนิด ดังนั้นหากคุณเป็นโรคหัวใจล้มเหลว ให้แจ้งแพทย์ทราบก่อนการใช้ยานี้

ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยา pioglitazone

ผู้ป่วยที่มีสภาวะดังต่อไปนี้ ถือเป็นข้อห้ามในการใช้ยา pioglitazone ให้แจ้งแพทย์ทราบก่อนได้รับยา

  • การติดเชื้อ
  • มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • น้ำตาลในเลือดต่ำ
  • หัวใจล้มเหลวเรื้อรัง
  • หัวใจล้มเหลวรุนแรง
  • มีอาการหัวใจล้มเหลวรุนแรงเฉียบพลัน
  • โรคตับ
  • มีเลือดออกในปัสสาวะ
  • มีไข้
  • มีอาการบวมน้ำ
  • กระดูกหัก
  • โรคตา Macular Edema
  • แพ้ยา pioglitazone

การใช้ยา pioglitazone ร่วมกับยาอื่น

ปฏิกิริยาอย่างรุนแรง (severe interactions)

รายการยาที่สามารถเกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับยา pioglitazone ซึ่งมักไม่ใช้ร่วมกัน ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับข้อมูลเพิ่มเติม

  • ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ CYP2C8 อย่างรุนแรง (strong CYP2C8 inhibitors)
  • ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ CYP2C8 อย่างรุนแรง (strong CYP2C8 inhibitors)
  • พืช gymnema (ผักจินดา หรือ ผักเชียงดา)
  • ยา gatifloxacin

ปฏิกิริยาร้ายแรง (serious interactions)

รายการเหล่านี้อาจเกิดปฏิกิริยากับยา pioglitazone และทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับข้อมูลเพิ่มเติม

ปฏิกิริยาปานกลาง (moderate interactions)

รายการยาเหล่านี้อาจทำให้เกิดความเสี่ยงขึ้นหากใช้ร่วมกับยา pioglitazone ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับข้อมูลเพิ่มเติม

  • ยา rifamycins
  • ยา insulin
  • ยาในกลุ่ม quinolones บางชนิด
  • ยา trimethoprim
  • ยา leflunomide, teriflunomide
  • ยา exemestane
  • ยา pregabalin
  • ยา bupropion

การได้รับยา pioglitazone เกินขนาด

หากใครก็ตามได้รับยานี้เกินขนาด และทำให้เกิดอาการร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบโทรเรียกรถพยาบาลที่สายด่วน 1669 ทันที

หมายเหตุ

  • ห้ามแบ่งยานี้ให้กับผู้อื่นใช้
  • เข้าร่วมเรียนโปรแกรมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการควบคุมโรคเบาหวานด้วยการใช้ยา การปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการมาพบแพทย์ตามนัด
  • เรียนรู้เกี่ยวกับอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ รวมถึงวิธีในการรักษาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำตามแพทย์สั่ง และนำผลการตรวจไปให้แพทย์ดูทุกครั้งที่ไปพบแพทย์
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่จะช่วยให้กระดูกแข็งแรง ได้แก่ การออกกำลังกายแบบยกน้ำหนัก, การรับประทานอาหารอย่างสมดุลซึ่งมีแคลเซียมและวิตามินดีอย่างเพียงพอ, หยุดการสูบบุหรี่ และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ ให้ปรึกษาแพทย์ถ้าคุณต้องการรับประทานยาเม็ดแคลเซียม และวิตามินดีเสริม และปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการปรับพฤติกรรมที่อาจเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณ
  • ระหว่างการรับประทานยานี้ แพทย์จะนัดตรวจทางห้องปฏิบัติการ และ/หรือ การตรวจทางการแพทย์ เช่น การตรวจการทำงานของตับ, ระดับน้ำตาลในเลือด, ระดับน้ำตาลสะสมในเลือด, ค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด, ตรวจตา ซึ่งแนะนำให้มาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง

หากลืมรับประทานยา pioglitazone

ถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้านึกได้เมื่อใกล้กับเวลาของมื้อถัดไปแล้ว ให้ข้ามมื้อที่ลืม และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า

การเก็บรักษายา pioglitazone

  • เก็บรักษายาที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดงและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องอาบน้ำ เก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • ไม่เทยานี้ทิ้งในห้องน้ำหรือในท่อระบายน้ำ ให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ยานี้อย่างเหมาะสมเมื่อยาหมดอายุหรือเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้อีก
Scroll to Top